ปชป.ชูภาวะผู้นำ “มาร์ค” อดทน-อดกลั้นสยบซ่า “ฮุนเซน” จวกกัมพูชาจับคนไทยทำเกินเลยแนวทางการทูต ยันตารางการบินไม่ใช่ความลับ สวนกลับเขมรปกปิดซ่อนเร้น “นช.แม้ว”แอบใช้พื้นที่ชักใยเสื้อแดงเผากรุง เม.ย.ที่ผ่านมา ถาม “ทักษิณ”ภูมิใจนักหรือ กุเรื่องทำคนไทยถูกจับ สร้างความขัดแย้ง 2 ชาติ
วันนี้ 14 พ.ย. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันท่าทีของประเทศไทย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สามารถที่จะแสดงถึงวุฒิภาวะในการแก้ปัญหาตลอดเวลาที่ผ่านมาและยังได้รับการยอมรับอย่างสูงบนเวทีการประชุมระหว่างประเทศทุกเวทีในอดีต จึงไม่น่าจะมีปัญหาประกอบกับที่ผ่านมาสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาเคยมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน เป็นที่รับทราบกันในกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่แล้ว ขณะนี้ มีประเด็นที่เป็นปัญหาภายในคือการยกเลิกเอกสิทธิคุ้มครองทางสภาต่อนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของประเทศกัมพูชา และเข้าใจว่าเรื่องนี้จะมีประเด็นที่น่าจะเรียกความสนใจมากกว่า ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถแยกแยะออกว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้เริ่มต้นจากประเทศไทย แต่รัฐบาลกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้น จากการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา และไม่ยอมส่งตัวให้ไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ส่วนกรณีที่ทางการกัมพูชาจับกุมนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ ลูกจ้างบริษัทจัดการจราจรทางอากาศกัมพูชาโดยแจ้งข้อหาว่าโขมยข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาตินั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขอเตือนไปยังรัฐบาลกัมพูชา และสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าการดำเนินการดังกล่าวถือว่านอกเหนือจากมาตราการทางการทูต และขอให้ปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยพันธสัญญาในการปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุม ซึ่งต้องสงสัยว่าต้องเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์ว่ากระทำผิดตามข้อกล่าวหา และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดูแล้วมีพิรุธหลายเรื่องอาจเป็นการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์ทางการเมือง ทั้งนี้ จะเป็นการจงใจยั่วยุให้เกิดปฏิกิริยาจากฝ่ายไทย สิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาต้องตอบข้อสงสัยในการดำเนินการดังกล่าว คือ ข้ออ้างและการกล่าวหาว่าคนไทยและรัฐบาลไทยได้สอดแนมข้อมูลที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นข้อมูลลับ ซึ่งโดยธรรมเนียมสากลข้อมูลที่เป็นตารางการบินเป็นข้อมูลที่ต้องมีการประสานงานร่วมกันกับประเทศที่เป็นพันธการบินฝ่ายพลเรือน เพื่อที่จะสามารถให้ความปลอดภัยต่อเที่ยวบินต่างๆ ได้ แต่ทำไมกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร กัมพูชาจึงมองว่าเป็นความลับของรัฐบาลกัมพูชา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือ มีรายงานในหนังสือพิมพ์เอเชียไทม์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ยืนยันในสิ่งที่หลายฝ่ายปฏิเสธมาตลอดว่าช่วงเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ไปพักพิงอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยมีรูปถ่ายยืนยันและระบุวันที่ที่สนามกอร์ฟอังกอร์วัต เมืองเสียมเรียบ อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีเหตุการณ์จลาจลในประเทศไทย โดย พ.ต.ท.ทักษิณยั่วยุสนับสนุนให้ประชาชนล้มรัฐบาล โดยใช้กำลังและได้กล่าวในการโฟนอินว่าจะข้ามฝั่งชายแดนมายังประเทศไทย เพื่อนำการปฏิวัติล้มรัฐบาลโดยใช้กำลังในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น พรรคขอตั้งข้อสังเกตว่าหากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลกัมพูชาต้องการปกปิด พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าไปโดยเครื่องบินส่วนตัวในช่วงเดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน และเป็นเหตุให้ใส่ร้ายและยัดเยียดข้อหาการล้วงความลับต่อประชาชนคนไทยหรือไม่ และยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่มีพฤติกรรมตามที่กล่าวหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอดแนมความลับ หรือข่าวที่ปรากฎออกมาว่ามีการใช้เที่ยวบินลาดตระเวนรุกล้ำน่านฟ้าของกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการยั่วยุให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ นอกเหนือจาการใช้มาตรการทางการทูต
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรบ้าง และขอถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ภูมิใจหรือไม่ที่การดำเนินการดังกล่าวทำให้คนไทยถูกจับกุม อยากให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันตระหนักว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดำเนินการกับสมเด็จฮุนเซนและรัฐบาลกัมพูชา เป็นเรื่องที่อันตรายมากต่อบ้านเมืองที่อาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้า และความขัดแย้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าความพยายามที่จะกุเรื่องและยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าว ถือเป็นความประสงค์ที่หวังว่าในที่สุดแล้วจะนำไปสู่ภาวะที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าด้วยการใช้กำลัง และส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยดึงประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อบ้าน ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลเป็นอันขาด เพราะสาเหตุไม่ได้เกิดจากประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ แต่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของคนเพียงสองคนที่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาสร้างปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการชักจูงให้มีการแทรกแซงการเมืองภายใน ซึ่งขัดกับธรรมเนียมปฏิบัติของสากล โดยเรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รายงานของหนังสือพิมพ์เอเชียไทม์ออนไลน์ยังได้อ้างถึงการให้ที่พักพิงแก่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยไม่ได้ระบุเวลาว่าเป็นช่วงใดแต่ได้ลงตีพิมพ์คำให้สัมภษณ์และยืนยันถึงแนวทางในการพยายามของนายจักรภพ ว่ามีการเตรียมการใช้กำลังเพื่อล้มรัฐบาลไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ผู้ที่รายงานข่าวแม้กระทั่งให้การยืนยันหรือปฏิเสธ แต่หากการดำเนินการดังกล่าวหากเกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พักพิงอยู่ในประเทศกัมพูชาก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งในวงกว้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าท่าทีของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แข็งกร้าว นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า คงต้องดูว่าผู้สื่อข่าวถามว่าอะไร แต่แนวทางของประเทศต่อเรื่องทั้งหมดถูกกำหนดโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภาวะความเป็นผู้นำ มีความอดกลั้น มีวุฒิภาวะของผู้นำ ทั้งในฐานะที่เป็นประเทศที่ใหญ่กว่าโดยไม่วู่วามต่อการยั่วยุ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าไทยเป็นฝ่ายที่ตั้ง รับปัญหานี้เกิดขึ้นจากกัมพูชา แต่การดำเนินนโยบายต้องทำควบคู่กันไป ทั้งรัฐบาลหน่วยงานคาวมมั่นคง ในการดูแลจุดที่อ่อนไหวเปราะบาง เช่น บริเวณชายแดน และรัฐบาลไทยก็ไม่ได้ริเริ่มจับกุมคนของกัมพูชา นอกจากนี้จะดูแลให้สงบความเรียบร้อยไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนกับการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา