xs
xsm
sm
md
lg

“ติงเหล่” พล่ามตามใบสั่ง! อ้างกรอบเอ็มโอยูลงนามสมัย ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพดล ปัทมะ
“ยิ่งลักษณ์” เข็นที่ปรึกษากฎหมาย นช.แม้ว ออกโรงแถลงข่าวถึงเมืองกรุงเก่า พล่ามเป็นวรรคเป็นเวนนายใหญ่ไม่ใช่คนขายชาติ อ้างกรอบเจรจาเอ็มโอยู 2543 ลงนามสมัย ปชป.เป็นรัฐบาล เตือนอย่าปลุกกระแสชาตินิยม ขู่ฟ้องกลับ “มาร์ค” จงใจใส่ร้ายสี “พ่อแม้ว” ยันเป็นที่ปรึกษา “ฮุนเซน” เจตนาดี ไม่มีเรื่องสัมปทานอยู่ในหัวใจ

วันนี้ (8 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี แถลงกรณีรัฐบาลจะยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เขตปักปันทางทะเลระหว่างไทยกัมพูชา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2544 พร้อมนำเอกสารบันทึกความเข้าใจไทยเมื่อปี 2544 มาประกอบการแถลงข่าว

โดยนายนพดลกล่าวว่า เอ็มโอยูดังกล่าวริเริ่มมาจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีการเซ็นสัญญา 5 ต.ค.2543 ซึ่งขณะนั้น นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็น รมว.ต่างประเทศ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็น รมช.ต่างปรเทศ ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งแรกมื่อปี 2544 ดังนั้น เอ็มโอยูนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเจรจาดำเนินการมาก่อนแล้ว และรู้รายละเอียดดีกรอบเจรจาทั้งท่าทีหรือความลับดีกว่าใคร ดังนั้น หากจะยกเลิกคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้เจรจาเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง นายอภิสิทธิ์ได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน จงใจใส่ร้ายบิดเบือน เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทั้งความลับและความเลวที่จะทำเช่นนั้น มันไม่เกี่ยวตั้งแต่ต้น

“เอ็มโอยูดังกล่าวได้ทำมา 8 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าใดๆ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะหาประโยชน์จากสัมปทานน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ก็ต้องมีการเซ็นสัญญาอะไรไปบ้าง และที่น่าประหลาดคณะกรรมการปักปันเขตแดนเพิ่งตั้งเมื่อปี 2549 ก็เป็นในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นตำแหน่งไปแล้ว หากรัฐบาลจะยกเลิกก็อยากให้คิดให้ดี ควรไปถามนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน และได้ให้ความเห็นออกมาบ้างแล้ว หากไปถามก็เชื่อว่าท่านคงอยากให้คิดให้ดี ถ้ายกเลิกจะทำให้ยุ่ง เพราะถ้าเขาจะไปขุดเอาแก๊ส ทรัพยากรอะไรเราจะไปทักท้วงอย่างไร ดังนั้น รัฐบาลสมัยนายชวนที่รู้ถึงปัญหาตรงนี้จึงได้หยิบมาเจรจา มาทำเป็นเอ็มโอยูนี้เอาไว้” นายนพดล กล่าว

นายนพดลกล่าวว่า สำหรับเอ็มโอยูฉบับดังกล่าวไม่ใช่กรอบการเจรจาเป็นเพียงกลไกลในการเจรจาที่ให้กรรมการเทคนิคมาพิจารณาปักปันพื้นที่แบ่งผลประโยชน์ ซึ่งยังไม่มีใครได้รับความเสียหาย ใครยังไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องตกลงกันก็ได้ เจรจาอีก 100 ปี 1,000 ปีก็ได้ เมื่อปี 2549 ประเทศกัมพูชาเสนอให้แบ่งเป็น 14 แปลง เป็นตราหมากรุก ซึ่งเราไม่ยอมจึงไม่ได้ตกลงอะไรต่อกัน สรุปคือยังไม่มีการทำข้อตกลงอะไรกันเลย เรื่องนี้จึงเป็นการใส่ร้าย บิดเบือน ของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามจะเชื่อมโยงให้เห็นคล้ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความลับมีเลศนัยเท่านั้น

นายนพดลกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ที่ออกมากล่าวหาหรือไม่นั้น กำลังให้ทีมกฎหมายพิจารณา เบื้องต้นยังไม่เข้าข่ายผิดข้อกฎหมายอะไร อย่างไรก็ดีขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ประเทศดูไบ ยังไม่มีกำหนดการเดินทางไปไหน ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้พาสปอร์ตมอนเตเนโกรในการเดินทาง

