“นช.แม้ว” พล่ามจดหมายเปิดผนึก โอ้อวดทำงานทุ่มเทมากกว่านายกฯคนอื่นๆในประเทศไทย หวังให้คนไทยพ้นจากความยากจน แสร้งทำเศร้าใจ รบ.ใช้อารมณ์ตอบโต้เหมือนเด็กๆ ในเรื่องไม่มีพิษไม่มีภัย โม้กัมพูชาเห็นแนวคิดแก้ปัญหาความยากจน “ฮุนเซน” เชื่อมือตั้งเป็นที่ปรึกษา แหล อยากนำประสบการณ์ช่วยทุก ปท.อัด รบ.จุดชนวนปลุกกระแสชาตินิยม โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ปท.ขู่ไทยอาจได้รับผลกระทบด้าน ศก.ยากลำบากมากขึ้น ยันไปเขมรพรุ่งนี้แน่ ยังกล้าพูดไม่มีวันทำร้าย ปท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงกรณีรับเป็นที่ปรึกษา สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552
กราบเรียนพี่น้องชาวไทยที่เคารพรัก
ผมรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับฟังการถกเถียงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ ในเรื่องการแต่งตั้งผมเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาลกัมพูชา และผมรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้นที่รัฐบาลไทยได้แสดงท่าทีตอบโต้เรื่องที่ไม่มีพิษภัยนี้โดยการปลุกกระแสชาตินิยม ผมคิดว่ามันมีความจำเป็นที่ต้องพูดความจริงและทำความจริงในเรื่องนี้ให้ปรากฏ โดยผมขอกราบเรียนให้ท่านทราบความเป็นมาและเป็นไป ดังนี้
ประการแรก ผมได้รับเชิญจากรัฐบาลหลายรัฐบาลทั่วโลก เพื่อให้คำแนะนำในประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญของโลก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ในขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ผมได้ทุ่มเททำงานเรื่องนี้มากกว่านายกท่านอื่นๆ โดยทำงานตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อให้คนไทยที่ยากจนได้มีเครื่องมือและทรัพยากรที่จะช่วยตัวเองให้ได้
การแก้ปัญหาความยากจนและการนำศักยภาพของชนบทออกมาใช้ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของผม ผมเพิ่งจะพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจนและผมจะร่วมเสนอแนวคิดในเรื่องนี้กับทุกคนที่สนใจ ซึ่งกัมพูชาได้แสดงความสนใจและผมก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยความเต็มใจดังที่ผมได้กระทำกับหลายๆ ประเทศทั่วโลก หากรัฐบาลชุดปัจจุบัน จะนำเวลาสักครึ่งหนึ่งของเวลาที่ใช้ในการไล่ล่าตัวผมและข่มขู่ประเทศอื่นทั่วโลกให้ส่งตัวผมกลับประเทศนั้น ไปใช้เพื่อพิจารณาความต้องการของคนไทยที่ยากจน ประชาชนชาวไทยคงจะไม่ลำบากอย่างมากดังเช่นที่กำลังเผชิญอยู่ในวันนี้
ประการที่สอง ปฏิกิริยาที่เสมือนเป็นการสร้างเรื่องที่เกินความจริงของรัฐบาลต่อคำร้องขอของกัมพูชาสำหรับคำแนะนำนั้น เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและไม่จำเป็น ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านและเป็นเพื่อนสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยควรจะใช้ช่องทางที่มีอยู่เพื่อปลดชนวนและบรรเทาไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ถ้ามีความไม่เข้าใจหรือความกังวลใจ รัฐบาลไทยควรขอคำอธิบายและชี้แจงและคำนึงถึงความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างสองประเทศ
แต่แทนที่จะตระหนักถึงผลประโยชน์ต่างตอบแทนของทั้งสองประเทศ และแทนที่จะพยายามจำกัดความเห็นที่แตกต่างอย่างมีสติ รัฐบาลกลับใช้อารมณ์ตอบโต้เหมือนเด็กๆ โดยยื่นคำขาดและได้ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่มีอะไรกลายเป็นสถานการณ์ทางการทูตที่ใหญ่โต วิธีการตอบโต้เช่นนี้ เป็นการขยายวงของเหตุการณ์โดยไม่จำเป็น และไม่ใช่วิธีการที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งในปี 2552 ใน ศตวรรษที่ 21 นี้ เราต้องมีวุฒิภาวะและความอดกลั้นที่จะจัดการกับความเห็นที่แตกต่างอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สร้างละครหรือเรื่องลวงซึ่งอาจบานปลายและไม่สามารถควบคุมได้
การตัดสินใจของรัฐบาลไทยที่จะปลุกความรู้สึกชาตินิยมจากคำขอของรัฐบาลกัมพูชาที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของผมในการแก้ไขปัญหาความยากจน เปรียบเสมือนเด็กที่จุดไม้ขีดไฟทิ้งในป่า โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของตน อาจมีผลที่ไม่คาดคิดตามมาสำหรับประชาชนคนไทยโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจ
ในขณะนี้รัฐบาลไทยยังมีปัญหาไม่มากพออีกหรือในการสร้างความเชื่อมั่นในภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องไปจุดชนวนและตีฆ้องร้องป่าวในประเด็นนี้ การขยายวงและทำให้ประเด็นนี้รุนแรงขึ้นกับกัมพูชาจะช่วยลดปัญหาการว่างงานไหม? หรือจะช่วยทำให้ครอบครัวของคนไทยครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดมีข้าวสารกรอกหม้อในยามที่ต้องดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตที่ต้องอยู่รอดหรือไม่?
