เคาะข่าวริมโขง : "แดงถ่อย" ประกาศนัดชุมนุม หลังชั่วตัวพ่อ "นช.แม้ว" ส่งสัญญาณเดินเกมอุ่นเครื่อง ใช้วิทยุเสื้อแดง ปลุกกระแสระดมคนเข่นฆ่า "มาร์ค" ด้าน แก๊งค์ดาวแดงชอบรีดไถ ทั้ง "นพเหล่" - "ไอ้ตู่" เรียงหน้าให้ข่าวนายใหญ่ถูกเอฟ 16 ขณะที่ เฒ่าชรา "จิ๋ว" กู่ไม่กลับ ให้สัมภาษณ์สื่อทาสเงิน "มติชน" ถึงเหตุผล 5 ข้อ ยอมผันตัวใส่เสื้อแดง เชื่อเป็นการมัดตราสังข์ตัวเองก่อนจบศึก
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จนถึงต้นเดือนธันวาคม เพื่อหมายโค่นล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นว่า ยิ่งใกล้วันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มักชอบโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อโจมตีรัฐบาล และแสร้งขอความเห็นใจ สร้างภาพว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากกระบวนการยุติธรรมไทย นอกจากนี้ ยังได้ทวิตเตอร์ ว่า ที่ผ่านมาได้ถูกยัดเหยียดความผิด ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งระบุว่า คนเชียงใหม่มีนิสัยใจดี โอบอ้อมอารี ดังนั้น ไม่ทำอย่างที่กล่าวไว้ในรายการวิทยุเสื้อแดงแน่นอน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนถือว่าชั่วได้ถ้วย เพราะตัวเองถือเป็นตัวปัญหาของประเทศ แล้วยังไม่รู้สึกตัว กลับไปโทษผู้อื่นว่าเป็นฝ่ายผิด แล้วอ้างว่าตัวเองโดนถูกกระทำ ทั้งที่ผ่านมา แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง หรือคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ (อดีตภรรยา) พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ทำร้ายด้วยน้ำมือและการกระทำของตัวเองมาตลอด แต่ไม่ยังไม่รู้สึกตัวว่าก่อกรรมอะไรไว้บ้าง
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคลิปเสียงที่มาการปลุกระดมและขู่หมายเอาชีวิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำไปให้ศาล เพื่อขอหมายจับผู้ดำเนินรายการวิทยุเสื้อแดงคนดังกล่าว ซึ่งทางศาลไม่รับฟ้องด้วยเหตุผลที่ว่าหลักฐานอ่อนเกินไป เพราะไม่มีการใช้อาวุธ
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า แม้จะไม่มีการใช้อาวุธ แต่ลักษณะการจัดรายการของดีเจเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าว มีท่าทีที่เป็นการขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน ซึ่งตามกฎหมาย แม้ยังไม่ได้ลงมือ แต่ก็ถือว่ามีความผิด ฐานปลุกระดมผู้คนที่ก่อความวุ่นวายหรือก่อเหตุร้าย เพราะมีระบุว่า ทันทีที่ นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ จะฆ่าทิ้งทันที ซึ่งจากคำพูดพวกนี้ มันเหมือนการใช้สื่อวิทยุเป็นซ่องโจร หากอยากจะฆ่าใคร ก็ไปป่าวประกาศปลุกระดม ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วบ้านเมืองหรือกฏหมายจะอยู่อย่างไร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องทำเรื่องขอหมายจับผู้ดำเนินรายการเสื้อแดงกลุ่มนี้ใหม่ หรือไม่ก็หาช่องทางปิดวิทยุชุมชนดังกล่าว เนื่องจาก เห็นแล้วว่าเป็นภัยต่อบ้านเมือง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ยังคงยืนยันตามเดิมว่าจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปได้ทุกพื้นที่ และการไปครั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจที่ จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ วันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้มีการหารือกับทางฝ่ายความมั่นคง และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า จะพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างที่ลงพื้นที่ ทั้งนี้ ล่าสุด ทางด้าน แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ออกมาระบุว่า ได้เตรียมกำลังไว้ 20,000 นาย พร้อมเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ ในการใช้อารักขานายกรัฐมนตรี แต่ทางด้าน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเยาะเย้ย นายอภิสิทธิ์ ว่า กลัวเกินไปกับการลงพื้นที่ครั้งนี้ เพราะใช้กำลังอารักขาเป็นจำนวนมาก
ต่อมาได้มีการหยิบยกเรื่องที่ เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา ได้รายงานข่าวว่า นายเกา โสภา ทนายความ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัว ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ รับสารภาพต่อศาลกัมพูชา ว่า ได้ให้ข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แก่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ จริงตามข้อกล่าวหา โดย นายศิวรักษ์ ได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้สถานทูตไทยทราบหลังจากเครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ลงจอดแล้ว 10 นาที
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทนายวิศวกรไทย ยังระบุอีกว่า การตั้งข้อกล่าวหา นายศิวรักษ์ ว่า กระทำการจารกรรมหรือขโมยข้อมูลการบินถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะโดยตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานบริษัท วิทยุการบินแห่งชาติกัมพูชา (แคตส์) ก็มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลเหล่านี้ตามปกติอยู่แล้ว
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า นายศิวรักษ์ กระทำความผิดตรงไหน ถ้าหากจะเอาข้อมูลดังกล่าวให้กับทางการไทย เพราะตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษหนีคดี การที่ใครเจอนักโทษหนีหมายจับ ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ดังนั้น การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำในฐานะที่เป็นคนไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประเด็นเรื่องสายลับ หรือการโจรกรรมข้อมูล เพราะสิ่งที่วิศวกรไทยได้รับรู้มา ก็เป็นหน้าที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ ฉะนั้น ไม่เห็นเป็นความผิดตรงไหน
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หลังจากเกิดเรื่อง ทางพวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านกฎหมาย และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ออกมาโวยวาย ว่า ทางรัฐบาลไทย สั่งการให้กองทัพอากาศส่งเครื่องบินเอฟ 16 ติดอาวุธหนัก ตามประกบเครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเวลานี้ แม้แต่ฝ่ายกัมพูชาเอง ยังออกมาปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการดังกล่าว รวมทั้งทางกองทัพอากาศไทย ก็ออกมาระบุชัดเจนว่า ไม่มีการส่งเครื่องบินเอฟ 16 ขึ้นไปปฏิบัติการใดๆ มีแค่ก่อนหน้านี้ มีคำขอเรื่องใช้น่านฟ้าไทยของเครื่องบินลำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมา แต่ตอนแรกไม่ได้แจ้งว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ไม่ว่าคำยืนยันของทั้งทางฝั่งไทย หรือฝั่งกัมพูชา ก็ถือว่าเป็นการตบหน้าพวกเด็กเลี้ยงแกะ ที่ชอบแต่งเรื่องโกหกและบิดเบือนข้อเท็จจริง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ออกมาประกาศว่า ขณะนี้ กัมพูชาปิดน่านน้ำระหว่างสองประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศไทย ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการปิดดังกล่าวเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ว่าฯ เกาะกงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนทางด้าน ฝ่ายกัมพูชาก็ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตนอยากขอเสริมในเรื่องดวงชะตาตามหลักโหราศาสตร์ ในส่วนความเชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้รับการดูดวงจากหมอดูอีที ว่า ถ้าหากอยากชนะทุกศึกให้ยึดเลข 10 เป็นหลัก ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้มีเลข 10 แล้วจะประสบความสำเร็จ ซึ่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดถือเรื่องนี้มาตลอด แต่สำหรับตนแล้ว อยากจะบอกว่า เลข 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่เป็นผลดีกับตัวเอง เพราะเมื่อตกเลขศูนยที่ตัวหลัง ถือว่าไม่ว่าจะทำการใด ก็ไม่มีทางสำเร็จ และที่สำคัญ จะไม่มีวันได้กลับประเทศไทยด้วย โดยสุดท้าย จะไม่เหลือแม้แต่ซาก รวมทั้งความเชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ได้ระบุดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ว่า จะกระจุยกระจายกลางอากาศ
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า จากเดิมดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตกอยู่ในบ่วงกรรมเป็นเวลา 7 ปี แต่หลังจากที่ไปให้สัมภาษณ์ไทมส์ ออนไลน์ และกล่าวจาบจ้วง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งตกต่ำ โดยเวลานี้ มีการทับดวงชะตา ทำให้ต้องติดอยู่ในบ่วงกรรมเพิ่มอีก 7 ปี ดังนั้น จึงรวมทั้งหมด 14 ปี กว่าจะพ้นบ่วงกรรม ซึ่งตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะรอดพ้นดวงชะตา ถ้าหากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่สามารถสำนึกได้ด้วยตัวเอง ต่อให้เชื่อถือเลข 10 มากเท่าไหร่ ก็ไม่มีผล
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ตนเคยได้ยินพระรูปหนึ่งทำนายดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า แท้จริงแล้วพื้นฐานดวงไม่ใช่คนดวงกาลีบ้านเมือง แต่พฤติกรรมทำให้กลายเป็นดวงเสนียด คือ ทำอะไรเริ่มต้นเหมือนจะดี แต่ผลสุดท้าย ก็เป็นผลร้ายกับตัวเองทั้งหมด
นายเทพมนตรี กล่าวว่า คำว่า ดวงกาลีบ้านเมือง เหตุที่แตกต่างกับดวงเสนียด คือ ดวงจะกาลีบ้านเมืองหรือไม่ ล้วนแล้วติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่ดวงเสนียด จะเกิดขึ้นภายหลังจากการกระทำของตัวเอง ดังนั้น ที่ทุกวันนี้ ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ เสื่อม เพราะการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง จึงทำให้เป็นดวงเสนียดจัญไร
ต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงประเด็น พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับทางมติชน นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า พล.อ.ชวลิต ได้ให้สัมภาษณ์แบบลึกสุดใจ ถึงเหตุผลที่ยอมกลับมาเล่นการเมืองและร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ว่า มีเหตุผลทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ 1.เพราะต้องการพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความจงรักภักดีต่อสถาบันจริงหรือไม่ 2.เพราะต้องการพิสูจน์ว่า ความขัดแย้งในบ้านเมือง เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด 3.เพราะต้องการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ 4.เพราะต้องการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และสุดท้าย 5.เพราะต้องการแก้ปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชน
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากไล่เรียงเหตุผลทีละข้อของ พล.อ.ชวลิต เริ่มจากข้อแรกบอกว่า ต้องการพิสูจน์ความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ซึ่งตอนแรกถ้าหาก พล.อ.ชวลิต มั่นใจว่า บุคคลดังกล่าวมีความจงรักภักดีจริง เหตุใดต้องมีการพิสูจน์ เพราะเวลานี้ เห็นได้ชัดเจนว่า การพิสูจน์ของ พล.อ.ชวลิต มีแต่จะทำให้เข้าเนื้อตัวเอง คือ ออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีความจงรักภักดี แต่มันกลับขัดแย้งกับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปให้สัมภาษณ์กับ ไทมส์ ออนไลน์ แล้วจาบจ้วงสถาบัน นอกจากนี้ ตัว พล.อ.ชวลิต เอง ยังเอาเรื่องล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ไปพูดในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย จน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย คนสนิทของตัวเอง นำออกมาเปิดเผย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้มันแสดงความจงรักภักดีหรืออย่างไร
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ข้อต่อมา เรื่องพิสูจน์ความขัดแย้งในบ้านเมือง โดยตนเห็นว่า ที่ผ่านมา ไม่ว่า พล.อ.ชวลิต จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ก็ไม่เห็นแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เวลานี้กลับทำตัวสร้างปัญหา เหมือนคอยเติมเชื้อไฟให้กับประเด็นต่างๆ ส่วนเหตุผลข้อที่ 3 บอกว่า อยากมาแก้ไขปัญหาไฟใต้ ซึ่งเท่าที่ตนจำได้ สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคง แต่กลับยอมให้มีการเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ จนนำมาซึ่งเหตุการณ์กราดยิงมัสยิดกรือเซะ อีกทั้ง ล่าสุด ยังออกมาเสนอความคิดเสนอตั้งนครรัฐปัตตานี แบบนี้ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ หรือยิ่งสร้างปัญหา
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลข้อที่ 4 บอกว่า จะมาแก้ปัญหาความขัดแย้งประเทศเพื่อนบ้าน แต่พฤติกรรมก่อนประชุมอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพื่อวางแผนหักหน้ารัฐบาลไทย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งไปปะทุความขัดแย้งระหว่างสองประเทศด้วยการคาบข่าวมาบอกว่า ทางผู้นำกัมพูชาได้ยินดีให้ที่พักพิง พ.ต.ท.ทักษิณ หากต้องการลี้ภัยทางการเมือง สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ปัญหาความขัดแย้ง พล.อ.ชวลิต ถือเป็นผู้ช่วยก่อไฟขึ้นมา
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลข้อสุดท้าย ที่ระบุว่า อยากช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชน ตนว่า ดูจากเหตุผล 4 ข้อที่ผ่านมา ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงและการกระทำ ตนจึงว่า เหตุผลข้อ 5 นี้ ถ้า พล.อ.ชวลิต อยากแก้ไขจริง ทำได้ง่ายมาก คือ สมควรเอาตัวเองไปกระโดดแม่น้ำโขง ก็สิ้นเรื่อง เพราะเหตุผล 4 ข้อที่กล่าวอ้างมา ไม่ได้ลงมืออยากจะแก้ปัญหาจริง แต่ต้องการทำตัวสร้างปัญหา สุมไฟให้กับประเทศ
นายเทพมนตรี กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ตนอยากแนะนำ พล.อ.ชวลิต ไปบวช หากไม่ต้องการดวงเสนียดจัญไร เพราะการกระทำตัวเองอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยขอฝากให้ไปบวชนานหน่อย เนื่องจากไม่เช่นนั้นอาจป่วยหนักด้วยสาเหตุเกิดจากกรรมที่ก่อไว้ แต่ตอนนี้คนที่ตนอยากดูดวงให้มากที่สุด คือ พวกสามเกลอหัวขวด ตนอยากรู้มากว่าจุดจบของคนพวกนี้จะเป็นอย่างไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จนถึงต้นเดือนธันวาคม เพื่อหมายโค่นล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นว่า ยิ่งใกล้วันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มักชอบโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อโจมตีรัฐบาล และแสร้งขอความเห็นใจ สร้างภาพว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากกระบวนการยุติธรรมไทย นอกจากนี้ ยังได้ทวิตเตอร์ ว่า ที่ผ่านมาได้ถูกยัดเหยียดความผิด ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งระบุว่า คนเชียงใหม่มีนิสัยใจดี โอบอ้อมอารี ดังนั้น ไม่ทำอย่างที่กล่าวไว้ในรายการวิทยุเสื้อแดงแน่นอน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนถือว่าชั่วได้ถ้วย เพราะตัวเองถือเป็นตัวปัญหาของประเทศ แล้วยังไม่รู้สึกตัว กลับไปโทษผู้อื่นว่าเป็นฝ่ายผิด แล้วอ้างว่าตัวเองโดนถูกกระทำ ทั้งที่ผ่านมา แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง หรือคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ (อดีตภรรยา) พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ทำร้ายด้วยน้ำมือและการกระทำของตัวเองมาตลอด แต่ไม่ยังไม่รู้สึกตัวว่าก่อกรรมอะไรไว้บ้าง
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคลิปเสียงที่มาการปลุกระดมและขู่หมายเอาชีวิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำไปให้ศาล เพื่อขอหมายจับผู้ดำเนินรายการวิทยุเสื้อแดงคนดังกล่าว ซึ่งทางศาลไม่รับฟ้องด้วยเหตุผลที่ว่าหลักฐานอ่อนเกินไป เพราะไม่มีการใช้อาวุธ
