xs
xsm
sm
md
lg

“ไอ้ตู่” ผีเขมรเข้าสิง! ด่าทูตไทยเสียมารยาท ล้วงไฟลต์บินเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
“จตุพร” ปั้นน้ำเป็นตัวปกป้องเขมรสุดฤทธิ์ อ้างเหตุไล่เลขาทูตไทยกลับเพราะได้รับคำสั่งจากกระทรวงต่างประเทศให้แทรกแซงกิจการทางการบินของกัมพูชา แหลอีก รบ.ไม่ควรยกเลิกเอ็มโอยู เพื่อยืดเวลาของรัฐบาล นั่งตาปริบๆ ดูมวลชนพันธมิตรฯ นัดชุมนุมอาทิตย์นี้คึกคัก พ่นน้ำลายรัฐบาลอยู่เบื้องหลังเกณฑ์ม็อบกำนัน-ผญบ.หนุน



ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชา ส่งตัวนายคำรบ ปาลวิวัฒน์ เลขานุการเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ กลับประเทศไทยภายใน 48 ชม. และขณะเดียวกัน ไทยก็ได้ตอบโต้ในลักษณะเดียวกันว่า เรื่องนี้ หากรัฐบาลไทย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศไม่พูดความจริง ก็จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันจากกรณีเรื่องอื่นๆ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ปรากฎในประเทศกัมพูชานั้น คือทางการไทยโดยสถานทูตไทยในกัมพูชา ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะได้รับคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำเนินการแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา เนื่องจากกิจการทางการบินของกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นความลับ ความมั่นคง และทางรัฐบาลกัมพูชาได้ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ซึ่งมีการแทรกแซงโดยรัฐบาลไทย ด้วยการดึงข้อมูลเพื่อรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินที่จะไปลงที่กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางกัมพูชาเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความลับทางราชการ ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้

“วันนี้ทางการไทยได้ล้วงความลับกิจการภายในของกัมพูชา ผิดมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง หากกัมพูชานำหลักฐานดังกล่าวมาแสดง ประเทศไทยก็ผิดกฎหมาย ซึ่งการที่รัฐบาลพยายามทำให้มองว่าเกิดจากกรณีอื่น แต่ความจริงไม่ใช่ โดยไปนำข้อมูลการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือใครก็ตามในกัมพูชา ซึ่งเป็นข้อมูลลับเกี่ยวกับสายการบินในกัมพูชา จะเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศกัมพูชา ซึ่งสถานทูตไทยเสียมารยาทอย่างร้ายแรง และไม่สมควรกระทำ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม หากมาทำในลักษณะดังกล่าว ก็จะถูกตอบโต้เช่นเดียวกัน” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ดังนั้น สิ่งที่นายอภิสิทธิ์จะต้องสำเหนียกให้มาก คือ การเล่นเกมการเมืองเพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลว และการทุจริตของตนเอง เพื่อยืดเวลาของรัฐบาล ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับประเทศไทย แต่นายอภิสิทธิ์อาจจะได้ประโยชน์ เช่น กรณี MOU ที่ไทยทำกับกัมพูชา ในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ได้เป็นผู้ลงนาม และได้ลำดับความว่าเรื่องดังกล่าวได้ทำมาตั้งแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล ต่อมาถึงยุคนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำต่อโดยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต รมว.ต่างประเทศ จนมาถึงนายสุรเกียรติ์ และการที่นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ล่วงรู้ความลับในการทำ MOU ซึ่งเรื่องนี้นายสุรเกียรติ์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยันว่าการเจรจาที่นำไปสู่ MOU เป็นระดับเจ้าหน้าที่ในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตัวรัฐมนตรี เพราะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพของกระทรวงต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ นายสุรเกียรติ์ยังอธิบายต่อว่า ไทยไม่จำเป็นต้องยกเลิก MOU เพียงแต่ไทยไม่เรียกประชุม หรือไม่พร้อมจะประชุม การเดินหน้าในเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ลงนามมาแล้ว 2 ปี แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น

นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลไทยได้มีการดำเนินการบางอย่างกับมิตรประเทศ ซึ่งขณะนี้ประเทศลาว ที่ไทยจะเข้าไปช่วยในเรื่องการจัดซีเกมส์นั้น แต่ก็มีเงื่อนไข ทำให้ลาวปฏิเสธการช่วยเหลือ และประเทศที่ 3 รัฐบาลรู้ว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเดินทางไปประเทศพม่า รัฐบาลก็ได้ส่งรัฐมนตรีคนหนึ่ง และผู้บัญชาการเหล่าทัพบางคน เดินทางไปยังพม่าล่วงหน้าก่อน ซึ่งตัวรัฐมนตรี คนดังกล่าวก็อ้างว่าจะไปไหว้พระ แต่ทางการพม่าก็ตอบปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าไม่พร้อมที่จะต้อนรับ เพราะผู้นำประเทศไม่อยู่ ซึ่งเป็นการปฏิเสธแบบนิ่มนวล เพราะพม่ามองว่า รัฐบาลไทยกำลังเล่นเกมการเมืองกับพม่า แม้กระทั่งมาเลเซียเองก็หมางใจเช่นกัน จากกรณีที่มาเลเซียไปซื้อเรือดำน้ำ แต่รัฐบาลไทยกลับสั่งซื้อเครื่องบินปราบเรือดำน้ำ ซึ่งทัศนคติของรัฐบาลชุดนี้ เป็นปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน

ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทย กล่าวต่อว่า อยากเห็นความรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้ ต่อกรณี Times Online ที่เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลไทยพยายามจะขอเอกสารฉบับเต็ม ซึ่งท้ายที่สุด ผู้บริหารของ Times Online ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการเขียนบทบรรณาธิการชี้แจงว่า ไม่มีถ้อยคำใดๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยการปกป้องราชวงศ์ เมื่อเทียบกับกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่มีถ้อยคำพาดหัวที่รุนแรงกว่า แต่นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้ดำเนินการเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายอภิสิทธิ์กลับเพิกเฉย ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนไทย และทั้งหมดเป็นเครื่องวัดว่าคนในซีกรัฐบาลมีปัญหาเรื่องสถาบัน และพยายามป้ายสีให้คนอื่นว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ส่วนกรณีที่รัฐบาลตั้งนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย มาเป็นประธานการจัดงาน 5 ธันวานั้น รัฐบาลจะนำคนถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาเป็นประธานก็ไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่เป็นประเด็นหลักคือ นิสัยโอ้อวด ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ซึ่งการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาทุกปี ไม่เคยมีใครแถลงเรื่องงบประมาณในการจัดงาน แต่รัฐบาลกลับนำเรื่องดังกล่าวมาแถลงว่าใช้งบฯ ในการจัดงาน 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่บังควร และขณะนี้ก็มีการระดมพล 2 ออปชัน โดยในอาทิตย์นี้ที่รัฐบาลจะไม่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และมีการสั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ระดมคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน ดังนั้น อยากฝากบอกไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าจะตั้งนายเนวินก็ตั้งไป แต่อย่ามาแถลงการใช้งบประมาณ และรัฐบาลชุดนี้ก็ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือมากที่สุดอีกด้วย หากแน่จริงทำไมไม่สามารถตั้งนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และว่าที่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอย่าเอาอาการประชวรของพระเจ้าอยู่หัวมาอ้าง แม้กระทั่งการไม่นำนายทหาร และตำรวจระดับชั้นนายพลเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัว ก็ถือว่าเป็นตราบาปอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลชุดนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น