xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.เบรกเมล์ฉาวฉบับ “ซาเล้ง” ส่อเค้าฮั้วประมูล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โสภณ ซารัมย์
อนุ ป.ป.ช.สอบรถเมล์ฉาว 4 พันคัน ฉบับ “ซาเล้ง” ตอกหน้ารัฐบาล ขู่ส่อผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 “มาร์ค” ย้ำรถเมล์ 4 พันต้องเช่าไม่ใช่ซื้อ ชี้ หาก ขสมก.อยู่ในกำกับจะมีภาระมาก ส่งข้อสังเกตปรับราคากลาง

วันนี้ (17 พ.ย.) แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานของคณะทำงานพิจารณาติดตามเรื่องการประกวดราคาเช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) เป็นเชื้อเพลิง ของ ขสมก.4 พันคัน ของ ป.ป.ช.ที่มี นายต่อตระกูล ยมนาค เป็นประธานและเข้ามาชี้แจงต่อ ครม.ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตมา ซึ่ง ครม.ได้ให้ความเห็นใน ข้อ 8 และข้อ 9 ที่ คณะทำงาน ป.ป.ช.เสนอมาในหลายประเด็น

โดยเฉพาะเรื่องแผนแม่บทด้านการขนส่งของสำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง (สนข.) ที่คาดว่า จะแล้วเสร็จในปี 2553 เพื่อแก้ปัญหาการการจราจรในปัจจุบัน ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ควรจะมีความสอดคล้องกับแผนแม่บทหรือแผนแม่บทยังไม่เสร็จสิ้น โครงการยังไม่ควรเริ่มลงทุนขนาดใหญ่ในคราวเดียว ซึ่งจะทำให้โครงการไม่ตอบสนองกับแผนแม่บทและไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด และในเรื่องของบทบาท ขสมก.ที่มีสัดส่วนในรถบริการสาธารณะ ประมาณ 20% โดยเห็นด้วยให้ศึกษาทบทวนบทบาทของ ขสมก.ว่าอยู่ในฐานะผู้กำกับดูแลและผู้ปฏิบัติ

รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อเสนอแนะของอนุ ป.ป.ช.ที่น่าสนใจ เช่น ต้องทำตามขั้นตอน ศึกษาวิเคราะห์ประเมินตามหลักวิชาการอย่างละเอียด นอกเหนือจากจุดคุ้มทุนจะต้องมีการศึกษาครอบคลุมทุกด้าน เช่น ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ผลกระทบสุขภาพประชาชน เนื่องจากไม่ได้ศึกษาความเหมาะสมในด้านดังกล่าว

โครงการเช่าหรือซื้อ ควรต้องถือเป็นการลงทุนในภาครัฐเช่นเดียวกัน และจะต้องผ่านกระบวนการอนุมัติอย่างเข้มงวด และมีข้อมูลที่ครบถ้วน และไม่แน่ใจว่าทำตามกฎระเบียบที่มีอยู่และรักษาประโยชน์ของรัฐ เนื่องจากไม่ได้กลั่นกรองจากหน่วยงานกลาง ขสมก.

“การกำหนดคุณลักษณะต่างๆ ง่ายต่อการล็อกสเปกให้กับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง มีการลดงบประมาณโดยการตัดระบบและมาตรฐานการจัดการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมออก มีความเห็นจากองค์การเกี่ยวข้อง ว่า ไม่มีโรงงานใดในโลกสามารถทำได้ในการส่งมอบรถ 4 พันคัน ใน 2 ปี และทางต่างประเทศ ก็เห็นว่าแม้จะหยุดการผลิตรถประเภทอื่นๆ ไปแล้วทั้งหมดผลิตเพื่อโยสารอย่างเดียว ก็จะผลิตได้เพียง 6-7 คันต่อปี ดังนั้น จึงเสนอให้คณะกรรมการทีโออาร์และผู้มีอำนาจระมัดระวังในการเขียนข้อกำหนดแบบที่ระบุรูปพรรณสัณฐานของสิ่งที่ต้องการ ซึ่งอาจส่อผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542”