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า แม้จะไม่มีการใช้อาวุธ แต่ลักษณะการจัดรายการของดีเจเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าว มีท่าทีที่เป็นการขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน ซึ่งตามกฎหมาย แม้ยังไม่ได้ลงมือ แต่ก็ถือว่ามีความผิด ฐานปลุกระดมผู้คนที่ก่อความวุ่นวายหรือก่อเหตุร้าย เพราะมีระบุว่า ทันทีที่ นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ จะฆ่าทิ้งทันที ซึ่งจากคำพูดพวกนี้ มันเหมือนการใช้สื่อวิทยุเป็นซ่องโจร หากอยากจะฆ่าใคร ก็ไปป่าวประกาศปลุกระดม ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วบ้านเมืองหรือกฏหมายจะอยู่อย่างไร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องทำเรื่องขอหมายจับผู้ดำเนินรายการเสื้อแดงกลุ่มนี้ใหม่ หรือไม่ก็หาช่องทางปิดวิทยุชุมชนดังกล่าว เนื่องจาก เห็นแล้วว่าเป็นภัยต่อบ้านเมือง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ยังคงยืนยันตามเดิมว่าจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปได้ทุกพื้นที่ และการไปครั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจที่ จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ วันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้มีการหารือกับทางฝ่ายความมั่นคง และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า จะพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างที่ลงพื้นที่ ทั้งนี้ ล่าสุด ทางด้าน แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ออกมาระบุว่า ได้เตรียมกำลังไว้ 20,000 นาย พร้อมเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ ในการใช้อารักขานายกรัฐมนตรี แต่ทางด้าน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเยาะเย้ย นายอภิสิทธิ์ ว่า กลัวเกินไปกับการลงพื้นที่ครั้งนี้ เพราะใช้กำลังอารักขาเป็นจำนวนมาก
ต่อมาได้มีการหยิบยกเรื่องที่ เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา ได้รายงานข่าวว่า นายเกา โสภา ทนายความ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัว ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ รับสารภาพต่อศาลกัมพูชา ว่า ได้ให้ข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แก่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ จริงตามข้อกล่าวหา โดย นายศิวรักษ์ ได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้สถานทูตไทยทราบหลังจากเครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ลงจอดแล้ว 10 นาที
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทนายวิศวกรไทย ยังระบุอีกว่า การตั้งข้อกล่าวหา นายศิวรักษ์ ว่า กระทำการจารกรรมหรือขโมยข้อมูลการบินถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะโดยตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานบริษัท วิทยุการบินแห่งชาติกัมพูชา (แคตส์) ก็มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลเหล่านี้ตามปกติอยู่แล้ว
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า นายศิวรักษ์ กระทำความผิดตรงไหน ถ้าหากจะเอาข้อมูลดังกล่าวให้กับทางการไทย เพราะตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษหนีคดี การที่ใครเจอนักโทษหนีหมายจับ ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ดังนั้น การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำในฐานะที่เป็นคนไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประเด็นเรื่องสายลับ หรือการโจรกรรมข้อมูล เพราะสิ่งที่วิศวกรไทยได้รับรู้มา ก็เป็นหน้าที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ ฉะนั้น ไม่เห็นเป็นความผิดตรงไหน
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หลังจากเกิดเรื่อง ทางพวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านกฎหมาย และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ออกมาโวยวาย ว่า ทางรัฐบาลไทย สั่งการให้กองทัพอากาศส่งเครื่องบินเอฟ 16 ติดอาวุธหนัก ตามประกบเครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเวลานี้ แม้แต่ฝ่ายกัมพูชาเอง ยังออกมาปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการดังกล่าว รวมทั้งทางกองทัพอากาศไทย ก็ออกมาระบุชัดเจนว่า ไม่มีการส่งเครื่องบินเอฟ 16 ขึ้นไปปฏิบัติการใดๆ มีแค่ก่อนหน้านี้ มีคำขอเรื่องใช้น่านฟ้าไทยของเครื่องบินลำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมา แต่ตอนแรกไม่ได้แจ้งว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ไม่ว่าคำยืนยันของทั้งทางฝั่งไทย หรือฝั่งกัมพูชา ก็ถือว่าเป็นการตบหน้าพวกเด็กเลี้ยงแกะ ที่ชอบแต่งเรื่องโกหกและบิดเบือนข้อเท็จจริง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ออกมาประกาศว่า ขณะนี้ กัมพูชาปิดน่านน้ำระหว่างสองประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศไทย ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการปิดดังกล่าวเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ว่าฯ เกาะกงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนทางด้าน ฝ่ายกัมพูชาก็ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตนอยากขอเสริมในเรื่องดวงชะตาตามหลักโหราศาสตร์ ในส่วนความเชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้รับการดูดวงจากหมอดูอีที ว่า ถ้าหากอยากชนะทุกศึกให้ยึดเลข 10 เป็นหลัก ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้มีเลข 10 แล้วจะประสบความสำเร็จ ซึ่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดถือเรื่องนี้มาตลอด แต่สำหรับตนแล้ว อยากจะบอกว่า เลข 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่เป็นผลดีกับตัวเอง เพราะเมื่อตกเลขศูนยที่ตัวหลัง ถือว่าไม่ว่าจะทำการใด ก็ไม่มีทางสำเร็จ และที่สำคัญ จะไม่มีวันได้กลับประเทศไทยด้วย โดยสุดท้าย จะไม่เหลือแม้แต่ซาก รวมทั้งความเชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ได้ระบุดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ว่า จะกระจุยกระจายกลางอากาศ
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า จากเดิมดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตกอยู่ในบ่วงกรรมเป็นเวลา 7 ปี แต่หลังจากที่ไปให้สัมภาษณ์ไทมส์ ออนไลน์ และกล่าวจาบจ้วง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งตกต่ำ โดยเวลานี้ มีการทับดวงชะตา ทำให้ต้องติดอยู่ในบ่วงกรรมเพิ่มอีก 7 ปี ดังนั้น จึงรวมทั้งหมด 14 ปี กว่าจะพ้นบ่วงกรรม ซึ่งตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะรอดพ้นดวงชะตา ถ้าหากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่สามารถสำนึกได้ด้วยตัวเอง ต่อให้เชื่อถือเลข 10 มากเท่าไหร่ ก็ไม่มีผล
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ตนเคยได้ยินพระรูปหนึ่งทำนายดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า แท้จริงแล้วพื้นฐานดวงไม่ใช่คนดวงกาลีบ้านเมือง แต่พฤติกรรมทำให้กลายเป็นดวงเสนียด คือ ทำอะไรเริ่มต้นเหมือนจะดี แต่ผลสุดท้าย ก็เป็นผลร้ายกับตัวเองทั้งหมด
นายเทพมนตรี กล่าวว่า คำว่า ดวงกาลีบ้านเมือง เหตุที่แตกต่างกับดวงเสนียด คือ ดวงจะกาลีบ้านเมืองหรือไม่ ล้วนแล้วติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่ดวงเสนียด จะเกิดขึ้นภายหลังจากการกระทำของตัวเอง ดังนั้น ที่ทุกวันนี้ ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ เสื่อม เพราะการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง จึงทำให้เป็นดวงเสนียดจัญไร
