รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” นำผู้หญิงที่ร่วมเคลื่อนไหว ในเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมสะท้อนแนวคิดว่าผู้หญิงจะเข้าไปมีบทบาทอย่างไรในการผลักดันให้เกิดการเมืองใหม่ และมีผู้หญิงในพรรคมากๆ ดีหรือไม่
รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ดำเนินรายการโดย นางอัญชะลี ไพรีรัก ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2, นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่, นางเสน่ห์ หงษ์ทอง ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ,นางกรรณิกา อารีสมาน ศิลปินในการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงบทบาทผู้หญิงกับการเมืองใหม่
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า 70 กว่าปีที่ผ่านมาของกระบวนประชาธิปไตยไทย มีผู้หญิงเข้าสู่การเมืองน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย การมีผู้หญิงเข้าไม่มีส่วนร่วมในสัดส่วนที่สมดุล มีส่วนช่วยทำให้เกิดการพัฒนาทางสังคม ควบคู่กับกฎหมาย เพราะอย่างน้อยผู้หญิงย่อมเข้าถึงเพศเดียวกันได้ดีกว่าผู้ชาย ซึ่งจะใช้ข้อดีตรงนี้หาต้นตอสภาพปัญหาของสังคมที่มีผลกระทบต่อผู้หญิง แล้วมาร่างเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขต่อไป
นางกิมอังกล่าวว่า ที่เข้ามาเล่นการเมืองเพราะทนไม่ไหวกับปัญหาสังคมที่เลวร้ายลงลงเรื่อยๆ อย่างที่ จ.ชัยนาท แต่ก่อนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ก็เปลี่ยนแปลงไป ปลูกพืชผลก็ไม่ได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำเหมือนเก่า จนทำให้ชาวบ้านต้องนำที่ดินไปจำนองจำนำเพื่อนำเงินมาลงทุนจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้ลูกหลานหนีเข้าทำงานในตัวเมือง ทิ้งไว้แต่คนเฒ่าคนแก่ให้เฝ้าบ้าน ปัญหาเหล่าเราเคยเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาลที่ผ่านมาหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ด้วยเหตุนี้ตนจึงมองหาพรรคการเมือง ที่เข้าถึงประชาชน เมื่อเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อหวังจะได้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ต้นตอด้วยตัวเอง
นางเสน่ห์กล่าวว่า ตนอยู่ภาคแรงงาน ซึ่งก็ไม่ต่างจากภาคเกษตร คนที่อยู่ในภาคแรงงานส่วนใหญ่มาจากคนจนชาวไร่ชาวนา ดังนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่อยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นกำลังผลิตสำคัญ การเมืองเก่าจมปลักอยู่กับเรื่องของการผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ นักการเมืองไม่เคยหยิบปัญหาของผู้ใช้แรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้าง ความปลอดภัย ประกันสังคม สิทธิการลาคลอด เข้าไปพูดในสภา จนกว่าจะเกิดเรื่องหรือมีการบาดเจ็บล้มตายก่อน
นางกรรณิกากล่าวว่า เมื่อก่อนคิดแต่ตัวเองเป็นแค่หน่วยหนึ่งเล็กๆ ในสังคม แค่ออกผลงานมา แล้วประชาชนสนใจก็พอแล้ว แต่พอเขามาสัมผัสชีวิตนักการเมือง นักต่อสู้ชาวไร่ชาวนา ทำให้คิดว่าตัวเองดูเปล่าประโยชน์ไป ยิ่งเมื่อดูนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้ความรู้ทางการเมือง ยิ่งทำให้ต้องฉุกคิด คนพูดในสิ่งที่ถูกกลับถูกปิดปากไม่ให้พูด ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ยิ่งมาเทียบกับวงการศิลปิน ที่ไม่เอาเต้าไต่ก็ไม่ดัง จนรู้สึกว่าสังคมไม่มีความยุติธรรม และไม่ว่าจะทำอะไรในชีวิตประจำวันก็เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ทำให้ต้องเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ
นางเสนห์กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องปรับเปลี่ยนหากมีโอกาสได้เข้าสู่การเมือง คือ สิทธิของผู้หญิง อย่างในรัฐธรรมนูญ ได้ให้ความสำคัญถึงสิทธิของผู้หญิงทางการเมืองในหลายๆ หมวด แต่ความเป็นจริงในกฎหมายหลายฉบับ ผู้หญิงมีส่วนร่วมน้อยมาก และจะต้องคำนึงถึง สังคมในตอนนี้ที่มีปัญหามาก ทั้ง ความรุนแรง ยาเสพติด จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะทุกพรรคมักเขียนนโยบายนี้ไว้เสมอ แต่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ด้วยเหตุที่ไม่นำมาปฎิบัติอย่างจริงจัง มัวแต่ไปเน้นโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณมากๆ
นางกิมอังกล่าวว่า สิ้นหวังกับรัฐบาลชุดนี้มานานแล้ว สิ่งที่เราทำต้องไม่ใช่แค่แปะป้ายสวัสดีแล้วขึ้นหน้า ส.ส.โชว์ไว้หน้าจังหวัดเหมือนอย่างที่พรรคอื่นทำ เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านการศึกษา นโยบายเรียนฟรี 12 ปี จะต้องไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้นอกจากจะเรียนฟรีแล้วต้องพัฒนามาตรฐานการศึกษาด้วย เพราะที่ผ่านเด็กบ้านนอกจบ ม.3 ยังเขียนหนังสือแทบไม่ได้ จนเป็นเหตุให้ครอบครัวที่พอมีฐานะ นิยมส่งลูกหลานเข้าเรียนในเมือง ซึ่งส่งผลกระทบให้บางโรงเรียนต้องปิดไป เนื่องจากมีเด็กนักเรียนน้อย
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า ระบบการเมืองเก่า แรงงานผู้หญิงมักไม่ได้รับความเป็นธรรม เวลาครรภ์ ส่วนมากจะถูกไล่ออกจากงาน ทำให้บางคนเมื่อมีครรภ์แต่อยากทำงานก็ไปเอาลูกออก ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย มิหนำซ้ำกระทรวงแรงงาน ยังไปช่วยเจ้าของบริษัท วางแผนหลบเลี่ยง กฎหมายแรงงาน ม.39 ที่บอกว่าห้ามไล่คนท้องออกจากงาน โดยแนะให้เจ้าของบริษัท พูดว่า “ไม่มีอำนาจใจการจ้าง บริษัทจะเจ๊ง ต้องเลิกจ้าง” ด้วยเหตุนี้หากมีผู้หญิงอยู่ในพรรคการเมืองใหม่มากๆ เราจะดูแล สวัสดิภาพตังแต่มีทารกอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอด
เมื่อถามว่าพูดถึงนโยบายซะสวยหรู หากเข้าไปเป็นนักการเมืองจริงๆ จะทำได้หรือไม่ นางเสนห์ กล่าวว่าหากพรรคการเมืองยืนหยัดได้ด้วยนายทุน จะทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแต่ขัดกันกับนายทุนไม่ได้ อย่าง ก.เกษตรฯ ทำงานอย่างไม่เต็มไม้เต็มมือ เพราะมีนายทุนครอบงำอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพรรคการเมืองใหม่ทำง่าย เพราะมีฐานเสียงมาจากประชาชนอย่างแท้จริง
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า จากที่เคยเป็น ส.ส.และส.ว. มากลัวคนของพรรคการเมืองใหม่จะถูกลืม ในเมื่อการเมืองเก่ามันไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่หวังการเมืองใหม่จะเป็นต้นแบบของการเมืองในอนาคต ซื้อเสียง โปร่งใส เมือนพรรคหนึ่งในฟิลิปินส์ มาจาการเลือกตั้งที่โปร่งใส ไม่มีการซื้อเสียง ตั้งแต่ปี 2000 มาจนถึงปัจจุบัน เขาใช้วิธีลงพื้นที่ ให้การศึกษา รณรงค์ นางอัญชลี พูดแซวขึ้นมาว่าเตรียมทหารรุ่น 10 ก็จะลงพื้นที่รณรงค์ เหมือนกัน แต่รณรงค์ให้คนกลับมา “ทักษิณ” ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่รู้ว่าระบอบทักษิณ ทำลายชาติ หรืออาจเป็นเพราะใส่เสื้อรัดมากไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หากตนเข้าไปนั่งในสภาจะเปลี่ยนเครื่องแบบให้ใหญ่ขึ้น
นางเสน่ห์กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าหากผู้หญิงเข้าไปในสภามากๆ จะทำให้ความรุนแรงน้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของสื่อด้วย ที่ผ่านเวลาผู้หญิงผูดถึงความถูกต้อง ดีงาม เรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้กับส่วนรวม สื่อมักไม่ค่อยนำมาเป็นข่าว นางกิมอัง กล่าวเสริมว่าสำหรับแนวคิดตนเมื่อเข้าไปทำหน้าที่แล้ว หากมีปัญหาจะไม่ชวนทะเลาะ ว่ากันด้วยเหตุผล ชั่งน้ำหนักคำนึงถึงเหตุผลทั้งสองฝ่าย เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ ดังนั้นถ้าได้ผู้หญิงที่มีเป้าหมายทำให้งานเดินหน้า ก็จะช่วยลดความรุนแรงลงได้อย่างแน่นอน
