แก๊งหัวขวด จวก รบ.ปั่นกระแสคลั่งชาติ แสดงธาตุแท้คนไทยหัวใจแขมร์ โยง ทักษิณ-เสื้อแดง-กัมพูชา หวังล้มชุมนุมใหญ่ นปช.“ณัฐวุฒิ” ปูด จดหมาย “มนูญกฤต” เขียนถึงป๋า อ้าง ตกเป็นเหยื่อสั่งเก็บ ลำเลิกบุญคุณ เคยดันขึ้น ผบ.ทบ.ไข่แม้วดำ ยก “เซลายา” เทียบ นช.แม้ว สู้แล้วรวย ปิดหูปิดตายกหางพ่อแม้ว ช่วยงานเขมรดีแล้ว ปกป้อง ฮุนเซน
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ร่วมแถลงข่าวกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษานายกฯกัมพูชา และกรณีรัฐบาลไทยและกัมพูชา ต่างเรียกเอกอัครราชทูตทั้ง 2 ประเทศกลับ
นายวีระ กล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากการยึดอำนาจ 19 ก.ย.49 เป็นรัฐบาลอนุรักษนิยม ซึ่งเจนจัดถนัดการปลุกระดม เรื่องชาตินิยม แบบลัทธิคลั่งชาติ บทบาทรัฐบาลที่กำลังทำขณะนี้ ก็เพื่อพยายามกลบความผิดที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ปัญหาการทุจริตใน ครม.และปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ดี พ.ศ.2543 รัฐบาลประชาธิปัตย์ไปลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกัมพูชา ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทำให้ไทยเสียดินแดน และยังดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาดในการคัดค้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ทำให้ความสัมพันธ์ที่เสื่อมลงอยู่แล้ว เสื่อมลงไปอีก จึงหวังสร้างเรื่องอื่นที่ใหญ่กว่ามากลบ
นายวีระ กล่าวว่า การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษานายกฯกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือน่าแปลกแต่อย่างใด ครั้งหนึ่งประเทศลาว เคยแต่งตั้ง นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.คลัง เป็นที่ปรึกษารัฐบาลประเทศลาว สร้างความปลาบปลื้มต่อประชาชนทั้ง 2 ชาติ เมื่อปี 2540-2544 รัฐบาลประชาธิปัตย์ เคยว่าจ้างบริษัทจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาเป็นที่ปรึกษา รมว.คลัง จนเกิดความเสียหายต่อประเทศ ช่วงนั้นไม่เห็นมีใครยกปัญหานี้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ รับตำแหน่งดังกล่าว ถือเป็นเรื่องภายในกัมพูชา ไม่เห็นว่าจะทำให้ประเทศไทยเสียหาย หากรัฐบาลไม่พอใจ อิจฉาริษยา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ก็หาเรื่องคนๆ เดียวมาแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
นายวีระ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับนั้น รัฐบาลขาดวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ ดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด รัฐบาลแต่งตั้ง นายกษิต เป็น รมว.ต่างประเทศ ที่ร่วมยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นมีมิตรประเทศอาเซียน คัดค้าน กรณีสมเด็จฮุนเซน เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมืองหลังการยึดอำนาจ รัฐบาลไทยควรรับฟัง แล้วตระหนักหากไม่ใช่มิตรประเทศอย่างแท้จริง คงไม่พูดอย่างเปิดเผยอย่างนี้ต่อสื่อมวลชนนานาชาติ
“การยึดอำนาจประธานาธิบดีเซลายา ประเทศฮอนดูรัส ถูกจับส่งตัวนอกประเทศ แต่มิตรประเทศรอบฮอนดูรัส ต่างทุ่มเทกำลังกาย ใจ และกำลังกาย เข้าข้างประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่ถูกยึดอำนาจด้วยข้อกล่าวหาทุจริต ประเทศบราซิล อาร์เจนตินา นิการากัว ไม่เว้นแม่แต่สหรัฐอเมริกา ยังแถลงจุดยืนต่อรัฐบาลที่ถูกยึดอำนาจ ในที่สุดประธานาธิบดีเซลายา ไปอยู่สถานทูตบราซิลในฮอนดูรัส แท้จริงมิตรประเทศเรามีสิทธิ แสดงความเห็นอย่างรุนแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ การที่สมเด็จฮุนเซน แสดงออก เราจึงต้องใส่ใจ”
นายวีระ กล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้อย่าอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ถ้าถามกลุ่ม นปช.ว่าเห็นว่าอย่างไร ก็กล้าบอกได้ว่าเราต้องการให้เกิดมิตรภาพ สันติภาพ อยากให้กลับไปสู่สถานะเดิม ไม่มีใครปรารถนาอยากให้เกิดสงครามความขัดแย้ง
นายณัฐวุฒิ กล่าวพร้อมกับแสดงสำเนาจดหมายที่อ้างว่าได้ตรวจสอบแล้วว่า พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา และ จปร.7 เขียนถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ใจความว่า พล.ต.มนูญกฤต ติดใจ พล.อ.เปรม ที่ระบุว่า เอาคนชั่วอย่างมนูญมาเป็นประธานวุฒิฯได้อย่างไร โดย พล.ต.มนูญกฤต ยังระบุถึงพฤติการณ์ พล.อ.เปรม ขณะเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก แสดงความต้องการเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.เสริม ณ นคร โดยพล.อ.เปรม พูดว่า ต้องเป็นเดี๋ยวนี้ หากไม่ได้ก็ต้องยึดอำนาจ และทหารที่เป็นพวก พล.ต.มนูญกฤต ขณะนั้นเคลื่อนไหวด้วยวิธีการพิเศษ โยกให้ พล.อ.เสริม เป็น ผบ.สส.ทำให้ พล.อ.เปรม ได้สมหวังเป็น ผบ.ทบ.ทั้งนี้ ถ้าเป็นจริงแสดงว่าประเทศรอดจากการยึดอำนาจมาอีกครั้ง
นายณัฐวุฒิ ยังอ้างเนื้อความในจดหมายของ พล.ต.มนูญกฤต อีกว่า พล.อ.เปรม เคยสั่งเก็บ แม้ปัจจุบันยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ ถ้าเป็นจริง ผู้สั่งการ ถือมีความผิดตาม ป.อาญา ต่อมา พล.ต.มนูญกฤต ยังเขียนถึงการลอบสังหาร พ.ท.ชัยชาญ เทียนประภาส ด้วยอาวุธปืน 11 มม.เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2523 จ.อุบลราชธานี ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ที่ดำรงตำแหน่ง นายกฯ รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น
พ.ท.ชัยชาญ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด มีคุณูปการในการเข้าดำรงตำแหน่งของ พล.อ.เปรม แต่กลับตายอย่างปริศนาในช่วง พล.อ.เปรม เฟื่องฟูอำนาจ ในจดหมายยังระบุถึง พล.อ.เปรม ด้วยว่า ท่านคงรู้อยู่แก่ใจ ใครสั่งยิง โดย พล.อ.เปรม ควรอธิบายต่อสังคมว่าเป็นอย่างไร ระบุว่า เอาคนชั่วอย่างมนูญมาเป็นประธานวุฒิฯได้อย่างไร ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง แสดงว่า ท่านฝักใฝ่ยุ่งการเมืองตลอดเวลา
“ออกคำสั่งฆ่า พล.ต.มนูญกฤต และ พ.ท.ชัยชาญ เท่ากับว่า ท่านเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า ประกาศถ้าไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.ต้องยึดอำนาจ เท่ากับท่านสะสมเลือดผู้นำเผด็จการไว้ทุกกระเบียดนิ้ว มองการยึดอำนาจเป็นเรื่องปกติธรรมดา” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ อดีตสภาโจ๊ก กล่าวอีกว่า พร้อมรับผิดชอบในเรื่องนี้ ประเทศไทยต้องอยู่ในความจริง ความจริงเท่านั้นที่คลี่คลายวิกฤตได้ หลังจากนี้ คงได้รับคำตอบจากรัฐบุรุษ แต่ภูมิหลังเป็นไม่ได้แม้แต่นักประชาธิปไตย
ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าวมีจำนวน 3 หน้า ถูกเขียนที่บ้านลาดพร้าว 35 ลงวันที่ 9 ก.ย.2551 เป็นตัวอักษรพิมพ์ทั้งหมด พล.ต.มนูญกฤต ลงนามในหน้าสุดท้าย นายณัฐวุฒิ ยังอ้างอีกว่า บ้านขอ งพล.ต.มนูญกฤต ซื้อต่อมาจาก พล.อ.เปรม
ขณะที่ นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลพยายามใช้กรณีกัมพูชา มากลบเกลื่อนความล้มเหลวทั้งหมด หวังใช้เป็นเครื่องมือสกัดการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดง ปลายเดือน พ.ย.นี้ เริ่มจากการปลุกกระแสชาตินิยม จับผูกมัดกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง และ กัมพูชา เป็นพวกเดียวกัน ให้เห็นว่า เห็นแก่ต่างชาติมากกว่าประเทศไทย อำมาตยาธิปไตย พยายามทำทุกอย่าง แม้แต่การลอบฆ่า นายชาญชัย ลิขิตจิตตถะ อดีต รมว.ยุติธรรม โดยเลือกวันเดียวที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุม ครั้งที่แล้ว หวังกลบข่าวการชุมนุม ต่อมาก็มีการปล่อนตัว รปภ.ที่เกี่ยวจ้องกับ พล.อ.เปรม เพราะฉะนั้นอย่ามาอ้างว่าคนเสื้อแดง เห็นกัมพูชาดีกว่าประเทศไทย เราเป็นคนไทยรักประเทศไทย
