อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเค้าลางว่า “สมเด็จฯ ฮุน เซน” จะคิดได้ว่าควรเลือกผลประโยชน์ของประเทศ หรือความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเพื่อนอย่าง “นช.ทักษิณ” แถม ฮุน เซน ยังสวนกลับไทยทุกกระบวนท่า ไม่ว่ารัฐบาลไทยจะตอบโต้การกระทำของ ฮุน เซน ด้วยมาตรการใดก็ตาม ด้วยคำอ้างเพียงแค่เพราะเป็น “มิตรแท้” ของทักษิณ โดยไม่สนว่าประชาชนของประเทศตัวเองจะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของตนหรือไม่ การกระทำของ ฮุน เซน ไม่เพียงสะท้อนภาวะความเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ แต่ยังทำให้ไทยยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการตอบโต้เพื่อไม่ให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศพลอยเดือดร้อนไปกับคน 2 คนด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ
เมื่อสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา กล้าที่จะท้าทายแบบไม่ไว้หน้าประเทศไทยด้วยการออกประกาศแต่งตั้ง นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ของไทยที่ตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ในคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของตนเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่รัฐบาลไทย โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เตือนสตินายกฯ ฮุน เซน ก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้คิดให้ดี อย่ายอมเป็นเบี้ยหรือเหยื่อให้ใคร อย่าตัดสินใจในสิ่งที่จะกระทบต่อผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ แต่สมเด็จฯ ฮุน เซน ก็ไม่ฟัง และไม่แยกแยะระหว่างความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับทักษิณ กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รัฐบาลไทยจึงได้ตอบโต้ด้วยการลดความสัมพันธ์ทางการทูตกัมพูชา โดยเรียกทูตไทยในกัมพูชากลับประเทศ พร้อมทบทวนความร่วมมือและความช่วยเหลือต่างๆ ต่อกัมพูชา เพื่อให้รู้ว่าไทยไม่พอใจการตัดสินใจของสมเด็จฯ ฮุน เซน แต่สมเด็จฯ ฮุน เซน ก็หาสำนึกไม่ โดยรีบตอบโต้ไทยกลับด้วยการเรียกทูตกัมพูชาในไทยกลับประเทศเช่นกัน พร้อมเดินหน้าเชิญ นช.ทักษิณไปปฏิบัติภารกิจที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ซึ่งล่าสุด ทักษิณเดินทางถึงกัมพูชาแล้วในวันนี้ (10 พ.ย.) ขณะที่รัฐบาลไทย ได้มีมติในวันนี้ให้ยุติการเจรจาข้อตกลงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา นับเป็นข้อตกลงเรื่องแรกที่ไทยมีมติทบทวนหลังเกิดความร้าวฉานจากการกระทำของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่มีจุดเริ่มต้นจาก นช.ทักษิณ โดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นคนเดินเรื่อง
ไม่เพียง นช.ทักษิณ จะเป็นตัวจุดชนวนให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เกิดความบาดหมาง แต่ นช.ทักษิณ ยังออกอาการเหิมเกริมด้วยการให้สัมภาษณ์สื่ออังกฤษ ไทมส์ ออนไลน์ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.โดยกล่าวจาบจ้วงให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ของไทย ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อีกด้วย
ความเคลื่อนไหวของ นช.ทักษิณ และ สมเด็จฯ ฮุน เซน ไม่เพียงสร้างความโกรธแค้น-เกลียดชังให้กับคนไทยที่รักชาติและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ แต่ยังทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว หลังปฏิบัติการตอบโต้ทางการทูตต่อกัมพูชาที่แต่งตั้ง นช.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา
เพื่อให้รู้เท่าทันผู้นำประเทศอย่างสมเด็จฯ ฮุน เซน ว่า เหตุใดจึงให้ความสำคัญกับ นช.ทักษิณมากกว่า รัฐบาลไทย และรัฐบาลไทยควรตอบโต้กัมพูชาอย่างไร ลองมาฟังผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และให้คำแนะนำ
พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย และประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง (พีเน็ต) บอกกับวิทยุ ASTVผู้จัดการ ว่า การตอบโต้ทางการทูตของรัฐบาลไทยต่อกัมพูชา ถือว่าเป็นการตอบโต้ในทางสันติที่เหมาะสมแล้ว เพราะนายกฯ กัมพูชา แทรกแซงกิจการภายในของไทย ส่วนการทบทวนหรือตัดความช่วยเหลือกัมพูชาก็สามารถทำได้ แต่ถ้าจะถึงขั้นปิดชายแดน ก็อยากให้รัฐบาลไตร่ตรองก่อนว่าจะทำให้ไทยได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์
“นี่เรียกว่าเป็นทางสันติที่สุดแล้วที่ใช้มาตรการในทางการทูต คือ ที่เขาแต่งตั้งอดีตนายกฯ ไปเป็นที่ปรึกษา ถามว่า คนไทยพอใจหรือเปล่า ส่วนใหญ่คนไทยไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย ทีนี้รัฐบาลเป็นตัวแทนของประชาชน เมื่อประชาชนเห็นว่าไม่ถูกต้อง และโดยทั่วไปก็เห็นว่าเป็นการไม่ถูกต้องที่ทำเช่นนั้น และมีการแทรกแซงในเรื่องเกี่ยวกับกิจการภายในของเรา โดยเฉพาะในระบบยุติธรรม เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่รัฐบาลจะทำในทางสันติ ก็คือ ในทางการทูต ไม่ใช่อย่างอื่น โดยที่ทางรัฐบาลแถลงแล้วว่าคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดน จะไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน จะไม่ให้มีการใช้กำลัง และจะใช้ความอดทนในการที่จะดูต่อไป (ถาม-ดูเหมือนนายกฯ กัมพูชาจะไม่ยอมลดราวาศอก โดยบอกว่าวันที่ 12 นี้คุณทักษิณก็จะมาประชุมกับเรา เพื่อให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจ?) ก็แล้วแต่เขา เราคงไปห้ามเขาไม่ได้”
“(ถาม-ไทยควรจะเพิ่มมาตรการกดดันอย่างไรมั้ย?) ก็ยังไม่ทราบได้ ทางการกดดัน ผมเข้าใจว่าในขั้นนี้น่าจะเพียงพอในระดับแรก ลองดูในขั้นต่อไป ผมว่าทางประชาชนชาวเขมรก็คงจะมีความคิดเหมือนกันว่ารัฐบาลของเขาที่ทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ อันนี้คิดว่าการที่เราจะทำอะไรกับรัฐบาลของเขมร เราจะต้องอย่าให้เกิดเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวเขมร ผมเชื่อว่าประชาชนชาวเขมรเขาคงจะมีความคิด (ถาม-ถ้ามีการทบทวนความร่วมมือหรือความช่วยเหลือต่างๆ หรือแม้กระทั่งถ้าจำเป็นต้องปิดชายแดน คิดว่ายังไง?) ทบทวนความร่วมมือนี่ก็เป็นธรรมดา เช่น เราทำอะไรที่กระทบกระเทือนไม่พอใจประเทศที่มีความสัมพันธ์กับเรา เราก็ลองคิดดู สมัยก่อนก็มี เขาก็ตัดความช่วยเหลือบ้าง ไม่งั้นก็เรียกทูตกลับบ้าง เขาก็ใช้วิธีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่าที่ผมเข้าใจนะ ทีนี้ถึงขั้นที่ว่าจะปิดชายแดนสมควรมั้ย นี่ก็ต้องดูว่าถ้าเราปิดชายแดน เราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ อันนี้ผมคิดว่าน่าจะไตร่ตรองเรื่องนี้ คือต้องทำในสิ่งที่เขากระทบกระเทือน ที่ทำให้เขาเสียผลประโยชน์”
พล.อ.สายหยุด ยังอธิบายให้ฟังด้วยว่า เหตุใดสมเด็จฯ ฮุน เซน จึงให้ความสำคัญกับ นช.ทักษิณ มากกว่ารัฐบาลไทย เพราะสมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นคอมมิวนิสต์มาก่อน และปัจจุบันรัฐบาลฮุน เซน ก็ยังปกครองโดยลัทธิประชาธิปไตยแบบคอมมิวนิสต์ จึงมีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์
“อย่าลืมว่า ท่านนายกฯ ฮุน เซน เนี่ย เมื่อก่อนนี้ท่านเป็นคอมมิวนิสต์ มีความคิดแบบคอมมิวนิสต์ และเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นรัฐบาลที่เรียกว่าปกครองโดยลัทธิประชาธิปไตยแบบคอมมิวนิสต์ ประชาธิปไตยแบบคอมมิวนิสต์เนี่ยเป็นประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ สมัยก่อนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจะปกครองประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่ประชาธิปไตยของเขาเนี่ยแบบรวมศูนย์ ข้อที่ 1 อยากให้คนไทยเข้าใจ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบเรา แบบเสรีประชาธิปไตย 2.แนวคิดของผู้ที่เป็นคอมมิวนิสต์ ผมเข้าใจว่าเปลี่ยนแปลงยาก เมื่อเขาเป็นคอมมิวนิสต์เขาต้องเป็นด้วยจิตใจ ต้องถูกที่เราเรียก “ล้างสมอง” แต่เราไม่พูดว่าล้างสมองก็ได้ เขาจะต้องอบรมจนปลูกฝังแน่น ฮุน เซน เนี่ยท่านเป็นถึงผู้นำคอมมิวนิสต์ของประเทศของท่านเอง ท่านจะต้องเชื่อมั่นแน่นอน สิ่งที่ท่านเชื่อมั่นและคนไทยหรือคนที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ไม่เข้าใจก็คือแนวคิดของคอมมิวนิสต์”
“แนวคิดของคอมมิวนิสต์เนี่ยเขาคิดว่าภาษาฝรั่งเขาว่า The End Justifies The Mean ผมคิดว่าถ้าภาษาไทยก็จะต้องแปลว่า เป้าหมายสำคัญกว่าวิธีการ หมายความว่ายังไง หมายความว่าถ้าจะให้ชนะ วิธีการจะถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมายต่างประเทศหรืออะไร กระทบกระเทือนใครยังไงไม่สำคัญ ขอให้บรรลุเป้าหมายของเขาก็แล้วกัน อันนี้เป็นวิธีคิดของเขา เพราะฉะนั้นจึงไม่นำพากับกติกาสากลหรือวิธีการดำเนินการระหว่างประเทศจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เขาไม่สำคัญ แต่เขาให้บรรลุจุดหมายของเขาก็แล้วกัน จุดหมายก็คือผลประโยชน์ของประเทศ ผลประโยชน์ของตัวของเขา อันนี้เป็นสำคัญ 2 ข้อนี้ผมอยากให้คนไทยเข้าใจ ไม่งั้นเราจะไม่เข้าใจ เขาไม่ได้คิดเหมือนเรา และเขาไม่ได้ปกครองประชาธิปไตยอย่างเรา เพราะฉะนั้นก็อยากให้คนเข้าใจว่าถ้าสิ่งต่างๆ มันจึงจะกระทบกระเทือน ถ้าหากหยุดติดต่อกับประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว เราก็จะมีการกระทบกระเทือนในเรื่องอื่นๆ เสมอ และเราก็จะต้องหาทางป้องกัน ก็ยังไม่ทราบว่าเราจะสามารถป้องกันได้แค่ไหน ทุกประเทศที่เกี่ยวพันกับคอมมิวนิสต์ก็จะมีปัญหาเหล่านี้”
พล.อ.สายหยุด ยังชี้ด้วยว่า ประเทศเพื่อนบ้านกัน การกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไม่สามารถถอนเสาเรือนไปอยู่ที่อื่นได้ ก็ต้องพยายามแก้ปัญหาให้ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิม และต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
ด้าน รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองกรณีที่รัฐบาลไทยตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาที่ตั้ง นช.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาว่า จริงๆ แล้วไม่อยากให้รัฐบาลไทยตอบโต้เร็วเกินไป เพราะสมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นผู้นำเผด็จการ ยิ่งไทยตอบโต้ไปเร็วเท่าไหร่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ก็จะรุกกลับมาเร็วเท่านั้น หากไทยรอจังหวะเวลาและตอบโต้อย่างช้าๆ นอกจากจะทำให้สมเด็จฯ ฮุน เซน เกิดอาการหงุดหงิด ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว รัฐบาลไทยยังจะได้รับคำชื่นชมในแง่มีความสุขุมคัมภีรภาพด้วย
“ทางโน้นเขาต้องรีบทำ เพราะทุกอย่างของเขา ไม่ก็ของคุณทักษิณและของฮุน เซน ต้องเร็ว เพราะเกมนี้เขาไม่ต้องการระยะยาว เขาต้องการเล่นกับคำพูด เขาต้องการเล่นกับกระแสสงครามจิตวิทยา มันช้าไม่ได้ไง เพราะฉะนั้นเขาต้องเอาเร็วทุกอย่าง เขาทำอะไรเขาจะตอบโต้เร็ว เมื่อเขาเป็นฝ่ายรุก เขาก็จะรอ เขาก็จะเดา สมมติถ้าเราเรียกทูตกลับ เขาก็เตรียมพร้อมอยู่เลย ทีนี้ถ้าเราเฉยไปซะหน่อย เขาก็จะเริ่มหงุดหงิดแล้ว ว่าจะเอายังไงกันแน่ จะมาตามหมากที่เขาวางไว้หรือเปล่า คือ อย่างของ ฮุน เซน เนี่ย มันไม่มีผู้นำประเทศที่ไหนที่เขาจะเลือกข้างกันขนาดนี้ และการเลือกข้างเนี่ย ถ้าทิ้งระยะยาวมันไม่ดีต่อตัวเขาแน่นอน เขาต้องการสร้างกระแสไม่ว่ากระแสภายในประเทศให้มันเกิดการปั่นป่วน แตกแยก และทำให้คนในประเทศเขาไม่ค่อยได้รับรู้อะไรด้วย หมายถึงถ้ามันเกิดขึ้นเร็วๆ เนี่ย ทีนี้ถ้ามันช้าๆ เขาก็จะคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร บางสิ่งบางอย่างคุณทักษิณอาจจะต้องรีบทำออกมาก่อน มันก็จะยิ่งสังเกตว่า เราก็จะรู้ว่าเขากำลังทำอะไร”
“(ถาม-ตอนนี้ไทยบอกว่า จะทบทวนความร่วมมือบางอย่าง ซึ่งทางกัมพูชาก็จะบอกว่าไม่ได้ จะมายกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้ หรือแม้แต่ที่ไทยบอกว่า แนวโน้มถ้ามันไม่สามารถยุติได้ อาจจะต้องมีการปิดชายแดน เขาก็บอกว่าถ้าเราปิด เขาก็ปิด ตรงนี้มองว่ามันจะไปจบตรงไหน?) ผมคิดว่าเราต้องพยายามเน้นไปที่ชี้ให้ประชาชนคนไทยเข้าใจก่อนนะว่า เกมนี้ไม่ใช่เรื่องระหว่างทักษิณกับอภิสิทธิ์นะ เกมนี้ประชาชนต้องเลือกระหว่างทักษิณกับฮุน เซน จะเอาใคร และคุณทักษิณตอนนี้เองก็มีภาวะที่เสียวไส้มากเลยว่า ไปๆ มาๆ ระหว่างสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาและได้รับความร่วมมือจากฮุน เซนเนี่ย มันจะตกเป็นรองฮุน เซนในที่สุด เพราะฉะนั้นเขาก็กลัวตรงนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องชี้ให้ประชาชนคนไทยทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็แล้วแต่ตอนนี้ต้องเข้าใจว่ามันเป็นการเพลี่ยงพล้ำของคุณทักษิณเสียแล้ว ที่ทำให้ประชาชนต้องมาเลือกระหว่างจะสนับสนุนคุณทักษิณหรือจะสนับสนุนฮุน เซน พูดง่ายๆ ว่า ถ้าเลือกสนับสนุนคุณทักษิณเนี่ย ก็ต้องเลือกสิ่งที่เรียกว่าเป็นผลประโยชน์สาธารณะของสิ่งที่เรียกว่าชาติไทย แต่ถ้าจะเลือกฮุน เซน ก็หมายความว่าเราอาจจะต้องสูญเสียอะไรหลายอย่าง คุณก็จะไม่ได้คุณทักษิณกลับมาด้วย (ถาม-ตอนนี้ถือว่าทั้งฮุน เซน และคุณทักษิณอยู่ในเรือลำเดียวกันจนยากที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะถอนตัวแล้วหรือยัง?) ไม่ คือต่างฝ่ายต่างพร้อมที่จะกระโดดออกจากกันและกันได้เสมอ เพียงแต่ใครจะกระโดดก่อน ใครจะเป็นต่อเป็นรองตรงนี้ อยู่ที่ทางไทยทางรัฐบาลจะเล่นเกมยังไง ที่จะทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายที่เร่งรัดกันเอง”
รศ.ดร.ไชยันต์ ยังแสดงความเป็นห่วงด้วยว่า หากไทยใช้วิธีตอบโต้เร็ว และกัมพูชาก็โต้กลับมาเร็ว จะทำให้ไทยต้องเพิ่มระดับการตอบโต้ให้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากจะต้องวัดว่าไทยหรือกัมพูชาจะอึดกว่ากัน โดยสมเด็จฯ ฮุน เซน อาจจะอึดกว่า เพราะเป็นเผด็จการนั้น ในที่สุดการตอบโต้กันไปมาอาจเดินไปถึงมุมอับที่ไปต่อไม่ได้ หรือถึงจุดแตกหักที่เราใช้เลือกความรุนแรงแล้ว ย่อมส่งผลเสียหายตามมาและความเดือดร้อนตามมา รวมทั้งอาจทำให้ไทยถูกมองว่ารังแกประเทศที่อ่อนแอกว่า
รศ.ดร.ไชยันต์ ยังบอกด้วยว่า ถ้ารัฐบาลไทยให้โอกาสสมเด็จฯ ฮุน เซน ได้มีเวลาคิดและชั่งใจ ไม่ดำเนินมาตรการอะไรรุนแรงฉับพลัน เชื่อว่า ในที่สุดสมเด็จฯ ฮุน เซน จะกลับลำ หันมาเลือกผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าเลือกทักษิณแน่นอน!!