ต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงประเด็น พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับทางมติชน นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า พล.อ.ชวลิต ได้ให้สัมภาษณ์แบบลึกสุดใจ ถึงเหตุผลที่ยอมกลับมาเล่นการเมืองและร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ว่า มีเหตุผลทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ 1.เพราะต้องการพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความจงรักภักดีต่อสถาบันจริงหรือไม่ 2.เพราะต้องการพิสูจน์ว่า ความขัดแย้งในบ้านเมือง เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด 3.เพราะต้องการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ 4.เพราะต้องการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และสุดท้าย 5.เพราะต้องการแก้ปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชน
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากไล่เรียงเหตุผลทีละข้อของ พล.อ.ชวลิต เริ่มจากข้อแรกบอกว่า ต้องการพิสูจน์ความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ซึ่งตอนแรกถ้าหาก พล.อ.ชวลิต มั่นใจว่า บุคคลดังกล่าวมีความจงรักภักดีจริง เหตุใดต้องมีการพิสูจน์ เพราะเวลานี้ เห็นได้ชัดเจนว่า การพิสูจน์ของ พล.อ.ชวลิต มีแต่จะทำให้เข้าเนื้อตัวเอง คือ ออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีความจงรักภักดี แต่มันกลับขัดแย้งกับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปให้สัมภาษณ์กับ ไทมส์ ออนไลน์ แล้วจาบจ้วงสถาบัน นอกจากนี้ ตัว พล.อ.ชวลิต เอง ยังเอาเรื่องล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ไปพูดในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย จน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย คนสนิทของตัวเอง นำออกมาเปิดเผย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้มันแสดงความจงรักภักดีหรืออย่างไร
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ข้อต่อมา เรื่องพิสูจน์ความขัดแย้งในบ้านเมือง โดยตนเห็นว่า ที่ผ่านมา ไม่ว่า พล.อ.ชวลิต จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ก็ไม่เห็นแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เวลานี้กลับทำตัวสร้างปัญหา เหมือนคอยเติมเชื้อไฟให้กับประเด็นต่างๆ ส่วนเหตุผลข้อที่ 3 บอกว่า อยากมาแก้ไขปัญหาไฟใต้ ซึ่งเท่าที่ตนจำได้ สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคง แต่กลับยอมให้มีการเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ จนนำมาซึ่งเหตุการณ์กราดยิงมัสยิดกรือเซะ อีกทั้ง ล่าสุด ยังออกมาเสนอความคิดเสนอตั้งนครรัฐปัตตานี แบบนี้ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ หรือยิ่งสร้างปัญหา
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลข้อที่ 4 บอกว่า จะมาแก้ปัญหาความขัดแย้งประเทศเพื่อนบ้าน แต่พฤติกรรมก่อนประชุมอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพื่อวางแผนหักหน้ารัฐบาลไทย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งไปปะทุความขัดแย้งระหว่างสองประเทศด้วยการคาบข่าวมาบอกว่า ทางผู้นำกัมพูชาได้ยินดีให้ที่พักพิง พ.ต.ท.ทักษิณ หากต้องการลี้ภัยทางการเมือง สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ปัญหาความขัดแย้ง พล.อ.ชวลิต ถือเป็นผู้ช่วยก่อไฟขึ้นมา
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลข้อสุดท้าย ที่ระบุว่า อยากช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชน ตนว่า ดูจากเหตุผล 4 ข้อที่ผ่านมา ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงและการกระทำ ตนจึงว่า เหตุผลข้อ 5 นี้ ถ้า พล.อ.ชวลิต อยากแก้ไขจริง ทำได้ง่ายมาก คือ สมควรเอาตัวเองไปกระโดดแม่น้ำโขง ก็สิ้นเรื่อง เพราะเหตุผล 4 ข้อที่กล่าวอ้างมา ไม่ได้ลงมืออยากจะแก้ปัญหาจริง แต่ต้องการทำตัวสร้างปัญหา สุมไฟให้กับประเทศ
นายเทพมนตรี กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ตนอยากแนะนำ พล.อ.ชวลิต ไปบวช หากไม่ต้องการดวงเสนียดจัญไร เพราะการกระทำตัวเองอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยขอฝากให้ไปบวชนานหน่อย เนื่องจากไม่เช่นนั้นอาจป่วยหนักด้วยสาเหตุเกิดจากกรรมที่ก่อไว้ แต่ตอนนี้คนที่ตนอยากดูดวงให้มากที่สุด คือ พวกสามเกลอหัวขวด ตนอยากรู้มากว่าจุดจบของคนพวกนี้จะเป็นอย่างไร