“นปช.เป็นคนไทย รักชาติมากกว่า นายอภิสิทธิ์ เรื่องเสียดินแดนให้กัมพูชา ที่ผ่านมา รัฐบาลประชาธิปัตย์ สมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เคยว่าความทำให้ไทยแพ้กัมพูชา สมัย นายชวน เป็นนายกฯ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เคยไปลงนามยอมรับแผนที่ที่ฝรั่งเศส ทำ สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ทั้งที่รองแม่ทัพภาค 2 ระบุก่อนลงนามไม่เคยถามความเห็นจากทหารเลย พอนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯปล่อยให้กัมพูชา สร้างถนนเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน ถ้าเสียดินแดนขายชาติ มันขายไปหมดแล้ว ไม่เหลือให้เราขายหรอก” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยได้ดุลการค้าจากกัมพูชา ปีละ 4 หมื่นล้านบาท ถ้าเกิดการปิดประเทศกัมพูชา จะไปซื้อสินค้าจากประเทศเวียดนาม หาก นายอภิสิทธิ์ นายกษิต ยังใจแคบอิจฉาแบบนี้ ประเทศใดแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ รับตำแหน่งหรือให้แหล่งที่พักพิง เราคงเหลือประเทศเดียวในโลก นอกจากนี้อยากถามว่าเหตุใดถึงยังแต่งตั้ง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นรองนายกฯ ไม่ได้เสียที นายอภิสิทธิ์ รู้อยู่แก่ใจใช่หรือไม่ ไปทำอะไรไว้ เชื่อว่า รัฐบาลไม่สามารถถอดยศและริบเครื่องราชฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ เพราะว่าเป็นอำนาจพระมหากษัตริย์ไม่ใช่อำนาจรัฐบาล อย่างไรก็ดี หลังเสร็จสิ้นคอนเสิร์ต เพื่อนร่วมร้อง พี่น้องร่วมรบ หลังวันที่ 14พ.ย.จะมีการประชุมนัดหมายถึงการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง
นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักวิชาการและสว.บางคน เสนอให้รัฐบาลตัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับกัมพูชาว่า รัฐบาลเด็กอมมือยังไม่รู้อีกหรือว่าสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อ่านเกมขาด รู้ว่าสมัยหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลชนะเลือกตั้ง รัฐบาลอยากตัดความสัมพันธ์ขอให้ประกาศตัดไปเลย เอาไว้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เราจะประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่ วันนี้อยากตัดก็ไม่เป็นไร สำหรับกรณีรัฐบาลกล่าวอ้างถึงสมเด็จฮุนเซนแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษานายกฯ ถือเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อาชญากร ใครก็รู้คดีนี้เป็นคดีการเมือง ถูกตัดสินศาลเดียว บางประเทศไม่ให้การยอมรับ แม้ไทย-กัมพูชา มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่การจะส่งหรือไม่เป็นเรื่องของกัมพูชา เราเพียงแต่ขอความร่วมมือไป ถ้าไม่ส่งตัวก็เป็นสิทธิของกัมพูชา สมเด็จฮุนเซนแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาแล้วเราไปยุ่งอะไรกับอธิปไตยของเขา สมัยรัฐบาลแต่งตั้งนายกษิต ผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน เคยด่าผู้นำกัมพูชา มาเป็น รมว.ต่างประเทศ เขายังไม่ว่าอะไร ไม่เห็นเรียกตัวทูตกลับ วันนี้รัฐบาลกำลังเอาประเทศเข้าไปสุ่มเสี่ยง ชักศึกเข้าบ้าน
เมื่อถามว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จะเดินทางมาเยือนกัมพูชาบ้างหรือไม่ นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่แน่ การเลือกตั้งครั้งหน้าท่านอาจมาอยู่แถวๆนี้ก็ได้ มาทำให้รัฐบาลไทยตื่นเต้น วันนี้ยังไม่มา อนาคตยุบสภา เลือกตั้งก็ไม่แน่
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาทางการเมืองไม่เป็น เป็นแต่เล่นเกมการเมืองที่ต้องเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา เรื่องนี้สมเด็จฮุนเซน เดินมาถูกทางแล้ว เชื่อว่า รัฐบาลกัมพูชาคิดเรื่องนี้รอบคอบแล้วจึงแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย รับได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมไทยไม่เป็นธรรม ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าประชาชนคนไทยรับไม่ได้ ขอบอกว่า เสื้อแดงรับได้หมด ส่วนกรณีที่กลุ่ม 40 ส.ว.เรียกร้องให้รัฐบาลประท้วงและโจมตีกัมพูชานั้น แสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ไม่เหมาะที่จะเป็น ส.ว.เพราะซ้ำแต่สร้างความแตกแยกในสังคมโลก
“เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์ 12 ข้อตำหนิรัฐบาล “มาร์ค” อัดไร้วุฒิภาวะทางการทูต ทำเกินกว่าเหตุ เดินนโยบาย ตปท.ผิดพลาด บี้ถอนอีก จี้หยุดปลุกกระแสรักชาติ กลบบริหารล้มเหลว-ปัญหาทุจริต ซัดข้ออ้าง ฟังไม่ขึ้น เชื่อ ปชช.ไม่เห็นด้วย
ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยต่อกรณีท่าทีรัฐบาลสั่งลดความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย ว่า พรรคเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องสำคัญไม่สามารถแบ่งแยกได้โดยเฉพาะเป็นประเทศกลุ่มอาเซียน ดังนี้ 1.พรรคเห็นว่ารัฐบาลได้ทำเกินกว่าเหตุ กำลังนำผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไปสู่ภาวะสุ่มเสี่ยง ถือเป็นการตอบโต้ไร้วุฒิภาวะทางการทูต จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในทางการทูตทั้งสองประเทศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบในความเสื่อมทราบของความสัมพันธ์ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความตึงเครียดตามแนวชายแดน ถ้าแก้ไม่ได้ อาจนำไปสู้ข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไป
3.พรรคได้ศึกษาข้อกฎหมายถึงการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาโดยพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา เป็นการออกกฎหมายภายในกัมพูชา ถือเป็นกิจการภายในของกัมพูชา การที่รัฐบาลจะอ้างเหตุผลนี้มาตอบโต้ ก็คงฟังไม่ขึ้น และเชื่อว่าประชาชนจะไม่เห็นกับที่รัฐบาลกล่าวอ้าง 4.พรรคเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทย เสื่อมทรามลงมาตลอด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ เอาคนที่เคยยึดสนามบิน เป็นคนที่เคยไปด่าผู้นำกัมพูชา ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจมาตลอด 5.พรรคเห็นว่า ตลอด 10 เดือน รัฐบาลไม่มีมาตรการในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม ตรงกันข้ามนายกรัฐมนตรีได้ไปพูดตำหนิ เหยียดหยามผู้นำกัมพูชาในช่วงการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา 6.การดำเนินการของรัฐบาลไม่ได้กระทำตามขั้นตอนจากมาตรการขั้นตอนจากมาตรการขั้นเบาไปหาหนัก ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต
7.รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ไม่มีความชอบธรรมแอบอ้างว่าได้ดำเนินการประท้วงกัมพูชาในนามคนไทยทั้งประเทศ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้ ที่มีที่มาไม่ชอบธรรม และไม่เห็นด้วยกับการทำลายความสัมพันธ์กับกัมพูชา 8.รัฐบาลชุดนี้ ไร้ความรับผิดชอบในการนำประเด็นการเมืองภายใน ไปกดดันประเทศเพื่อนบ้าน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการพยายามปลุกกระแสรักชาติ เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการทำงานและปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น 9.พรรคถือว่าเพื่อนบ้านคือเพื่อนที่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขและรุ่งเรือง เราต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทุกพรรคจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเร่งด่วน ตามแนวนโยบาย ไทยร่มเย็น เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน
10.รัฐบาลดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด เป็นการทำลาย จิตวิญญาณ และปณิธานของสมาคมอาเซียนที่ต้องการอยู่อย่างสันติ วันนี้ นายกฯกำลังทำให้อาเซียนล่มสลาย 11.พรรคมีข้อเท็จจริงว่ามีหลายประเทศได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา อย่างเช่น ประเทศฮอนดูรัส นิการากัว จึงถามว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่ดำเนินการเช่นเดียวกับรัฐบาลกัมพูชาไม่ใช่เลือกปฏิบัติเฉพาะกับนายกฯกัมพูชา 12.การที่นายกฯอ้างว่า จำเป็นต้องตอบโต้นายกฯฮุนเซน เพราะได้วิจารณ์ระบบกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น พรรคเห็นว่า เป็นการพูดแบบแก้เกี้ยว พยายามหาเหตุผลเท่านั้น หากเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญก็ควรดำเนินการเมื่อ 1 เดือนมาแล้ว ไม่ใช่มาตอบโต้เมื่อมีการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา