xs
xsm
sm
md
lg

เขมรไม่ปล่อย บัวแก้วจี้ช่วยวิศวกรไทย ลั่นยัดข้อหาเจอประท้วงรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บัวแก้วส่งหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์เขมรแล้ว จี้ให้ให้ตอบคำถามตั้งข้อหาอะไร พร้อมขอเยี่ยม ลั่นหากเขมรตั้งข้อหาเท็จ เจอการประท้วงอย่างรุนแรงแน่ สุเทพ เผยข้อมูลการบิน"แม้ว-ฮุนเซน"ไม่ใช่ความลับ แต่ก็หงอ ด้านลิ่วล้อพ่อแม้วเป็นแขกคนสำคัญของฮุนเซน จำเป็นต้องดูแลให้ปลอดภัย “อภิสิทธิ์” ฉะ “นช.แม้ว” ต้นตอความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา สะดุด! เหตุลูกหลานพระยาละแวก ตั้ง “เจ้ามูลเมือง” เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวด้านเศรษฐกิจ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับการยืนยันแล้วว่า นายศิวรักษ์ โชติพงษ์ ถูกคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเพซอ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นเรื่องต่อกรมราชทัณฑ์กัมพูชาแล้ว ระบุ ขอทราบเหตุผลการจับกุมและขอเข้าเยี่ยม ซึ่งอยู่ระหว่างรอคำตอบจากทางการกัมพูชาทั้งนี้ ถือว่าเป็นโชคไม่ดีที่ช่วงเกิดเหตุ ติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ การประสานงานให้ความช่วยเหลือเป็นไปค่อนข้างลำบาก แต่ยืนยันว่า ทางการไทยจี้ติดเรื่องนี้ให้กัมพูชาดำเนินการเรื่องการเข้าเยี่ยมให้ได้โดยเร็วที่สุด

นายชวนนท์ กล่าวว่า ทางฝ่ายไทยจะยื่นหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงกับรัฐบาลกัมพูชาหากแจ้งข้อ กล่าวหาที่เป็นเท็จกับนายศิวรักษ์ โดยอ้างว่า เป็นผู้จารกรรมข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฮุน เซน

ขณะเดียวกัน พ.อ.สิทธิชัย มากกุญชร โฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบล่าสุด 3-4 จุด ยืนยันว่าไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือ ศรภ.ที่ชื่อนายมานิต ถูกจับกุมที่กัมพูชาแต่อย่างใด เพราะ ศรภ.ไม่ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าสอดแนมยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นถือว่าเปราะบาง โดยเชื่อว่ากระแสข่าวที่ออกมานั้นเป็นการเล่นสงคราม ข่าวสารข้อมูล ถือว่าเป็นการเล่นสงครามจิตวิทยาอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าความสัมพันธ์ในระดับกองทัพของทั้งสองประเทศยังคงแน่นแฟ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่จุดผ่อนปรนบริเวณแนวชายแดน

กต.ยันดูแลวิศวกรที่ถูกจับเต็มที่

นายชโลธร เผ่าวิบูล อุปทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ กล่าวว่า ล่าสุดนายศิวรักษ์ยังปลอดภัยดี โดยรายละเอียดนั้นตนได้ รายงานให้กระทรวงการต่างประเทศทราบแล้ว ขณะที่สถานการณ์ในกัมพูชาก็ยังเป็นปกติ

ด้าน นางวิมล คิดชอบ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์เต็มที่ และการที่ไทยลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชา จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศตั้งความหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะให้การดูแลนายศิวรักษ์ตามขั้นตอน และกระบวนการของกฎหมายที่ถูกต้อง

"สุเทพ"ยันข้อมูลการบินไม่ใช่ความลับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงการ ช่วยเหลือนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ เจ้าหน้าที่สัญชาติไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศกัมพูชา ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เข้าไปดูแลตามหลักปฏิบัติสากล และคาดว่ากระบวนการยุติธรรมในกัมพูชา ต้องเป็นไปตามหลักสากล ตนได้ประสานงานไปยังบริษัทต้นสังกัดของนายศิวรักษ์แล้ว ในกรณีที่ต้องการเอกสารจากทางการไทยเพื่อยืนยันว่าตารางการบินขอพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ข้อมูลลับ และเป็นข้อมูลที่ทางการไทยรู้ก่อนที่นายศิวรักษ์จะถูกจับกุม โดยจะพยายามใช้หลักฐานในประเทศให้เป็นประโยชน์ ส่วนจะไปแทรกแซงกระบวนหการยุติธรรมในกัมพูชาคงทำไม่ได้ แต่เชื่อว่าด้วยพยานหลักฐานและบริษัทต้นสังกัดคงจะทำได้ดี ขณะนี้ไม่คิดว่าแนวทางการเจรจาจะสามารถหาทางออกได้ เพราะบรรยากาศของทั้ง 2 ประเทศ ทุกคนทราบดี แต่รัฐบาลจะติดตามความคืบหน้า

ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงต่อคนไทยในกัมพูชา เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาคงเคารพในหลักการ ความพอใจหรือไม่พอใจรัฐบาลไทยนั้นถือ เป็นคนละเรื่อง แต่ถ้าจะไปลงที่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศถือว่าไม่ถูกต้อง รัฐบาลกัมพูชา ควรตระหนักในเรื่องนี้ เพราะไทยปฏิบัติต่อคนกัมพูชาและทรัพย์สินของกัมพูชาในประเทศไทยเป็นอย่างดี ดังนั้นกัมพูชาจึงต้องปฏิบัติกับเราดีด้วย

ส่วนที่มีข่าวลือการจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ศรภ.ของไทย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปสนใจข่าวลือ ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยหรือกัมพูชา เมื่อเป็นข่าวลือก็ไม่มีข้อเท็จจริง เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ไทยไปเป็นสายลับ ซึ่งทางศรภ.ยืนยันชัดเจนว่าชื่อบุคคลที่มีข่าวว่าถูกจับกุมนั้นไม่มีในสารระบบของศรภ.

ความสัมพันธ์จะดีขึ้นหรือไม่อยู่ที่กัมพูชา

ต่อข้อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากกัมพูชาแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศจะดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ทางการกัมพูชาว่าจะปรับท่าทีอย่างไร เพราะรัฐบาลยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจ ทำนโยบายเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีเรื่องที่ต้องหารือกัน ซึ่งมีมูลค่ามากกมายมหาศาลกว่าการทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าจะเดินทางมายังกัมพูชาเป็นระยะๆ จะมีผลต่อการเมืองภายในประเทศไทยหรือไม่นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องภายในประเทศไทยเป็นหน้าที่ของคนไทยต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่มีประเทศอื่นจะมามีอิทธิพลเหนือคนในชาติ การที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมากัมพูชาคงจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกินเดือน ก.พ. 2553 รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกได้พูดไว้อย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่นายอภิสิทธิ์ เข้ามารับตำแหน้งนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าจะอยู๋ไม่เกิน 3 เดือน 5 เดือนเช่นนี้มาตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่แสดงให้เห็นชัดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และบริวารตั้งใจโค่นล้มรัฐบาลให้ได้โดยไม่เลือกวิธีการที่ถูกต้อง ไม่คำนึงถึง กฎเกณฑ์กติกาตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เป็นห่วงต่อความเคลื่อนไหว ที่อาจรุนแรงขึ้น รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องประเทศและประชาชน ก็ต้องพร้อมเผชิญกับทุกอย่าง และแก้ไขปัญหาตามกำลังความสามารถ

“อภิสิทธิ์”ฉะแม้วต้นเหตุ 2 ปท.ร้าวฉาว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ได้เกิดจากรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 เป็นไปอย่างราบรื่นปกติ จนกระทั่งเกิดปัญหาก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน และหลังจากนั้นรัฐบาลกัมพูชาไปแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูขา และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่อเรื่อง ของผลประโยชน์ขัดกันในเรื่องของข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา เรื่องการที่กัมพูชาได้ประกาศหรือไม่ส่งตัวตามสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนและเรื่องที่มีการออกแถลงการณ์ในลักษณะที่พาดพิงมาถึงระบบยุติธรรมของไทยและการเมืองไทย

นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหา ซึ่งแนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการก็คือ ดำเนินการมาตรการทางการทูตเพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ และก็มีการตอบโต้กันไป โดยที่รัฐบาลตั้งเป้าชัดครับว่าเราไม่ได้ต้องการให้เกิดปัญหาที่ลุกลามไปสู่ความรุนแรง เราไม่ต้องการที่จะให้วิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือกัมพูชา ซึ่งพบปะทำมาค้าขายบริเวณชายแดนได้รับผลกระทบ ยกเว้นในเรื่องของการเดินทางเข้าไปเพื่อเล่นการพนัน ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ขาดการเข้มงวดกวดขันในเรื่องของการตรวจสอบเอกสารต่างๆ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฉะนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำไปก็คือ หนึ่งมาตรการทางการทูต เช่น การเชิญเอกอัครราชทูตกลับมา และต่อมาก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นกับกรณีของ เลขานุการของทูตซึ่งมีการส่งกลับ พร้อมๆ กันนั้นก็มีการทบทวนความร่วมมือต่างๆ เริ่มต้นจากบันทึกความเข้าใจซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้มีส่วน ในการเข้าไปลงนามไว้ในช่วงปี 2544 และเป็นเรื่องของผลประโยชน์ในพื้นที่ที่มีการ บอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันในทะเล รวมไปถึงการที่จะกำหนดเขตแดนในทางทะเล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากเป็นเรื่องซึ่งน่าจะเข้าข่าย รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสอง กระบวนการในการ ยกเลิกจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผ่านความเห็นชอบของ สภาฯ และโดยที่มีข้อกฎหมาย ที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความละเอียด คณะรัฐมนตรีจึงได้เห็นชอบในหลักการที่จะให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการ ดูข้อกฎหมายทั้งหมด และในระหว่างนี้การเจรจาในเรื่องของการดำเนินการ ในส่วนของทรัพยากรในพื้นที่ดังกล่าวก็จะยังมีการชะลอไว้ก่อน พร้อมๆ กันไปก็จะมีการดูโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่เราจะได้มีการทบทวน ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะหลีกเลี่ยงมาตรการที่จะไปกระทบกับสิ่งที่เป็นความร่วมมือความช่วยเหลือที่เกิดขึ้น อยู่ในปัจจุบัน และไม่ให้กระทบกับเรื่องของการค้าขายตามชายแดน

เรียกร้องกัมพูชาทบทวนท่าทีใหม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเรียนว่ารัฐบาลได้มีการไปติดตามเพื่อดูแลพื้นที่ อย่างใกล้ชิด ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้ไปดูในพื้นที่ด้วยตัวเอง และก็พบว่าขณะนี้สถานการณ์นั้นยังเป็นไปอย่างปกติในเรื่องของการค้าการขาย ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในทางการทูตนั้นในที่สุดก็ต้องมีการแก้ไขกัน เป็นเรื่องระหว่างทางรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทย

“ผมยืนยันครับว่าถ้ารัฐบาลกัมพูชาเพียงแต่ทบทวนท่าทีของตัวเอง และทำทุกสิ่งทุกอย่างย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะมีปัญหาขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ผมก็เชื่อว่าความร่วมมือและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ก็จะสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนั้นผมก็ยืนยันครับว่าในฐานะประธานของอาเซียนเอง เราจะไม่ให้เกิดผลกระทบกับความร่วมมือในกรอบของอาเซียน และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่างๆ ผมยืนยันครับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำในขณะนี้เป็นไปตามกติกาและมาตรฐานของสากล และเราก็เรียกร้องที่จะให้กัมพูชาดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพราะจุดเริ่มต้นของปัญหานั้นเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามแนวทางตรงนี้”

เสียใจคนไทยบางกลุ่มสร้างปัญหา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่าปัญหานี้ก็เกิดขึ้นจากคนไทย บางคนบางกลุ่มเท่านั้นเอง ที่ไปสร้างปัญหาตัวนี้ขึ้นมา ตนอยากจะเรียนย้ำว่าวันนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความสมัครสมานสามัคคีของคนไทย ความอดทนอดกลั้นและการแสดงถึงความจริงใจว่าเราต้องการจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีด้วยการเคารพกฎ กติกาต่างๆ แน่นอนสิ่งที่เป็นความรู้สึกของพี่น้องประชาชนนั้น ตนยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศอย่างถึงที่สุด บนมาตรฐานที่จะเป็นที่ยอมรับเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาคมระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ ตนก็อยากจะขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยว่า เรากันเองต้องสามัคคี

เราต้องไม่ปล่อยให้คนบางคนบางกลุ่มเท่านั้นเองครับไปสร้างปัญหา ที่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง กระทบกับประชาชนคนไทย กระทบกับความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และกระทบกับความร่วมมือต่าง ๆ ก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง และยืนยันว่าเราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้นบนการรักษาผลประโยชน์อย่างดีที่สุดของ พี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 19.50 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากการประชุมเอเปก ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยลงเครื่องที่ท่าอากาศยานบน.6 ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา พร้อมกับรีบขึ้นรถออกไปทันที

อภิสิทธิ์ปฏิเสธถกฮุนเซนที่สิงคโปร์

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สิงคโปร์ (15 พ.ย.)ไม่ประสงค์ที่จะหารือนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา เป็นการส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ ขณะที่ฝ่ายนายฮุนเซน ก็ไม่ได้ติดต่อประสานมา เพื่อขอหารือกับนายกรัฐมนตรีเช่นกัน

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยที่ประเทศสิงคโปร์ว่า ในระหว่างการหารือทวิภาคีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับ นายซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ทางประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้แสดงความ ห่วงใยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และต้องการเข้ามาช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงสาเหตุและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันไทยยังคงให้การช่วยเหลือและปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จะพบกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ด้วย เพื่อรับฟังปัญหา หากมีความความคืบหน้า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย จะประสานมายังตนเป็นระยะ ๆ

นายกษิต เชื่อว่า แม้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาแล้ว ปัญหาต่างๆ จะยังไม่หมดไป เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นที่ปรึกษา ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามความเคลื่อนไหว ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีต่อไป

ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรมแต่จะฟ้องหมิ่น

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ทีมที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาขู่ว่าจะฟ้องคนที่พาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่า น่าจะเป็นการแก้เกี้ยวทางการเมืองมากกว่าการหวังผลคดี ทนายกลุ่มนี้ ทำหน้าที่เป็นตัวคุ้มกัน พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด โดยใช้ข้อกฎหมายมาปิดปาก คนที่จะออกมาเปิดโปงความจริงที่เป็นพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ

“ไม่เข้าใจว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย แล้วเหตุใดจึงจะมาพึ่งกระบวนการยุติธรรมนี้ในการเอาผิดคนอื่น หรือเมื่อตัวเองเสียผลประโยชน์แล้วจึงกล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่าถูกแทรกแซง แต่เมื่อจะได้ประโยชน์จึงเอากระบวนการยุติธรรมมาเป็นเครื่องมือ พฤติกรรมนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด การข่มขู่ของทนายทีมนี้ไม่สามารถปิดปากคนที่จะเปิดเผยความจริงได้ เชื่อว่าหากมีการฟ้องก็พร้อมที่จะสู้คดีและเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมไทยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายได้ สิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริง พฤติการณ์จริงที่ทักษิณมีพฤติกรรมอย่างนี้ตามที่หลายฝ่ายออกมาให้ข้อเท็จจริง ความจริงนั้นเป็นสิ่งไม่ตาย คนที่พูดความจริงย่อมได้รับการคุ้มครองจากศาลยุติธรรม”

ต่อข้อถามมีความพยายามในการเปรียบเทียบการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เป็นการพูดเนื้อหาในกรณีเดียวกันที่สามารถ พูดได้ในไทมส์ออนไลน์นั้น นายเทพไทกล่าวว่า มันต่างกรรมต่างวาระ ต้องดูที่เจตนาว่า คนที่พูดนั้นมีเจตนาอย่างไรการกล่าวอ้างถึง

เลียนแบบฮุนเซนชักศึกเข้าบ้านเพื่อตัวเอง

นายเทพไทกล่าวถึงสถานการณ์ต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการแตกหักกับรัฐบาลและประเทศไทย ไม่เช่นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมไปเปลืองตัวเดิมพันกับอนาคต ของตัวเองที่ไปจับมือกับสมเด็จฮุนเซน จนได้ข้อกล่าวหาว่า เป็นคนทรยศต่อชาติ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดนั้นเป็นพฤติกรรมที่นำศึกนอกเข้ามาสมทบกับศึกใน ซึ่งเป็นพฤติกรรมเหมือนในอดีตที่ฮุนเซนเอาเวียดนามมาทำสงครามในกัมพูชา ช่วยเขมรแดงแล้วทำให้ฮุนเซนเป็นนายกฯ เช่นเดียวกันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืมมือ มากดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงให้ตนเองมีอำนาจอีกครั้ง

ทั้งหมดเป็นทฤษฎีที่เชื่อมโยงเป็นทฤษฎีแบบโดมิโนที่เลียนแบบมาจาก ฮุนเซนที่นำศึกนอกเข้ามาเพื่อให้ตัวเองได้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมและศักดิ์ศรีของประเทศ กับ 7 หมื่นล้านเป็นเงินที่ทักษิณต้องการและเดิมพันสูงเป็นตัวเงินที่จับต้องได้ แต่ยังมีคดีที่ ทักษิณต้องถูกดำเนินคดีอีกนับ 10 นอกจาก 7 หมื่นล้าน เป็นเดิมพันหลักยังมีประกอบอีกหลายคดี ทักษิณต้องการเพียงเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองเพื่อล้มคดีทั้งหมดได้

ลิ่วล้อบอก"นช.แม้ว"แขกสำคัญเขมร

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งนำคณะ ส.ส.เพื่อไทยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า รัฐบาลกัมพูชาถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแขกคนสำคัญของกัมพูชา การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสูงสุดที่ต้องอารักขา พวกตน 40 คน ที่เดินทางจะไปพบยังต้องถูกตรวจเข้มงวดผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ กัมพูชาให้ความสำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นแขกบ้านแขกเมือง เมื่อรัฐบาลกัมพูชา ที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีคนไทยล่วงละเมิด สอดรู้สอดเห็นความลับ ลักลอบดูข้อมูล ตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณว่าบินถึงกัมพูชาช่วงใดนั้น กัมพูชากลัวเป็นอันตรายกับแขกบ้านแขกเมือง จึงเปลี่ยนเครื่องบินให้เพื่อความปลอดภัย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้รับการชี้แจงว่าห้ามบินผ่านน่านฟ้าของไทย เพราะมีการเตรียมเครื่องบินรบที่อู่ตะเภาและอีสาน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากถามนายอภิสิทธิ์ ว่าถ้ามีผู้นำอย่างโอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่งเครื่องบินแอร์ฟอสวันมาแล้วมีผู้ล่วงรู้ตารางการบิน แล้ว นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอะไรเลย จะรับผิดชอบอย่างไร ดังนั้นที่นายอภิสิทธ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและลิ่วล้อ บอกว่าล่วงรู้ตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นเครื่องบินเช่าเหมาลำ เป็นการกล่าวหากัมพูชาที่มุ่งประเด็นการจับคนไทย หยิบมาเป็นข้อโต้แย้ง จูงกระแส วันนี้ต้องยอมรับว่ากัมพูชาให้ความเข้มงวดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นที่ปรึกษา ดังนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่าพยายามโยงประเด็น

พ่อค้าเขมรนำเข้าไก่ไทยขายดี

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบรรยากาศการค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชาจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นไปด้วยความซบเซา ไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา สาเหตุเพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทย ประเทศกัมพูชา โดยที่ประเทศกัมพูชาเองก็มีข่าวลือเป็นระยะ ๆ ในเรื่องการปิดพรมแดน ส่งผลให้คนมาซื้อหาสินค้าฝั่งไทยน้อยลง ส่วนใหญ่ซื้อเนื้อหมูและไก่เพื้นเมือง

นายอึม เทือน ชาวบ้านถนนแกง เมืองอัลลองเวง กล่าวว่า มาซื้อไก่พื้นเมืองตัวเป็น ๆ จากฝั่งไทยในสนนราคาตกกิโลกรัมละ 80-90 บาท ครั้งละ 200 -300 กิโลกรัม นำไปขายต่อที่ประเทศเขมรได้ราคากิโลกรัมละ 100 -110 บาท ขายภายใน 1 วันก็หมดแล้ว เพราะคนเขมรนิยมชื่นชอบไก่พื้นเมืองของประเทศไทย เขาเชื่อมั่นเรื่องการปราศจากเชื้อโรค ไก้อ้วนพี มีนำหนักรสชาติอร่อย
กำลังโหลดความคิดเห็น