ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุรพงษ์ ชัยนาม" ชี้มาตรการตอบโต้รัฐบาลไทยสมเหตุสมผล และเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้ ระบุ"นช.แม้ว" กำลังมีปัญหากับประเทศไทย แต่"ฮุนเซน" กลับตั้งเป็นที่ปรึกษา เท่ากับเป็นการแทรงแซงการเมืองไทย และปกป้องคนผิด แนะรัฐบาลเตรียมรับมือหากกัมพูชาใช้มาตรการตอบโต้ หวั่นเกิดเหตุวุ่นวายเหมือนครั้งสถานทูตไทยถูกเผา ด้านกลุ่ม 40 ส.ว.ชี้ "ฮุนเซน" หมิ่นศักดิ์ศรีคนไทย ต้องประณาม ด้าน"แม้ว" สะใจที่สัมพันธ์ไทย-เขมร ปริร้าว ทวิตฯเย้ย "มาร์ค"ทำไมเด็กจัง
หลังจากกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ ตอบโต้กัมพูชา ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับ และเตรียมทบทวนระดับความสัมพันธ์ และความช่วยเหลือที่ทางการไทยมีต่อกัมพูชา จากกรณีที่กัมพูชาตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกทั้งประกาศจะไม่ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ให้สัมภาษณ์ เอเอสทีวี ว่า เห็นแล้วว่าคำพูด กับการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของนายกฯฮุนเซน คำพูดกับการกระทำมันไม่สอดคล้องกัน
"ดังนั้นการตอบโต้ของฝ่ายไทย ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ เพราะฉะนั้นมาตรการอันนี้ ผมคิดว่าเป็นมาตรการเบื้องต้นที่เหมาะสม และชอบด้วยเหตุผล และมีน้ำหนักเป็นการตอบโต้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้" นายสุรพงษ์ระบุ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากจะชี้ในประเด็นข้อ 3. ของแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศ ที่บอกว่า การแต่งตั้งทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย อยากจะขยายความเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน คือ ถ้า ทักษิณไม่ได้เป็นนักโทษ ไม่ได้หนีคำพิพากษา และไม่ได้เป็นบุคคล นักการเมืองที่เคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ บ่อนทำลายประเทศไทย ชักใย เชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย คงไม่มีปัญหา เพราะในอดีตก็มีคนไทยหลายคนที่เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับลาวก็เคยเป็น ที่ปรึกษาให้กับหลายประเทศก็เคยเป็น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ
แต่กรณีนายทักษิณไม่ใช่บุคคลธรรมดา หรือที่ปรึกษาธรรมดา แต่มีสถานะเป็นบุคคลที่มีปัญหากับประเทศไทย กับรัฐบาลไทย กับประชาชนไทย และเป็นนักโทษหนีคำพิพากษา และยังเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศที่บ่อนทำลายประเทศไทย ฉะนั้นการที่นายกฯฮุนเซน แต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว อันนี้ไม่ใช่การแต่งตั้งธรรมดา อันนี้เป็นการยืนยันให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ฮุนเซน เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยโดยตรง ต้องการแทรกแซง และต้องการปกป้องทักษิณ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในทางการทูต ทุกประเทศที่มีปัญหาในลักษณะนี้ ขั้นตอนในเบื้องต้นจะทำอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะว่าไทยจะทำอะไรต่อไปไม่ใช่อยู่ที่ฝ่ายไทยว่าเราจะทำอะไรต่อไป แต่อยู่ที่ปฏิกิริยา ครั้งนี้การทำของเรา ปฏิกิริยาตอบโต้การกระทำและท่าทีของฝ่ายเขมร เพราะฉะนั้นต่อไปเราจะทำอะไร คงไม่ใช่อยู่ที่เรา อยู่ที่ฝ่ายเขมร เราส่งสัญญาณชัดเจนแล้ว คุณยังจะเอาเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ และการกระทำของคุณอันนี้ ทางฝ่ายไทยแจ้งแล้วที่ทำอย่างนี้ เพราะว่ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยของไทย เราก็ต้องฟังประชาชน ต้องตอบสนองความรู้สึกประชาชน