ผมขอย้ำและขอพูดอย่างชัดเจนในประเด็นหนึ่ง ว่า ผมได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจนและแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจในภูมิภาคและของโลก ผมจะไม่ไปกัมพูชาเพื่อจะช่วยกัมพูชาสู้กับไทย
วิธีคิดที่ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจนั้น ถ้ามีคนหนึ่งได้คนหนึ่งจะต้องเสียนั้น เป็นความคิดที่ล้าสมัย เหมือนกับปฏิกิริยาในเชิงท้าตีท้าต่อยของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่มีต่อคำเชิญให้ผมเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา การพัฒนาเศรษฐกิจไม่ใช่เกมส์ที่ถ้าคนหนึ่งได้คนหนึ่งจะเสียหมด ถ้าชาวกัมพูชาร่ำรวยมากขึ้นพวกเขาจะซื้อสินค้าไทยมากขึ้นและแนวพรหมแดนของสองชาติจะสงบและมั่นคงมากขึ้น และในทำนองกลับกัน ก็จะเป็นเช่นเดียวกันกับฝ่ายไทยเรา นั่นคือสาเหตุที่ทำไมอาเซียนกำลังพัฒนาไปสู่ตลาดเสรีและการเร่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาค
ผมยอมรับว่า มีบางคนในประเทศไทยไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับนโยบายบางเรื่องของผมและการที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมยอมรับว่า บางคนก็ยังไม่เห็นด้วยกับผมอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะที่เราเป็นสังคมที่มีวุฒิภาวะ ทันสมัย และหลากหลาย เราจำเป็นจะต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่างแต่ผมไม่สามารถ และไม่อาจรับข้อกล่าวหาที่ว่าผมจะทรยศต่อประเทศของผม ผมทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเป็นเวลา 6 ปี และก่อนหน้านั้น ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรี ผมรักประเทศไทยมากกว่าชีวิตของผมเอง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้การพักอาศัยอยู่ต่างประเทศของผมเจ็บปวดมากเกินกว่าที่ผมจะสามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ไม่มีวันที่ผมจะทำการใดที่จะทำร้ายประเทศของผม ไม่ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลปัจจุบันเพียงใดก็ตาม
ผมเข้าใจเป็นอย่างดีว่ามีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผลต่อความรู้สึกทั้งสองฝ่าย ผมเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อสถานทูตในกรุงพนมเปญถูกเผา ผมรู้สึกโกรธมากจากเหตุการณ์ดังกล่าวและโกรธเคืองที่มีการดูหมิ่นประเทศไทยและเป็นห่วงอย่างยิ่งในความปลอดภัยของนักการทูตเรา แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำเราไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรงได้ มิฉะนั้นเราก็ไม่แตกต่างจากผู้ก่อจลาจลบนท้องถนน
ผมเข้าใจเป็นอย่างดีว่าไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ซึ่งกระทบต่อความละเอียดอ่อนในเรื่องชาตินิยมของทั้งสองฝ่าย ในฐานะที่เป็นคนไทยผมก็รู้สึกรักและหวงแหนสิทธิของเรา ประสงค์ที่จะคุ้มครองมรดกของเราและปกป้องเกียรติยศของเรา ผมได้แลกเปลี่ยนข้อห่วงใยของผมกับท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ในเรื่องนี้หลายครั้งในอดีตและผมจะยังคงเน้นกับท่านและบุคคลอื่นๆในกัมพูชาต่อไปถึงความสำคัญของการบรรลุข้อยุติที่เป็นที่รับได้ของทั้งสองฝ่ายในประเด็นเหล่านี้ ที่ได้คำนึงถึงความรู้สึกอ่อนไหวของประชาชนทั้งสองฝ่าย ท้ายที่สุดประเด็นเหล่านี้จะสามารถได้รับการแก้ไขก็ด้วยวิธีการเจรจาพูดคุย ความอดทนและการทูตที่มุ่งมั่น แต่ไม่ใช่โดยการยื่นคำขาด การตอบโต้ด้วยคำพูดที่รุนแรง และไม่ต้องพูดถึงการพิพาทที่มีการใช้อาวุธ
ดังนั้น ในขณะที่ผมเดินทางไปกัมพูชาไปวันนี้ เพื่อจะพูดคุยปัญหาความยากจนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ผมของกราบเรียนว่าผมจะพูดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยกับเพื่อนที่กรุงพนมเปญ แม้ว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันจะยังคงไล่ล่าตัวผมไม่ว่าผมจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม
ในระหว่างนี้เพื่อประโยชน์ของคนไทยหลายล้านคนที่เผชิญสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศไทยเผชิญในรอบกว่าสิบปี ผมหวังว่า รัฐบาลไทยจะหยุดการสร้างสถานการณ์ระหว่างประเทศและปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่จะพัฒนาและทำให้สวัสดิภาพของคนไทยดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รับชั่นอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะยุติการหาแพะรับบาป และเริ่มทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ต้องการการแก้ไขในประเทศเราขณะนี้ หากท่านต้องการคำแนะนำใดๆ ก็สามารถโทรศัพท์หาผมได้เสมอ
ขอแสดงความนับถือ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร