xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนเซนน้ำลายแตกฟองฟุ้งให้ไทยมีนิวเคลียร์ก็ไม่กลัว!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>ภาพรอยเตอร์วันที่ 4 ก.ค.2552 สมเด็จฯ ฮุนเซน คงจะปล่อยมุขอะไรสักอย่าง ทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีองไทยถึงกับหัวเราะร่า ระหว่างพิธีเปิดใช้ทางหลวงเลข 67 อย่างเป็นทางการที่เมืองเสียมราฐ ทางหลวง 130 กม.สายนี้ สร้างขึ้นด้วยเงินช่วยเหลือกว่า 1,000 ล้านบาทจากประเทศไทย ทั้งให้เปล่าและเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาผู้นำกัมพูชาก็จะด่าเช้าด่าเย็น </FONT></bR>

ASTV ผู้จัดการรายวัน-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้กล่าวเตือนประเทศไทยอย่างแข็งกร้าวระบุว่า กัมพูชาพร้อมตอบโต้การรุกรานทุกรูปทุกแบบ "ถึงแม้ไทยจะมีอาวุธทันสมัยหรือแม้กระทั่งระเบิดนิวเคลียร์" ก็ไม่ได้หวาดกลัว ผู้นำกัมพูชาประกาศเรื่องดังกล่าว ระหว่างปราศรัยที่จังหวัดโพธิสัตว์ในวันเสาร์ (22 ส.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และวิทยุไปทั่วประเทศ

แต่สัปดาห์ผ่านมานายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้สั่งให้ถอนทหารหลายหน่วยออกจากพื้นที่ตลอดแนวชายแดนติดกับไทยโดยอ้างว่า บรรลุภารกิจแล้ว และไม่มีการสู้รบทางด้านนั้น ขณะที่สำนักข่าวบางแห่งรายงานว่า ทหารที่แนวหน้ากำลังประสบความยากลำบากในฤดูฝน และ ขาดงบประมาณในการปฏิบัติการอีกด้วย

"ถ้าหากคุณเจรจาเราจะเจรจา ถ้าหาก (บุก) เข้ามา เราก็จะตีโต้กลับคืน ศีรษะของคุณไม้ได้คลุมด้วยเหล็กกล้า เรื่องนี้ต้องชัดเจน.." หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Duem Ampil) อ้างคำกล่าวของผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดในฉบับวันจันทร์นี้

อย่างไรก็ตามสมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวว่า กัมพูชาไม่ต้องการจะต่อสู้กับใคร แต่ถ้าหากถูกใครสักคนฟาดเข้าที่ศีรษะ ก็อย่าแปลกใจ "ถึงแม้คุณจะมีระเบิดปรมาณู กัมพูชาก็ไม่กลัว"

ผู้นำกัมพูชาเคยกล่าวเตือนประเทศไทยมาครั้งหนึ่งในเดือน ก.ค. หลังจากกล่าวหาว่าไทยได้เคลื่อนกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าใกล้เขตเขาพระวิหาร ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเยือนสันถวไมตรีประเทศกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แต่สมเด็จฯ ฮุนเซนก็กล่าวว่า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการสู้รบใดๆ ที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
<bR><FONT color=#FF0000>บุคคลิกทั่วไปมุทะลุดุดัน เป็นนักพูดขวัญใจประชาชน ภาพรอยเตอร์วันที่ 1 ก.ค.2552 สมเด็จฯ ฮุนเซน ปราศรัยนัดหนึ่งใน จ.กัมโป้ต (Kampot) ทางภาคใต้ของประเทศ ไม่ว่าจะไปที่ไหนกล้องกับไมโครโฟนของสถานีวิทยุโทรทัศน์จะตามกันไปเป็นขบวนใหญ่ และ ดูเหมือนว่าการท้าทายแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือกว่าของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่ท่านผู้นำถนัด และเป็นประเด็นที่ราษฎรทั่วไปอยากจะฟัง </FONT></bR>
สัปดาห์ที่ผ่านมาสมเด็จฯ ฮุนเซนได้สั่งการให้ถอนกรมทหารราบที่ 11 ออกจากเขตภูมะเขือ (Phnom Trop) หลังจากหน่วยนี้ได้จัดสร้างบันไดสำหรับปีนขึ้นเขาแล้วเสร็จ รวมทั้งติดตั้ง "ระบบขนส่งที่ติดเครื่องยนต์" ตามความลาดชันของหน้าผาแล้วเสร็จ

นอกจากนั้นสมเด็จฯ ฮุนซน ยังสั่งถอนทหารอีกหลายหน่วยกลับไปยังที่ตั้งเดิมใน จ.เสียมราฐ กับ จ.กัมปงธม และ ให้หน่วยรบพิเศษองครักษ์ผู้นำ ที่บัญชาการโดย พล.ท.ฮิงบุนเฮียง (Hing Bun Heang) จำนวนครึ่งหนึ่ง ให้กลับจากแนวหน้าสู่ที่ตั้งใน จ.กันดาล รอบนอกกรุงพนมเปญ