ดังนั้น ทั้งหมดถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร เขาต้องเข้าใจแล้วว่า เรื่องนี้ต้องไม่ให้มีความรุนแรงไปมากกว่านี้ หรือไม่ให้มีความเลวร้ายไปมากกว่านี้ ต้องพยายามปรับความสัมพันธ์ ปรับความเข้าใจ และมีท่าทีที่สอดคล้องกับคำพูดของเขา แต่ถ้าเขายังดำเนินการต่อไป มันก็เป็นไปได้ เช่น เขาอาจจะเรียกทูตเขากลับ เป็นการตอบโต้เรา เพื่อไปหารือข้อราชการ อ้างอะไรก็แล้วแต่ หรือมิฉะนั้นเขาอาจจะสร้างสถานการณ์ที่ชายแดนก็ได้ หรือเขาอาจจะเอาคนของเขามาประท้วง สร้างความรุนแรงให้กับคนไทยในกัมพูชา สถานทูตไทยก็เคยโดนเผามาแล้ว มาตรการเหล่านี้เขาอาจจะดำเนินการก็ได้
อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ มองว่าระดับการตอบโต้ครั้งนี้ยังไม่ถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะเราต้องการให้คนกัมพูชาให้คนไทย และให้รัฐบาลกัมพูชาได้รู้ว่า การตอบโต้ของเรา เราไม่ใช่เพื่อจะตัดความสัมพันธ์ แต่เราตอบโต้เพราะเราจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะการกระทำของเขาได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ให้กับคนไทย ให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย และได้สร้างความไร้เสถียรภาพให้แก่การเมืองไทย ด้วยการตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราก็เชื่อว่า เราหวังว่ามาตรการอันนี้น่าจะเป็นสัญญาณที่ทำให้เขาได้ฉุกคิด
ทั้งนี้ ถ้ากัมพูชาต้องการคืนความสัมพันธ์ที่ดีกลับดังเดิม เขาอาจจะออกแถลงการณ์ของเขาก็ได้ ด้วยท่าทีเพื่อไม่ให้เรื่องนี้บานปลาย เพื่อรักษาน้ำใจ รักษาหน้ากัน เขาก็อาจเชิญทูตเราไปหา และยื่นหนังสือ หรือคำชี้แจงของเขาออกมา หรือแถลงการณ์ของเขา อธิบายให้ทูตเราฟังว่า เจตนาของเขาไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวาย หรือความไร้เสถียรภาพให้กับการเมืองไทย ชี้แจงให้เหตุผล และอยากเห็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา กลับสู่สภาพปกติเหมือนเดิม เขาก็สามารถทำได้หรืออาจเป็นวิธีการที่ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์สื่อก็ได้
นายสุรพงษ์ ยอมรับว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยครั้งนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดูเด่นชัดขึ้น และเป็นผลดีกับประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกด้วยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยึดมั่นในกฎกติการะหว่างประเทศ
"ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือรัฐบาลคงจะเห็นแล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องฟังประชาชนทั้งประเทศ อันนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณให้กับต่างประเทศรู้ว่า นี่คือรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย และให้ฮุนเซน รู้ว่า แบบประชาธิปไตยของไทย มันไม่เหมือนกับใช้ใจของฮุนเซน นายฮุนเซน อาจไม่จำเป็นต้องฟังประชาชนของเขา เขาทำอะไรก็ได้ แต่สำหรับไทยไม่ได้" นายสุรพงษ์กล่าว
**จวก"ฮุนเซน"หมิ่นศักดิ์ศรีคนไทย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) หนุนรัฐบาลที่ได้ประท้วงผู้นำกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพราะสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่อดีตนายกฯ เหมือนคนปกติทั่วไป แต่เป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ต้องคำพิพากษาให้จำคุกจากศาลประเทศไทย ไม่ใช่คดีการเมืองอย่างที่ผู้นำกัมพูชา กำลังบิดเบือน
"ความจริงแล้วนายกฯฮุนเซน ก็รู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่พยายามบิดเบือน ปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ และกำลังท้าทายประเทศไทย และคนไทย รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมไทย เรื่องนี้ถือเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทยอย่างรุนแรง"
ถึงเวลาแล้วที่คนไทย และสื่อมวลชนไทย จะต้องจับตาตรวจสอบบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งบทบาทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยดึงประเทศเพื่อบ้านมาเป็นส่วนหนึ่งของเกมกดดันรัฐบาล และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในประเทศ
นายสุริยะใส กล่าวว่าวันนี้ (6พ.ย.) แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมหารือเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อกำหนดท่าทีต่อเรื่องนี้รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร โดยจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์
**40 ส.ว.จี้ประณามกัมพูชา
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุนเซน ยืนยันจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้กับทางการไทยโดยอ้างว่า คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ มาจากแรงจูงใจทางการเมืองนั้น ถือว่า รัฐบาลเขมรได้กล่าวหาขบวนการยุติธรรมของไทยอย่างรุนแรง เพราะรู้อยู่แล้วว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นคดีการทุจริต ซึ่งเป็นคดีอาญา
ดังนั้น รัฐบาลไทยนอกจากจะต้องต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้ และประณามรัฐบาลกัมพูชาที่กระทำการหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทยดังกล่าว และต้องตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาทันที อย่าบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน หรือถ้าคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของฮุนเซนจริงๆ ก็ตัดความสัมพันธ์กับสมเด็จฮุนเซนไปเลย ไม่ควรจะบอกว่าไม่เป็นไร หรืออยู่เฉยๆ ซึ่งจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้กัมพูชา เพราะถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีประเทศ รัฐบาลไทยต้องบอกว่า การเอานักโทษหนีคดีจากประเทศของเรา ไปเป็นที่ปรึกษา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เราต้องบอกให้เขาเลิก ซึ่งเรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก ในเมื่อเขาแถลงออกมา เราก็แถลงตอบโต้ไป ว่าเรารู้สึกอย่างไร
รัฐบาลไทยต้องมีท่าทีที่เข้มแข็งเหมือนรัฐบาลเวียดนาม ที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับกัมพูชา และออกแถลงการณ์โจมตีกัมพูชาทันที จนสมเด็จฮุนเซน ไม่กล้าพูดอะไร ทั้งนี้ เวียดนามสามารถแสดงท่าทีดังกล่าวได้ เพราะเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนแบบบ้านเรา ที่ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวกระทบกับความมั่นคงด้านผลประโยชน์ของตัวเอง
นายไพบูลย์ ยังได้ตำหนิท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน และหากนายกฯยังมีท่าทีอ่อนแอไร้น้ำยา ก็ควรพ้นตำแหน่งไปได้แล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
**"แม้ว"เย้ย"มาร์ค"ทำไมเด็กจัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น.วานนี้ (5 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความบนเว็บไซต์ twitter.com ความว่า
"ขอขอบคุณทุกท่านที่ tweet มาแสดงความยินดีและให้กำลังใจครับ ขณะนี้ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะเรียกทูตกลับ คงพูดได้คำเดียวครับว่า ทำไมเด็กจัง over react ไป ? ตอนนี้ sms ผมถูกรัฐบาลสกัด ห้ามออกครับ มันกลัวไปทุกเรื่อง ปิดข่าว บิดเบือนข่าวทุกอย่าง แต่เที่ยวไปบอกต่างประเทศว่าเป็นประชาธิปไตย"
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี ประเทศกัมพูชา แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน มีใจความว่า
" ผมขออนุญาตพี่น้องคนไทยไปให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลกัมพูชา ตามที่โปรดเกล้าจาก king สีหมุนี ไปพลางก่อนที่จะมีโอกาสได้มารับใช้พี่น้องใหม่ ตอนนี้ผมก็ได้ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลอื่นอยู่แล้วครับ ก็ถือว่าเป็นการลับสมองไว้ ถ้าไม่ใช้ไม่ติดตามข้อมูล ความรู้ใหม่ๆ ก็จะขึ้นสนิมหมดครับ อยากทำงานให้คนไทยก็ไม่ได้ แม้กระทั่งพาสปอร์ต เขายังไม่ให้ถือ ยศก็จะถอด เครื่องราชก็จะเอาคืน ถ้ายึดเชื้อชาติและสัญชาติได้ ก็คงจะทำ โทษฐานทำงานมากไป เพื่อนบ้านไม่ได้เป็นศัตรูครับ อย่างไรก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนบ้านติดกันไปชั่วกาลนาน เอามาเป็นมิตรดีกว่า เขาจนกว่าเรามาก"
หลังจากกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ ตอบโต้กัมพูชา ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับ และเตรียมทบทวนระดับความสัมพันธ์ และความช่วยเหลือที่ทางการไทยมีต่อกัมพูชา จากกรณีที่กัมพูชาตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกทั้งประกาศจะไม่ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ให้สัมภาษณ์ เอเอสทีวี ว่า เห็นแล้วว่าคำพูด กับการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของนายกฯฮุนเซน คำพูดกับการกระทำมันไม่สอดคล้องกัน
"ดังนั้นการตอบโต้ของฝ่ายไทย ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ เพราะฉะนั้นมาตรการอันนี้ ผมคิดว่าเป็นมาตรการเบื้องต้นที่เหมาะสม และชอบด้วยเหตุผล และมีน้ำหนักเป็นการตอบโต้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้" นายสุรพงษ์ระบุ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากจะชี้ในประเด็นข้อ 3. ของแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศ ที่บอกว่า การแต่งตั้งทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย อยากจะขยายความเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน คือ ถ้า ทักษิณไม่ได้เป็นนักโทษ ไม่ได้หนีคำพิพากษา และไม่ได้เป็นบุคคล นักการเมืองที่เคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ บ่อนทำลายประเทศไทย ชักใย เชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย คงไม่มีปัญหา เพราะในอดีตก็มีคนไทยหลายคนที่เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับลาวก็เคยเป็น ที่ปรึกษาให้กับหลายประเทศก็เคยเป็น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ
แต่กรณีนายทักษิณไม่ใช่บุคคลธรรมดา หรือที่ปรึกษาธรรมดา แต่มีสถานะเป็นบุคคลที่มีปัญหากับประเทศไทย กับรัฐบาลไทย กับประชาชนไทย และเป็นนักโทษหนีคำพิพากษา และยังเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศที่บ่อนทำลายประเทศไทย ฉะนั้นการที่นายกฯฮุนเซน แต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว อันนี้ไม่ใช่การแต่งตั้งธรรมดา อันนี้เป็นการยืนยันให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ฮุนเซน เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยโดยตรง ต้องการแทรกแซง และต้องการปกป้องทักษิณ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในทางการทูต ทุกประเทศที่มีปัญหาในลักษณะนี้ ขั้นตอนในเบื้องต้นจะทำอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะว่าไทยจะทำอะไรต่อไปไม่ใช่อยู่ที่ฝ่ายไทยว่าเราจะทำอะไรต่อไป แต่อยู่ที่ปฏิกิริยา ครั้งนี้การทำของเรา ปฏิกิริยาตอบโต้การกระทำและท่าทีของฝ่ายเขมร เพราะฉะนั้นต่อไปเราจะทำอะไร คงไม่ใช่อยู่ที่เรา อยู่ที่ฝ่ายเขมร เราส่งสัญญาณชัดเจนแล้ว คุณยังจะเอาเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ และการกระทำของคุณอันนี้ ทางฝ่ายไทยแจ้งแล้วที่ทำอย่างนี้ เพราะว่ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยของไทย เราก็ต้องฟังประชาชน ต้องตอบสนองความรู้สึกประชาชน
ดังนั้น ทั้งหมดถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร เขาต้องเข้าใจแล้วว่า เรื่องนี้ต้องไม่ให้มีความรุนแรงไปมากกว่านี้ หรือไม่ให้มีความเลวร้ายไปมากกว่านี้ ต้องพยายามปรับความสัมพันธ์ ปรับความเข้าใจ และมีท่าทีที่สอดคล้องกับคำพูดของเขา แต่ถ้าเขายังดำเนินการต่อไป มันก็เป็นไปได้ เช่น เขาอาจจะเรียกทูตเขากลับ เป็นการตอบโต้เรา เพื่อไปหารือข้อราชการ อ้างอะไรก็แล้วแต่ หรือมิฉะนั้นเขาอาจจะสร้างสถานการณ์ที่ชายแดนก็ได้ หรือเขาอาจจะเอาคนของเขามาประท้วง สร้างความรุนแรงให้กับคนไทยในกัมพูชา สถานทูตไทยก็เคยโดนเผามาแล้ว มาตรการเหล่านี้เขาอาจจะดำเนินการก็ได้
อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ มองว่าระดับการตอบโต้ครั้งนี้ยังไม่ถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะเราต้องการให้คนกัมพูชาให้คนไทย และให้รัฐบาลกัมพูชาได้รู้ว่า การตอบโต้ของเรา เราไม่ใช่เพื่อจะตัดความสัมพันธ์ แต่เราตอบโต้เพราะเราจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะการกระทำของเขาได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ให้กับคนไทย ให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย และได้สร้างความไร้เสถียรภาพให้แก่การเมืองไทย ด้วยการตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราก็เชื่อว่า เราหวังว่ามาตรการอันนี้น่าจะเป็นสัญญาณที่ทำให้เขาได้ฉุกคิด
ทั้งนี้ ถ้ากัมพูชาต้องการคืนความสัมพันธ์ที่ดีกลับดังเดิม เขาอาจจะออกแถลงการณ์ของเขาก็ได้ ด้วยท่าทีเพื่อไม่ให้เรื่องนี้บานปลาย เพื่อรักษาน้ำใจ รักษาหน้ากัน เขาก็อาจเชิญทูตเราไปหา และยื่นหนังสือ หรือคำชี้แจงของเขาออกมา หรือแถลงการณ์ของเขา อธิบายให้ทูตเราฟังว่า เจตนาของเขาไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวาย หรือความไร้เสถียรภาพให้กับการเมืองไทย ชี้แจงให้เหตุผล และอยากเห็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา กลับสู่สภาพปกติเหมือนเดิม เขาก็สามารถทำได้หรืออาจเป็นวิธีการที่ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์สื่อก็ได้
นายสุรพงษ์ ยอมรับว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยครั้งนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดูเด่นชัดขึ้น และเป็นผลดีกับประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกด้วยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยึดมั่นในกฎกติการะหว่างประเทศ
"ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือรัฐบาลคงจะเห็นแล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องฟังประชาชนทั้งประเทศ อันนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณให้กับต่างประเทศรู้ว่า นี่คือรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย และให้ฮุนเซน รู้ว่า แบบประชาธิปไตยของไทย มันไม่เหมือนกับใช้ใจของฮุนเซน นายฮุนเซน อาจไม่จำเป็นต้องฟังประชาชนของเขา เขาทำอะไรก็ได้ แต่สำหรับไทยไม่ได้" นายสุรพงษ์กล่าว
**จวก"ฮุนเซน"หมิ่นศักดิ์ศรีคนไทย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) หนุนรัฐบาลที่ได้ประท้วงผู้นำกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพราะสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่อดีตนายกฯ เหมือนคนปกติทั่วไป แต่เป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ต้องคำพิพากษาให้จำคุกจากศาลประเทศไทย ไม่ใช่คดีการเมืองอย่างที่ผู้นำกัมพูชา กำลังบิดเบือน
"ความจริงแล้วนายกฯฮุนเซน ก็รู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่พยายามบิดเบือน ปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ และกำลังท้าทายประเทศไทย และคนไทย รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมไทย เรื่องนี้ถือเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทยอย่างรุนแรง"
ถึงเวลาแล้วที่คนไทย และสื่อมวลชนไทย จะต้องจับตาตรวจสอบบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งบทบาทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยดึงประเทศเพื่อบ้านมาเป็นส่วนหนึ่งของเกมกดดันรัฐบาล และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในประเทศ
นายสุริยะใส กล่าวว่าวันนี้ (6พ.ย.) แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมหารือเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อกำหนดท่าทีต่อเรื่องนี้รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร โดยจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์
**40 ส.ว.จี้ประณามกัมพูชา
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุนเซน ยืนยันจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้กับทางการไทยโดยอ้างว่า คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ มาจากแรงจูงใจทางการเมืองนั้น ถือว่า รัฐบาลเขมรได้กล่าวหาขบวนการยุติธรรมของไทยอย่างรุนแรง เพราะรู้อยู่แล้วว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นคดีการทุจริต ซึ่งเป็นคดีอาญา
ดังนั้น รัฐบาลไทยนอกจากจะต้องต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้ และประณามรัฐบาลกัมพูชาที่กระทำการหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทยดังกล่าว และต้องตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาทันที อย่าบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน หรือถ้าคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของฮุนเซนจริงๆ ก็ตัดความสัมพันธ์กับสมเด็จฮุนเซนไปเลย ไม่ควรจะบอกว่าไม่เป็นไร หรืออยู่เฉยๆ ซึ่งจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้กัมพูชา เพราะถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีประเทศ รัฐบาลไทยต้องบอกว่า การเอานักโทษหนีคดีจากประเทศของเรา ไปเป็นที่ปรึกษา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เราต้องบอกให้เขาเลิก ซึ่งเรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก ในเมื่อเขาแถลงออกมา เราก็แถลงตอบโต้ไป ว่าเรารู้สึกอย่างไร
รัฐบาลไทยต้องมีท่าทีที่เข้มแข็งเหมือนรัฐบาลเวียดนาม ที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับกัมพูชา และออกแถลงการณ์โจมตีกัมพูชาทันที จนสมเด็จฮุนเซน ไม่กล้าพูดอะไร ทั้งนี้ เวียดนามสามารถแสดงท่าทีดังกล่าวได้ เพราะเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนแบบบ้านเรา ที่ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวกระทบกับความมั่นคงด้านผลประโยชน์ของตัวเอง
นายไพบูลย์ ยังได้ตำหนิท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน และหากนายกฯยังมีท่าทีอ่อนแอไร้น้ำยา ก็ควรพ้นตำแหน่งไปได้แล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
**"แม้ว"เย้ย"มาร์ค"ทำไมเด็กจัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น.วานนี้ (5 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความบนเว็บไซต์ twitter.com ความว่า
"ขอขอบคุณทุกท่านที่ tweet มาแสดงความยินดีและให้กำลังใจครับ ขณะนี้ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะเรียกทูตกลับ คงพูดได้คำเดียวครับว่า ทำไมเด็กจัง over react ไป ? ตอนนี้ sms ผมถูกรัฐบาลสกัด ห้ามออกครับ มันกลัวไปทุกเรื่อง ปิดข่าว บิดเบือนข่าวทุกอย่าง แต่เที่ยวไปบอกต่างประเทศว่าเป็นประชาธิปไตย"
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี ประเทศกัมพูชา แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน มีใจความว่า
" ผมขออนุญาตพี่น้องคนไทยไปให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลกัมพูชา ตามที่โปรดเกล้าจาก king สีหมุนี ไปพลางก่อนที่จะมีโอกาสได้มารับใช้พี่น้องใหม่ ตอนนี้ผมก็ได้ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลอื่นอยู่แล้วครับ ก็ถือว่าเป็นการลับสมองไว้ ถ้าไม่ใช้ไม่ติดตามข้อมูล ความรู้ใหม่ๆ ก็จะขึ้นสนิมหมดครับ อยากทำงานให้คนไทยก็ไม่ได้ แม้กระทั่งพาสปอร์ต เขายังไม่ให้ถือ ยศก็จะถอด เครื่องราชก็จะเอาคืน ถ้ายึดเชื้อชาติและสัญชาติได้ ก็คงจะทำ โทษฐานทำงานมากไป เพื่อนบ้านไม่ได้เป็นศัตรูครับ อย่างไรก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนบ้านติดกันไปชั่วกาลนาน เอามาเป็นมิตรดีกว่า เขาจนกว่าเรามาก"