โฆษก ปชป.แจงผู้นำเขมรฉีกสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติสากล แถมอ้างสถาบันกษัตริย์เพื่อปกป้อง “แม้ว” โดยไม่ผ่านกระบวนการตุลาการ ถือว่าไม่บังควร เตือน นปช.-พท.อย่าหลอกลวงสังคม ออกแถลงการณ์บิดเบือนน้ำคำ นช.ทักษิณ
วันนี้ (12 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกระหว่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นว่าการกระทำของประเทศกัมพูชา กระทบต่อจิตวิญญาณและอุดมการณ์ต่อการรวมกลุ่มของภูมิภาคอาเซียน คือ การไม่ยึดแนวทางที่จะไม่แทรกแซง โดยเฉพาะกิจการภายใน ในเรื่องการเมืองของแต่ละประเทศ และการที่ประเทศกัมพูชาส่งหนังสืออ้างถึงเหตุผลในการไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ฉีกสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งขัดต่อหลักธรรมเนียมปฏิบัติของหลักสากล นอกจากนี้ การวินิจฉัยดังกล่าวยังไม่ผ่านกระบวนการตุลาการของประเทศกัมพูชาว่า เป็นคดีทางการเมืองหรือไม่ แต่กลับวินิจฉัยเอง และอ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในการสร้างความชอบธรรมและสร้างเหตุผล ในการไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่บังควร เพราะคนไทยก็ให้ความเคารพต่อสถาบันกษัติรย์ของประเทศกัมพูชา ในฐานะที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้าใจผิดระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า การที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่าการเข้ามาบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์มาด้วยความไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น ตนอยากเรียนว่าชาวอาเซียนตระหนักดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่ใช่แบบอย่างของผู้นำประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ เพราะกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ในการทำธุรกิจ สัมปทาน และได้ประโยชน์จากการปฏิวัติรัฐประหารทั้งในประเทศไทยและกัมพูชาทุกครั้ง โดยมีการยืดอายุสัมปทาน และสมเด็จฯ ฮุนเซน ในปี 2537 และ ปี 2540 ทำให้เจ้ารณฤทธิ์ และผู้นำฝ่ายค้านคือนายสม รังสี ต้องหนีออกนอกประเทศ เพราะโดนคุกคามต่อชีวิต แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยแทรกแซง และอาเซียนเองก็ใช้เหตุผลดังกล่าวทำให้กัมพูชาไม่สามารถเข้าร่วมสมาชิกอาเซียนได้ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในปี 2541 ดังนั้น เหตุผลในการอ้างถึงความเป็นประชาธิปไตยของสมเด็จฯ ฮุนเซน จึงเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกันเหมือนจัดฉากสร้างเรื่อง และทำตัวเองเป็นผู้แก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าจะนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ไปให้คำแนะนำกับรัฐบาลกัมพูชานั้น ตนเห็นว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในอดีตจนถึงปัจจุบันตรงกันข้าม ที่ไม่เคยน้อมนำหรือยึดหลักนโยบายดังกล่าวมาใช้ มีแต่คิดเรื่องแนวธุรกิจผูกขาด สัมปทาน และการที่จะนำเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อรัฐบาลกัมพูชา การพัฒนากเกาะกง โดยการรับสัมปทาน 99 ปี เพื่อทำธุรกิจ อาทิ กาสิโน ถือว่าเป็นธุรกิจที่มอมเมาประชาชน สร้างปัญหาให้กับสังคม และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ยืนยันที่จะออกแถลงการณ์เรื่องคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับไทมส์ออนไลน์ เห็นว่าเรื่องดังกล่าวถ้ามีการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างเช่นกรณีมีผู้เสียชีวิตในช่วงเดือน เม.ย. ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ และกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และตนอยากจะเรียกจิตสำนึกของความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่ว่าจะอยู่พรรคใดก็ตาม ก็ควรมีจิตสำนึกในการร่วมปกป้องศักดิ์ศรีชาติไทย