"ส่งทหารไปประจำแนวหน้ามากไปก็ไม่ดี พวกเขาควรจะได้ช่วยประชาชนปลูกพืชหรือทำนาในหน้าฝนนี้ด้วย"สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้นำวัย 58 ปีที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นปีที่ 24 กล่าวว่า "ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะกลับไปทันที ใช้เวลาไม่มากนัก แต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ที่ชายแดน)"
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 27 พ.ย.2549 สมเด็จฯ ฮุนเซน กับนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dng) โผเข้าหากันเพื่อทำ แบร์ฮัก หรือการโอบกอดกันเยี่ยงสหายร่วมรบแบบสหภาพโซเวียตในอดีต ระหว่างพิธีเปิดด่านพรมแดนม็อคบ๋าย-บ่าเว็ต (Moc Bai- Bavet) เวียดนามเป็นข้อยกเว้น สมเด็จฯ ไม่ทำอะไรให้ประเทศนี้เจ็บช้ำน้ำใจ และถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างที่สุด แม้ว่าพรมแดนด้านเวียดนามจะมีปัญหาไม่น้อยกว่าพรมแดนติดกับไทยก็ตาม </FONT></bR>
พล.ต.สเรย์ เดิ๊ก (Srey Doek) ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ซึ่งดูแลรับผิดชอบบริเวณปราสาทพระวิหารให้สัมภาษณ์ดืมอัมปึลทางโทรศัพท์บ่ายวันเดียวกันว่า สถานการณ์ชายแดนด้านนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปราสาทพระวิหารไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าหากมีการโจมตีจากฝ่ายไทยกัมพูชาก็จะตอบโต้โดยอัตโนมัติ

นายทหารผู้นี้กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้เตือนให้ทหารไทยต้องถอนรั่วลวดหนามออกไป รวมทั้งไม่ให้ก่อกำแพงคอนกรีตใดๆ ขึ้นมา "เราไม่ยอมให้พวกเขาทำอะไรได้ตามใจชอบ"

ผบ.พล 11 กัมพูชากล่าวอีกว่า การถอนออกจากพื้นที่เป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้ได้ลงท้องไร่ท้องนาในหน้าฝน การส่งทหารกลับไปประจำแนวหน้าก็ไม่ยากอีกแล้ว เพราะกัมพูชามีถนนที่ดีขึ้นแล้ว

ขณะเดียวกัน พล.จ.ยิมปิม (Yim Pim) ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 8 ซึ่งเคยเป็นกองกำพลังเขมรแดงเก่า ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมร 2-3 ฉบับระบุว่า การถอนทหารออกจากชายแดนเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากทหารกำลังประสบความยากลำบากในหน้าฝน และเมื่อสถานการณ์ปกติควรจะถอนออกไป เหลือไว้เพียงแต่ทหารท้องถิ่นก็พอ
<bR><FONT color=#FF0000>หลังเสร็จสิ้นทำพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก หลังการเลือกตั้งเดือน ส.ค.2551 สมเด็จฯ ฮุนเซน กราดเข้าใส่นายสมรังสี ผู้นำฝ่ายค้าน โดยขู่ว่าถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เข้าประชุม ก็จะไม่มีที่นั่งในสภาเหลือให้อีก </FONT></bR>
“คนเหล่านั้นเคยรบอยู่ในป่า ทนต่อมาลาเรียและโรคระบาดต่างๆ รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี พอแล้วสำหรับการป้องกันที่นั่น” พล.จ.ยิมปิมกล่าว

สำนักข่าว Everyday.kh.com สำนักข่าวภาษาเขมรยอดนิยมรายงานในวันจันทร์นี้ โดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารที่ระบุว่า ฤดูฝนได้ทำให้ทหารประจำการในแนวหน้ายากลำบากในการไปมามากขึ้น ไม่สามารถผลิตอาหารเองได้ ต้องพึ่งพาอาหารจากตลาด ขณะที่อาหารการกินร่อยหรอ และยุงชุกชุมกว่าฤดูอื่นๆ

“การมีทหารนับพันนับหมื่นประจำการตามแนวชายแดนทุระกันดารดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล” สำนักข่าวเดียวกันอ้างแหล่งข่าว

ส่วน พล.อ.เตียบัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมกล่าวสนับสนุนการตัดสินใจถอนทหารของสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยระบุว่า ไม่มีอะไรต้องห่วงเรื่องความมั่นคงปลอดภัยอีกแล้ว ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ตามแนวชายแดนด้านนั้น และกำลังจะมีการเจรจาระดับสูงระหว่างสองฝ่ายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วย

พล.อ. เตียบัญยังกล่าวถึงข่าวที่ว่า กองทัพเรือไทยได้ทำการซ้อมรบใหญ่ที่บริเวณน่านน้ำเกาะกูดช่วงที่ผ่านมาว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะ เรือไทยยังคงอยู่ในน่านน้ำไทย
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์ ในเดือน ต.ค.2551 ทหารกัมพูชามุ่งหน้าสู่ชายแดนพระวิหารด้วยความเร่งรีบ หลายคนหอบหิ้วหรือสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วย เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี บัดนี้พวกเขากำลังจะได้กลับบ้าน เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ชายแดนอีกแล้ว  </FONT></bR>
ความเห็นของ พล.อ.เตียบัญในเรื่องนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ ที่ พล.อ.ชุม สุชาติ (Chhum Socheat) โฆษกกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่ากองทัพเรือไทยได้ระดมเรือรบกว่า 10 ลำ นำโดยเรือบรรทุกอากาศยาน ซ้อมรบใหญ่ใกล้น่านน้ำกัมพูชาอันเป็นการข่มขู่

หลายวันที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้บัญชาการคนใดของฝ่ายไทยออกให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในวันจันทร์ (24 ส.ค.) ทีผ่านมา พล.อ.ทรงกิตติ จักราบาตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย ได้นำคณะเดินทางไปยังเมืองเสียมราฐ เพื่อพบเจรจากับ พล.อ.พลสะเรือน (Pol Saroeun) เกี่ยวกับการลดกำลังทหารตามพื้นที่ชายแดนสองประเทศ

สถานการณ์ชายแดนกัมพูชาตึงเครียดขึ้นหลังจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ในเดือน ก.ค.2551 นำไปสู่การปะทะกันด้วยอาวุธของสองฝ่าย ในวันที่ 15 ต.ค. กับอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 3 เม.ย.ปีนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น