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงาน ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ โดยตนได้แจ้งให้ทราบว่า เรื่องที่มีข้อสังเกตทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประมูลในเรื่องการเช่ารถเมล์นั้น เป็นเรื่องซึ่งยังอยู่ไกลเกินไป เนื่องจากคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มีการอนุมัติในเรื่องนี้เลย ครม.เพียงแต่เห็นชอบในหลักการว่า การจัดหารถควรจะเป็นการเช่าไม่ใช่การซื้อ และได้กำหนดเงื่อนไขให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการ ในการจัดทำแผนเกี่ยวเรื่องของการบริหารบุคลากร เรื่องของอู่และสถานีก๊าซ

เพราะฉะนั้นข้อสังเกตทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับราคา รัฐบาลก็ยินดีรับไว้ แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้นที่จะทำ แต่เมื่อถึงก็จะต้องมีการดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการที่มาดูเรื่องของการที่จะกำหนดกรอบในการเปิดประมูลทั้งหมดนั้น ก็เป็นคณะกรรมการที่เราเอาจากข้างนอกกระทรวง คือ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นประธาน

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกต ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดประมูลที่ตนได้เรียนให้ทราบไปว่า คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาไปแล้ว ก็คือการที่เสนอว่าให้ ขสมก.เป็นหน่วยงานในลักษณะเป็นการกำกับ และปฏิบัติ ซึ่งผมก็เรียนว่าโดยหลักนโยบายของรัฐบาลคงไม่ต้องการที่จะให้หน่วยงานไหนทำหน้าที่ในการประกอบการและเป็นหน่วยงานกำกับไปพร้อมๆ กัน ส่วนที่จะให้ ขสมก.ไปเป็นเพียงหน่วยงานกำกับเราเห็นว่าเป็นข้อเสนอ ซึ่งน่าจะเป็นภาระอย่างมาก เพราะ ขสมก.ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีพนักงานจำนวนมากจะให้มาทำหน้าที่เพียงแค่เป็นผู้กำกับดูแลคงจะไม่ค่อยสอดคล้องกับตัวองค์กร

ซึ่งตรงนี้ประธานคณะทำงานก็ได้รับทราบ โดยได้บอกว่า คณะทำงานของท่านก็ทำงานตามกฎหมาย ป.ป.ช.ซึ่งไม่ได้ทำเพียงแค่การไปตรวจสอบเวลามีปัญหาเกิดขึ้น แต่สามารถที่จะให้ข้อเสนอแนะ เพื่อจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตขึ้นได้ และท่านก็ยังจะทำหน้าที่นี้ต่อไป เพื่อติดตามโครงการดังกล่าวซึ่งรัฐบาลก็ยินดี โดยขอให้ทำข้อเสนอแนะมา

“แต่ว่าที่ก่อนหน้านี้ตนเห็นไปเสนอข่าวเหมือนกับบอกว่า รัฐบาลทำแล้ว ป.ป.ช.เห็นว่าไม่ถูกต้องและขู่ ไม่มีกรณีนี้เลย เพราะว่าสิ่งที่เสนอมายังไม่ถึงขั้นตอนที่รัฐบาลจะทำเลย เนื่องจากผมย้ำอีกครั้งว่า มติ ครม.ก็คือขณะนี้กระทรวงต้องไปทำแผนเรื่องบุคลากรกับเรื่องของสถานีมาก่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ต่อข้อถามว่า อะไรจะเป็นหลักประกันว่าข้อสังเกตของอนุ ป.ป.ช.จะไม่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ข้อสังเกตทั้งหมด เราส่งให้ทางคณะกรรมการที่ทำงานเรื่องนี้ ซึ่งกำลังไปทำในเรื่องของราคากลาง และเรื่องอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น