หลายคนคิดว่าผู้หญิงกับการเมืองใหม่จะไปได้อย่างไร นางเสนห์กล่าวว่า ตรงนี้เราต้องการคนเล็กคนน้อย มารวมกัน การต่อสู้ของเรามาด้วยใจ ไม่ได้มีใครจ้าง หากใครคิดว่าผู้หญิงมาอยู่ร่วมกันบริหารงานยาก จู้จี้จุกจิก ตรงนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่าดูละครน้ำเน่ามากเกินไป ขณะที่นางกรรณิกา กล่าวว่าอยากให้ประชาชนทบทวนว่า การเมืองเก่าทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้ชาย แล้วมันดีหรือไม่ หากให้โอกาส ผู้หญิงเข้าไปมีสัดส่วนในสภาเพิ่มขึ้น เพราะความจริงประชากรในประเทศมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุนี้แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่สามารถเข้าไปบริหาร มีส่วนในการออกกฎเกณฑ์ ต่างๆบ้างเพื่อบางทีจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
นางมาลีรัตน์กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองที่ดี จะต้องแสวงหาความร่วมมือไม่แยกตัวเองออกจากขบวนการต่อสู้ของประชาชน ความสัมพันธ์แบบนี้ต้องรักษาไว้เหนียวแน่น อย่างพรรคการเมืองใหม่ บทบาทไหนใครจะเป็นพระเอก หรือเป็นตัวรอง ก็ต้องดูที่เหตุการณ์เป็นตัวตั้ง อย่างไรก็ตามการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพลังของพี่น้องพันธมิตรฯ ด้วย ในโอกาสนี้ก็ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯช่วยกันส่งตัวแทนเข้ามาเยอะๆ
นางกิมอังกล่าวส่งท้ายว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดูได้จากผู้หญิงส่วนใหญ่มักใส่ใจ ต้องการให้ความอบอุ่นในครอบครัว ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ความเจ็บป่วยของคนในครอบครัว สิ่งเหล่านี้เมื่อเข้ามาอยู่ในส่วนรวมเราจะรู้ว่าสิ่งใดจะเป็นประโยชน์ เป็นความสุขของคนส่วนใหญ่ในสังคม
รายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ดำเนินรายการโดย นางอัญชะลี ไพรีรัก ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2, นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่, นางเสน่ห์ หงษ์ทอง ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ,นางกรรณิกา อารีสมาน ศิลปินในการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงบทบาทผู้หญิงกับการเมืองใหม่
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า 70 กว่าปีที่ผ่านมาของกระบวนประชาธิปไตยไทย มีผู้หญิงเข้าสู่การเมืองน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย การมีผู้หญิงเข้าไม่มีส่วนร่วมในสัดส่วนที่สมดุล มีส่วนช่วยทำให้เกิดการพัฒนาทางสังคม ควบคู่กับกฎหมาย เพราะอย่างน้อยผู้หญิงย่อมเข้าถึงเพศเดียวกันได้ดีกว่าผู้ชาย ซึ่งจะใช้ข้อดีตรงนี้หาต้นตอสภาพปัญหาของสังคมที่มีผลกระทบต่อผู้หญิง แล้วมาร่างเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขต่อไป
นางกิมอังกล่าวว่า ที่เข้ามาเล่นการเมืองเพราะทนไม่ไหวกับปัญหาสังคมที่เลวร้ายลงลงเรื่อยๆ อย่างที่ จ.ชัยนาท แต่ก่อนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ก็เปลี่ยนแปลงไป ปลูกพืชผลก็ไม่ได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำเหมือนเก่า จนทำให้ชาวบ้านต้องนำที่ดินไปจำนองจำนำเพื่อนำเงินมาลงทุนจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้ลูกหลานหนีเข้าทำงานในตัวเมือง ทิ้งไว้แต่คนเฒ่าคนแก่ให้เฝ้าบ้าน ปัญหาเหล่าเราเคยเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาลที่ผ่านมาหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ด้วยเหตุนี้ตนจึงมองหาพรรคการเมือง ที่เข้าถึงประชาชน เมื่อเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อหวังจะได้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ต้นตอด้วยตัวเอง
นางเสน่ห์กล่าวว่า ตนอยู่ภาคแรงงาน ซึ่งก็ไม่ต่างจากภาคเกษตร คนที่อยู่ในภาคแรงงานส่วนใหญ่มาจากคนจนชาวไร่ชาวนา ดังนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่อยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นกำลังผลิตสำคัญ การเมืองเก่าจมปลักอยู่กับเรื่องของการผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ นักการเมืองไม่เคยหยิบปัญหาของผู้ใช้แรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้าง ความปลอดภัย ประกันสังคม สิทธิการลาคลอด เข้าไปพูดในสภา จนกว่าจะเกิดเรื่องหรือมีการบาดเจ็บล้มตายก่อน
นางกรรณิกากล่าวว่า เมื่อก่อนคิดแต่ตัวเองเป็นแค่หน่วยหนึ่งเล็กๆ ในสังคม แค่ออกผลงานมา แล้วประชาชนสนใจก็พอแล้ว แต่พอเขามาสัมผัสชีวิตนักการเมือง นักต่อสู้ชาวไร่ชาวนา ทำให้คิดว่าตัวเองดูเปล่าประโยชน์ไป ยิ่งเมื่อดูนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้ความรู้ทางการเมือง ยิ่งทำให้ต้องฉุกคิด คนพูดในสิ่งที่ถูกกลับถูกปิดปากไม่ให้พูด ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ยิ่งมาเทียบกับวงการศิลปิน ที่ไม่เอาเต้าไต่ก็ไม่ดัง จนรู้สึกว่าสังคมไม่มีความยุติธรรม และไม่ว่าจะทำอะไรในชีวิตประจำวันก็เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ทำให้ต้องเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ
นางเสนห์กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องปรับเปลี่ยนหากมีโอกาสได้เข้าสู่การเมือง คือ สิทธิของผู้หญิง อย่างในรัฐธรรมนูญ ได้ให้ความสำคัญถึงสิทธิของผู้หญิงทางการเมืองในหลายๆ หมวด แต่ความเป็นจริงในกฎหมายหลายฉบับ ผู้หญิงมีส่วนร่วมน้อยมาก และจะต้องคำนึงถึง สังคมในตอนนี้ที่มีปัญหามาก ทั้ง ความรุนแรง ยาเสพติด จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะทุกพรรคมักเขียนนโยบายนี้ไว้เสมอ แต่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ด้วยเหตุที่ไม่นำมาปฎิบัติอย่างจริงจัง มัวแต่ไปเน้นโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณมากๆ
นางกิมอังกล่าวว่า สิ้นหวังกับรัฐบาลชุดนี้มานานแล้ว สิ่งที่เราทำต้องไม่ใช่แค่แปะป้ายสวัสดีแล้วขึ้นหน้า ส.ส.โชว์ไว้หน้าจังหวัดเหมือนอย่างที่พรรคอื่นทำ เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านการศึกษา นโยบายเรียนฟรี 12 ปี จะต้องไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้นอกจากจะเรียนฟรีแล้วต้องพัฒนามาตรฐานการศึกษาด้วย เพราะที่ผ่านเด็กบ้านนอกจบ ม.3 ยังเขียนหนังสือแทบไม่ได้ จนเป็นเหตุให้ครอบครัวที่พอมีฐานะ นิยมส่งลูกหลานเข้าเรียนในเมือง ซึ่งส่งผลกระทบให้บางโรงเรียนต้องปิดไป เนื่องจากมีเด็กนักเรียนน้อย
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า ระบบการเมืองเก่า แรงงานผู้หญิงมักไม่ได้รับความเป็นธรรม เวลาครรภ์ ส่วนมากจะถูกไล่ออกจากงาน ทำให้บางคนเมื่อมีครรภ์แต่อยากทำงานก็ไปเอาลูกออก ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย มิหนำซ้ำกระทรวงแรงงาน ยังไปช่วยเจ้าของบริษัท วางแผนหลบเลี่ยง กฎหมายแรงงาน ม.39 ที่บอกว่าห้ามไล่คนท้องออกจากงาน โดยแนะให้เจ้าของบริษัท พูดว่า “ไม่มีอำนาจใจการจ้าง บริษัทจะเจ๊ง ต้องเลิกจ้าง” ด้วยเหตุนี้หากมีผู้หญิงอยู่ในพรรคการเมืองใหม่มากๆ เราจะดูแล สวัสดิภาพตังแต่มีทารกอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอด
เมื่อถามว่าพูดถึงนโยบายซะสวยหรู หากเข้าไปเป็นนักการเมืองจริงๆ จะทำได้หรือไม่ นางเสนห์ กล่าวว่าหากพรรคการเมืองยืนหยัดได้ด้วยนายทุน จะทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแต่ขัดกันกับนายทุนไม่ได้ อย่าง ก.เกษตรฯ ทำงานอย่างไม่เต็มไม้เต็มมือ เพราะมีนายทุนครอบงำอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพรรคการเมืองใหม่ทำง่าย เพราะมีฐานเสียงมาจากประชาชนอย่างแท้จริง
นางมาลีรัตน์กล่าวว่า จากที่เคยเป็น ส.ส.และส.ว. มากลัวคนของพรรคการเมืองใหม่จะถูกลืม ในเมื่อการเมืองเก่ามันไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่หวังการเมืองใหม่จะเป็นต้นแบบของการเมืองในอนาคต ซื้อเสียง โปร่งใส เมือนพรรคหนึ่งในฟิลิปินส์ มาจาการเลือกตั้งที่โปร่งใส ไม่มีการซื้อเสียง ตั้งแต่ปี 2000 มาจนถึงปัจจุบัน เขาใช้วิธีลงพื้นที่ ให้การศึกษา รณรงค์ นางอัญชลี พูดแซวขึ้นมาว่าเตรียมทหารรุ่น 10 ก็จะลงพื้นที่รณรงค์ เหมือนกัน แต่รณรงค์ให้คนกลับมา “ทักษิณ” ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่รู้ว่าระบอบทักษิณ ทำลายชาติ หรืออาจเป็นเพราะใส่เสื้อรัดมากไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หากตนเข้าไปนั่งในสภาจะเปลี่ยนเครื่องแบบให้ใหญ่ขึ้น
นางเสน่ห์กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าหากผู้หญิงเข้าไปในสภามากๆ จะทำให้ความรุนแรงน้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของสื่อด้วย ที่ผ่านเวลาผู้หญิงผูดถึงความถูกต้อง ดีงาม เรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้กับส่วนรวม สื่อมักไม่ค่อยนำมาเป็นข่าว นางกิมอัง กล่าวเสริมว่าสำหรับแนวคิดตนเมื่อเข้าไปทำหน้าที่แล้ว หากมีปัญหาจะไม่ชวนทะเลาะ ว่ากันด้วยเหตุผล ชั่งน้ำหนักคำนึงถึงเหตุผลทั้งสองฝ่าย เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ ดังนั้นถ้าได้ผู้หญิงที่มีเป้าหมายทำให้งานเดินหน้า ก็จะช่วยลดความรุนแรงลงได้อย่างแน่นอน
หลายคนคิดว่าผู้หญิงกับการเมืองใหม่จะไปได้อย่างไร นางเสนห์กล่าวว่า ตรงนี้เราต้องการคนเล็กคนน้อย มารวมกัน การต่อสู้ของเรามาด้วยใจ ไม่ได้มีใครจ้าง หากใครคิดว่าผู้หญิงมาอยู่ร่วมกันบริหารงานยาก จู้จี้จุกจิก ตรงนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่าดูละครน้ำเน่ามากเกินไป ขณะที่นางกรรณิกา กล่าวว่าอยากให้ประชาชนทบทวนว่า การเมืองเก่าทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้ชาย แล้วมันดีหรือไม่ หากให้โอกาส ผู้หญิงเข้าไปมีสัดส่วนในสภาเพิ่มขึ้น เพราะความจริงประชากรในประเทศมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุนี้แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่สามารถเข้าไปบริหาร มีส่วนในการออกกฎเกณฑ์ ต่างๆบ้างเพื่อบางทีจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
นางมาลีรัตน์กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองที่ดี จะต้องแสวงหาความร่วมมือไม่แยกตัวเองออกจากขบวนการต่อสู้ของประชาชน ความสัมพันธ์แบบนี้ต้องรักษาไว้เหนียวแน่น อย่างพรรคการเมืองใหม่ บทบาทไหนใครจะเป็นพระเอก หรือเป็นตัวรอง ก็ต้องดูที่เหตุการณ์เป็นตัวตั้ง อย่างไรก็ตามการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพลังของพี่น้องพันธมิตรฯ ด้วย ในโอกาสนี้ก็ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯช่วยกันส่งตัวแทนเข้ามาเยอะๆ
นางกิมอังกล่าวส่งท้ายว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดูได้จากผู้หญิงส่วนใหญ่มักใส่ใจ ต้องการให้ความอบอุ่นในครอบครัว ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ความเจ็บป่วยของคนในครอบครัว สิ่งเหล่านี้เมื่อเข้ามาอยู่ในส่วนรวมเราจะรู้ว่าสิ่งใดจะเป็นประโยชน์ เป็นความสุขของคนส่วนใหญ่ในสังคม