นายนพดลกล่าวว่า ส่วนกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสัมปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้น อยากบอกว่าสุนัขเห็นใบตองแห้งยังเห่า แต่นักการเมืองที่ดีอย่าไปเห่าเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เอาความจริงมาพูด หยุดใส่ร้ายคนอื่น ขอย้ำอีกครั้งว่าใครก็ตามที่ค้นพบสัมปทานเหล่านั้น อดีตนายกฯ พร้อมยกสัมปทานเหล่านั้นให้ไปเลย

“พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาถือเป็นเจตนาดี ไม่ได้ต้องการไปเปิดเผยข้อมูลลับอันใดหรือถึงมีก็ไม่ทำอยู่แล้ว อดีตนายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัมปทานใดๆ ทั้งสิ้น คนเป็นนายกฯ มา 6 ปี ไม่คิดร้ายต่อประเทศแน่นอน นายอภิสิทธิ์ รู้จักกันดี ขนาดภรรยานายอภิสิทธิ์รับปริญญาโทและเอกที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ไม่มีชุดครุยใส่มายืมตนก็ยังให้ยืม เพราะฉะนั้น การจัดการชีวิตท่านไม่ควรไปยืมหรือกู้เท่านั้น นายอภิสิทธิ์ต้องมีจิตใจเป็นธรรมบ้าง อย่ากล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพวกกัมพูชา แล้วมาปลุกกระแสชาตินิยม วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกถอนพาสปอร์ตแดง น้ำเงิน น้ำตาล หมดแล้ว คงไม่มีปัญญาเอาความลับไปบอกใคร” นายนพดลกล่าว

นายนพดลกล่าวถึงกรณีนายอลงกรณ์ หรือคุณจ้อน ขอให้ตนเปลี่ยนสัญชาติไทยว่า ตนก็คนไทยรักประเทศ นายอลงกรณ์ไม่ใช่สำนักบริการที่จะให้ตนเปลี่ยนสัญชาติ เป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเปลี่ยนสัญชาติ แต่สันดานเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น มันเปลี่ยนง่ายกว่า ส่วนการฟ้องร้องกำลังพิจารณา แต่ก็ไม่อยากไปหาความกับคนที่ไม่มีจริยธรรมให้เปลืองเงินโดยใช่เหตุ

นายนพดลกล่าวถึงกรณี นพ.บุรณัชย์ ระบุว่าแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ไทยแพ้คือศาลโลกต้องการปิดปากประเทศไทยให้ยอมรับแผนที่นี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไปลงกรอบตกลงปักปันเขตแดน (ทีโออาร์) เมื่อปี 2546 นั้น เป็นการพูดความจริงครึ่งเดียว แต่ผลงานพรรคประชาธิปัตย์อันลือลั่นคือ อดีตผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ไปว่าความแพ้จนเสียปราสาทพระวิหาร และแผนที่อัตราส่วน1ต่อ 200000 พรรคประชาธิปัตย์ไปลงนามบันทึกความเข้าใจเมื่อปี 2543 ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไปลงนามไว้ ถือเป็นความเสี่ยงจะเสียดินแดนในอนาคต เพราะไปยอมรับแผนที่ที่ไปลงนามกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเราแพ้ในศาลโลก ไม่ใช่เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ

“เราอาฆาต เราเจ็บ จะเสียลาภ ยศก็ต้องเสียจากความจริงไม่ใช่ความเท็จ เราเอาข้อเท็จจริงมาพูดไม่ใช่ข้อกล่าวหา ขอให้นายอภิสิทธิ์โตเสียที วันนี้ไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่เป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนคนไทย ควรมีจิตใจให้ความเป็นธรรมต่อคนอื่นบ้าง” นายนพดลกล่าว

อย่างไรก็ดี ในทั้งก่อนและหลังการแถลงข่าวครั้งนี้ นายนพดลระบุว่า เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกกล่าวหาขายชาติ มันเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ประเด็นอื่น และเห็นว่าการแถลงข่าวที่ กทม.น่าจะเหมาะสมกว่า พร้อมกับบ่นถึงการบริหารจัดการพรรคที่ทำให้ต้องมาแถลงข่าวถึง จ.พระนครศรีอยุธยา สำหรับคนที่ประสานให้นายนพดลมาแถลงข่าวที่นี่คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น