โฆษก ทบ.เผย “มาร์ค” ห่วงชายแดนไทย-เขมร ไม่อยากให้ปัญหาการเมือง กระทบด้านความมั่นคง ด้าน “อนุพงษ์” เรียก มทภ.2-บิ๊กทหาร ทำความเข้าใจท่าทีรัฐบาล หวั่นเกิดความสับสน ขณะที่ รองโฆษก ทอ.ยัน ข่าวไทยบินสอดแนมเขมรเป็นความเท็จ ระบุ มีการปฏิบัติตามกฏการบินเคร่งครัด มั่นใจไม่มีลำไหนล้ำแดนแน่นอน
วันนี้ (13 พ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากอีกฝ่ายประกาศขับเลขานุการเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เชิญประชุมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมไปถึงพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อมูล ข่าวสารที่ปรากฏในสังคม และท่าทีการปฏิบัติของรัฐบาล เพื่อให้ผู้บังคับหน่วยทหารที่มาประชุมได้รับทราบข้อมูลจากแหล่งกำเนิดที่เดียวกันจะได้ไม่เข้าใจผิด และป้องกันการสับสน
“นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดถึงข้อห่วงใยจากนายกรัฐมนตรีว่า ไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง และความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดนไทย และกัมพูชา ดังนั้นภารกิจทางทหารในปัจจุบันยังเป็นภารกิจเดิม คือ รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนด้วยการปฏิบัติที่ดี่สุด คือ การพยายามไม่เพิ่มความตึงเครียดของการเผชิญหน้ากันในลักษณะของการใช้กำลัง ซึ่ง ผบ.ทบ.ต้องการสื่อความหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องได้รับทราบจะได้เข้าใจให้ตรงกันป้องกันการสับสน เพราะปัจจุบันข้อมูลข่าวสารปัจจุบันจากหลายๆ ที่อาจไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ไม่ได้เป็นห่วงสถานการณ์อะไร” โฆษกกองทัพบกกล่าว
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้กำชับให้ทหารตามแนวชายอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกคนคงเข้าใจได้ และทุกคนคงทำไปตามหน้าที่ เพราะทุกคนมีบทบาทหน้าที่ สิ่งที่เราปฏิบัติด้วยการเจรจากับทหารของกัมพูชาได้ เพราะนายกฯได้กำชับลงมาว่า ท่านเป็นห่วงไม่อยากให้การปฏิบัติทางการทูตที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และการปฏิบัติงานทางทหาร รวมถึงความเดือดร้อนประชาชนตามแนวชายแดนทั้งสองฝ่าย ท่านจึงได้กำชับว่า ขอให้ปฏิบัติภารกิจตามแนวทางที่รัฐบาลให้ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มการปฏิบัติอะไรให้เกิดความตึงเครียด หรือให้เกิดการเผชิญหน้ามากกว่าที่เป็น
เมื่อถามถึงกรณีจะมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่หมู่บ้านภูมิซรอล พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ความจริงเป็นการปฏิบัติที่เป็นกิจวัตรประจำวันระหว่างหน่วยทหารตามแนวชายแดนไทยกับหน่วยทหารเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะไทยกับกัมพูชา แต่มีทั้งไทย-ลาว ไทย-พม่า และไทย-มาเลเซีย โดยการจัดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ไม่ได้จัดเป็นกรณีพิเศษอะไร แต่เป็นกิจกรรมที่มีแผนงานตามปกติประจำปี และมีในทุกภูมิภาค ซึ่งเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ในการที่จะรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนของกองกำลังทหาร และทำความเข้าใจเพื่อหลีกลี้ยงการเผชิญหน้ากัน ซึ่งมีกำหนดแข่งขันกีฬาเดือนละ 1 ครั้ง
ด้าน น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาระบุว่า กองทัพอากาศไทยส่งเครื่องบินเข้าไปสอดแนมในประเทศกัมพูชาว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงที่จะมีเครื่องบินของกองทัพอากาศบินเข้าไปในประเทศกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะกองทัพอากาศไม่มีการฝึกหรือตารางการใช้เครื่องบินเลย ทั้งนี้ กองทัพอากาศยึดมั่นในเรื่องกฎการบินอย่างเคร่งครัด จึงแน่ใจว่าไม่มีการบินล้ำแดน ช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งทางกองทัพอากาศก็ไม่ได้มีภารกิจในการบินบริเวณชายแดน นอกจากนี้ กองทัพอากาศก็มีห้วงเวลาในการบินเวลากลางคืน หรือ บินออกนอกประเทศอยู่
“พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เน้นย้ำในเรื่องการฝึกบินให้อยู่ในประเทศ ไม่มีนโยบายบินต่างประเทศ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหา ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง กองทัพอากาศขอปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้น กองทัพอากาศไม่เคยบินล้ำเขตแดน เพราะมีความระมัดระวังในเรื่องความล้ำแดน และยิ่งสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งต้องระมัดระวัง ดังนั้นไม่มีการบินล้ำแดนแน่นอน เพราะจะกลายเป็นการยั่วยุได้ ทั้งนี้ไม่ทราบว่า ข่าวออกมาได้อย่างไร เพราะไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเป็นเครื่องบินของกองทัพอากาศ อีกทั้งกองทัพอากาศมีการฝึกภาคปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ จ.ลพบุรีเท่านั้น” น.อ.มณฑล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ภายหลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น นายสุเทพได้เดินทางออกมาจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าร่วมรับประทานอาหารร่วมกับพล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ที่กองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งการร่วมรับประทานอาหารครั้งนี้เป็นการส่วนตัว โดยมีเพียงนายสุเทพ พล.อ.อนุพงษ์ และพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ภายในห้องเท่านั้น ทั้งนี้การร่วมรับประทานอาหารครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง ไทยกับกัมพูชา ภาหลังจากที่กัมพูชาประกาศขับนายคำรพ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศ