"ผ่าประเด็นร้อน"
คนไทยหลายคนที่เห็นภาพการแถลงข่าวที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อสองสามวันก่อนของทนายความ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกในคดีทุจริตติดตัวยาวเป็นหางว่าว ประกาศข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่กล่าวหาว่า เป็นคนขายชาติ และเป็นคนจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์
ทำให้คนไทยที่รักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัวมีอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก
ก็ขอเน้นย้ำอีกหลายๆครั้งว่า ทักษิณ ชินวัตร ขายชาติ ทักษิณ ชินวัตร จาบจ้วงให้ร้ายพระเจ้าอยู่หัว องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์
ขอท้าให้ ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามายื่นฟ้องดำเนินคดีกับคนไทยทุกคนที่ยืนชี้หน้าด่าว่าเป็นคนขายชาติ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์
ขณะเดียวกันอยากถามทนายความสองคนของ ทักษิณ สักคำว่า ได้อ่านคำสัมภาษณ์ของ นายจ้างตัวเองที่ให้สัมภาษณ์กับ เดอะไทมส์ ออนไลน์ที่มีความยาวทั้ง 12 หน้าครบหรือยัง อ่านเที่ยวเดียวอาจไม่เข้าใจเพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็ลองให้คนที่พอแตกฉานด้านภาษาช่วยแปลให้ฟัง ก็จะตาสว่างทันทีว่าลูกพี่ของตัวเองมีคำพูดและมีทัศนคติที่อันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แค่ไหน
หากยังหูอื้อตาลายหรือเป็นเพราะมี “อะไร” มาบังตาก็ลองไปปะติดปะต่อคำพูดเก่าของ ทักษิณ ที่พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือพูดถึงพระเจ้าอยู่หัวในลักษณะที่ไม่แสดงความเคารพและจงรักภักดีอย่างไรบ้าง
หรือไม่เช่นนั้นหากยังไม่เชื่อก็ลองเงี่ยหูฟังสื่อมวลชน หรือคอลัมนิสต์อื่นๆว่ามีความเห็นตรงกันอย่างไรต่อคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เนื่องจากออกมาในโทนเดียวกันคือ ทักษิณ ชินวัตร มีเจตนาทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว
นี่ว่ากันเฉพาะเรื่องแรกก่อน
ส่วนเรื่องที่สองก็คือ ประเด็นขายชาติ นั้นเกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่สุดก็คือการสมคบกับ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชามาสร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวายในประเทศของตัวเอง การเดินทางไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวของผู้นำและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และการเดินทางไปรับตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมาถือว่าเขาได้ถวายตัวเป็นข้ารับใช้ราชอาณาจักรกัมพูชา
ถือว่าได้พ้นจากการเป็นข้าขอบขันฑสีมาของราชอาณาจักรไทย ขาดจากความเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์แล้วตั้งแต่บัดเดี๋ยวนั้น !!
การที่รัฐบาลไทยประกาศยกเลิกบันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างไทย-กัมพูชาถือว่าชอบแล้ว รวมทั้งอาจทบทวนความร่วมมืออื่นๆเพราะที่ผ่านมา ทักษิณ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีสามารถเข้าถึงข้อมูลลับของชาติ แต่การไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาทั้งส่วนตัวและทางเศรษฐกิจให้กับต่างชาติที่เป็นคู่เจรจาถือว่าเสี่ยงต่อการนำความลับของชาติรั่วไหล ทำให้ไทยอยู่ในฐานะเสียเปรียบ
นี่ว่ากันเฉพาะผลงานอัปยศเฉพาะของ ทักษิณ ยังไม่นับผลงานก่อนหน้านี้ที่กระทำในนามของรัฐบาล “หุ่นเชิด” ทั้ง สมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องมาจนถึง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กรณีสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวที่เสี่ยงต่อการสูญเสียพื้นที่โดยรอบอีก 4.6 ตารางกิโลเมตรเนื้อที่ประมาณ 3 พันไร่
ในเรื่องนี้ยังมีข้อสงสัยว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างตอบแทนกรณีที่ ทักษิณ จะเช่าพื้นที่ในเกาะกงเป็นเวลา 99 ปี โดยเป็นการเปิดเผยจากรัฐมนตรีกลาโหมพล.อ.เตีย บัญ ซึ่งการเช่าพื้นที่ดังกล่าวยังทำให้มีข้อสงสัยต่อเนื่องกันมาอีกว่ามีวัตถุประสงค์แฝงเร้นหรือไม่ เพราะเกาะกงอยู่ห่างจากชายแดนด้านจังหวัดตราดเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยังไม่เพียงพอกับข้อหา ขายชาติ-ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อีกหรือ
หากยังหน้ามืดตะแบงเพื่อช่วยเหลือก็ให้ระวังสมคิดกับคนขายชาติไปด้วย
อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าการออกมาแถลงของทนายมีชื่อทั้งสองคนของ ทักษิณ มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อต้องการข่มขู่และปิดปากไม่ให้เปิดเผยธาตุแท้ของ ทักษิณ ขยายออกไปมากกว่านี้ เพราะในช่วงที่ผ่านมาทำให้สังคมไทยได้ตื่นตัวหลังจากรู้ความจริง ทำให้เป้าหมายที่อำพรางซ่อนลึกอยู่ข้างในนั้นเริ่มห่างไกลออกไปทุกที
ที่ผ่านมา ทักษิณ โจมตีกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลไทย ที่กระทำดดยพระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัวอยู่เนืองๆ และล่าสุด ฮุน เซน ก็รับลูกกล่าวในทำนองเดียวกัน
ดังนั้นหากคนขายชาติ คนที่ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์คิดจะฟ้องคนที่ออกมายืนชี้หน้า หากแน่จริงก็ขอให้กลับเข้ามาดำเนินคดีด้วยตัวเอง ไม่ต้องมาขู่เพื่อปิดปากไม่ให้เปิดเผยความจริง
และนาทีนี้จะให้พูดอีกกี่ร้อยครั้งก็เหมือนเดิมคือ ทักษิณ ขายชาติ ทักษิณ ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว !!
