นักวิเคราะห์ทั้งไทย-เทศ เตือน “สงคราม” อาจปะทุตามแนวชายแดนไทย-เขมร

เอเอฟพี - นักวิเคราะห์ระบุ การเยือนกัมพูชาของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประโยชน์ต่างตอบแทนทั้งต่อตัวทักษิณเอง และนายกรัฐมนตรีฮุนเซน แต่ความเคลื่อนไหวนี้ อาจจะทำให้ไทยและกัมพูชา กลับไปสู่การเผชิญหน้ากันตามแนวชายแดนที่มีเรื่องพิพาทกรณีเขาพระวิหารอีก เตือน ผู้นำไทยต้องอดทนต่อแรงยั่วยุอันจงใจ และอย่าตอบโต้เกินกว่าเหตุ

บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบัดดี้ตีกอล์ฟด้วยกันในเวลาว่าง ใช้ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจเป็นการแก้เผ็ดรัฐบาลไทย แต่นักวิเคราะห์พวกนี้ เตือนว่า เพื่อนซี้คู่นี้กำลังติดอยู่เกมเสี่ยงอันตรายกับทางการไทย ซึ่งกำลังเดือดดาล และอาจจะจุดเชื้อไฟให้ปะทุขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการปะทะกันเรื่องเขาพระวิหารขึ้นมาอีก

“สถานการณ์ใหม่นี้ขับเคลื่อนให้ไทยและกัมพูชาขยับใกล้ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น” พอล แชมเบอร์ส นักวิจัยด้านการเมืองไทยแห่งมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ในเยอรมนี แสดงความเห็น

ด้าน นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเเห็นว่า ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งทักษิณ ทำให้นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้ “แสดงความพยาบาท” ต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย โดยฮุนเซนนั้น ต้องการทำให้นายอภิสิทธิ์ขายหน้า หลังจากที่ไทยปฏิเสธที่จะเจรจากับกัมพูชา กรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร และหลังจากที่ครั้งหนึ่ง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไทย ตราหน้าเขาว่า เป็นอันธพาล”

นักวิเคราะห์ยังระบุว่า ผู้นำกัมพูชายังพยายามสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลไทยอีกด้วย เนื่องจากความรู้สึกเป็นปรปักษ์ต่อเขาตามประวัติศาสตร์ โดยผู้นำกัมพูชา หวังว่า การล่มสลายของรัฐบาลไทยจะเปิดทางให้ทักษิณหรือพันธมิตรของเขากลับมา

ทั้งนี้ นายฐิตินันน์ ยังสงสัยเรื่อง “เวลาการแต่งตั้ง” ทักษิณ อีกด้วย เพราะเกิดขึ้นขณะที่นายอภิสิทธิ์ กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน กับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ นอกจากนั้น การแต่งตั้ง ทักษิณ ยังทำให้ ทักษิณ มีฐานที่มั่นใหม่ในกัมพูชา ซึ่งใกล้ประเทศไทย ที่เขากำลังพยายามกลับมาเรืองอำนาจ

“มันเป็นที่ที่ใกล้ไทยที่สุด นับตั้งแต่เขาเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาคอร์รัปชัน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2008 ที่ผ่านมา” นายฐิตินันท์ ระบุ

“เขากำลังพยายามยั่วยุให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ตอบโต้จนเกินกว่าเหตุ” “สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อกันและกัน เป็นความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ระหว่างฮุนเซน และทักษิณ และมันเป็นสิ่งที่วางแผนไว้” อาจารย์ฐิตินันท์ เสริม

นักวิเคราะห์และบรรดานักการทูต ชี้ว่า การเดินทางเยืนอกรุงพนมเปญของประธานพรรคที่โปรทักษิณ เมื่อไม่นานมานี้ เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า ฮุนเซน และทักษิณ วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว

“ใครที่จะยัวยุรัฐบาลไทยได้ คนนั้นก็จะเป็นทักษิณ พอๆ กับฮุนเซนนั่นแหละ” นักการทูตที่อยู่ในกรุงพนมเปญคนหนึ่ง แสดงความเห็น

ควากดดันตอนนี้ คือ รัฐบาลไทยจะต้องไม่ตอบโต้เกินกว่าเหตุ หลังจากเพิ่งเรียกทูตประจำกัมพูชากับอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และฉีกข้อตกลงสำรวจก๊าซและน้ำมันกับกัมพูชาทิ้ง ในวันนี้ (10) ขณะที่กลุ่มชาตินิยมในไทย โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่แสดงจุดยืนอันแข็งกร้าว

ไมเคิล มอนต์เตซาโน นักค้นคว้าวิจัยจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ในสิงคโปร์ กล่าวว่า สถานการณ์จะเลวร้ายมากเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า นายอภิสิทธิ์ จะยังใจเย็นและต้านทานต่อแรงกดดันจากคนที่จงใจจะทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายออกไป ได้หรือไม่ เขาเตือนว่า หาก นายอภิสิทธิ์ ยังแถลงการณ์แบบที่ทำในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง

บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า ทั้ง 3 ฝ่ายจะพ่ายแพ้หมด หากอุณหภูมิเดือดขึ้น และการปะทะอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งตามแนวชายแดน ซึ่งปะทุขึ้นบ่อยครั้งอยู่แล้ว พวกเขาเตือนว่า ฮุนเซน ซึ่งมีกองทัพเล็กกว่าไทย กำลังเล่มเกมอันตราย ขณะที่ทักษิณเสี่ยงที่จะถูกมองว่า ทรยศต่อชาติ ส่วนอภสิทธิ์นั้น ภาพลักษณ์อาจเสื่อมเสียในเวทีนานาชาติ

“มันเป็นสถานการณ์ที่เปราะบาง ความเสี่ยงต่อหายนะที่เปราะบางมาก” นายฐิตินันท์ ระบุ

ทั้งนี้ ทักษิณ และ ฮุนเซน มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกันนับตั้งแต่ปี 2003 เมื่อได้ปรับปรุงความสัมพันธ์กัน หลังจากชาวกัมพูชาก่อเหตุจลาจลและเผาสถานทูตไทย นับตั้งแต่นั้นมาก็ยังคงความสัมพันธ์นั้นตลอดมา แม้หลังจากที่ทักษิณ ถูกโค่นลงจากอำนาจรัฐประหารในปี 2006 แล้วก็ตาม

ส่วนการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มีทหารเสียชีวิต 7 คน จากการปะทะกันใกล้เขาพระวิหาร นับตั้งแต่สหประชาชาติประกาศให้ปราสาทสมัยศตวรรษที่ 11 นี้เป็นมรดกโลก ในเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่า ได้รับรองว่า ปราสาทแห่งนี้เป็นดินแดนของกัมพูชา