เคาะข่าวริมโขง : รัฐแสร้งตาบอดคลำทาง ปล่อยก๊วนทรยศชาติ ปั่นข่าวทุบตลาดหุ้นไทย ชี้ ปัญหานี้ไม่ใช่กระทบแค่ ศก. แต่ส่งผลความมั่นคงระดับประเทศ ติง "มาร์ค" มัวแต่ชักช้า จนหลายฝ่ายพากันสงสัย แฉอักษรย่อต้นตอปล่อยข่าวอัปรีย์ ด้าน "นช.แม้ว" ส่ง "ติ๊งเหล่" ปัดอยู่เบื้องหลังปล่อยข่าวปั่นหุ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 19 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยได้มีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีข่าวลืออัปรีย์ที่สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันเบื้องสูง และตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ยังมีกรณี สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังจากตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการปล่อยลอยแพผู้โดยสาร จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน เริ่มต้นรายการ น.ส.วรรษมน กล่าวถึงกรณีข่าวลืออัปรีย์ที่สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันเบื้องสูงและตลาดหุ้นไทย โดย นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า ความคืบหน้าวันนี้ เรื่องดังกล่าว รัฐบาลยังคงหาตัวผู้ปล่อยข่าวลือไม่ได้ อีกทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายการตรวจสอบของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่า การที่รัฐบาลไม่ยอมดำเนินการใดๆ เรื่องนี้ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับประเทศ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะต้องการนำประเด็นเรื่องรถไฟหยุดให้บริการประชาชนมากลบกระแสดังกล่าว เนื่องจากความคืบหน้าเรื่องการติดตามตัวผู้ปล่อยข่าวยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ตนอยากฝากให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยดูแลกวดขันเรื่องการออกอากาศของวิทยุชุมชน เนื่องจากได้ประสบกับตนเองว่า ดีเจที่ดำเนินรายการ มีการพูดพาดพิง และปล่อยข่าวลืออัปมงคลที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเรื่องนี้ นายสาทิตย์ ในฐานะที่กำกับดูแลสื่อ ควรตรวจสอบและจัดการให้เด็ดขาด เนื่องจากถือเป็นสื่ออีกแขนงที่มีเป้าหมายเพื่อมุ่งโจมตีสถาบัน
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า ในวันนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำโดย นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการคณะกรรมาธิการ ได้ออกมาแถลงข่าวหลังจากที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้ออกเปิดเผยถึงอักษรย่อที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวเรื่องทุบหุ้น โดยทางคณะกรรมาธิการได้หารือกันแล้ว เห็นว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13-14 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีขบวนการ “ยย.และ วช.” ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้ที่คนในตลาดหลักทรัพย์รู้จักดี มีส่วนร่วมรู้เห็นในการปล่อยข่าวดังกล่าว เพื่อปั่นหุ้น ทำลายความมั่นคงของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า นายคำนูณ ยังระบุอีกว่า การกระทำดังกล่าว มี 3 ขบวนการหลักร่วมมือกัน คือ 1.ฝ่ายเครือข่ายญาติของอดีตผู้นำประเทศ 2.ฝ่ายเครือข่ายญาตินักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นนักลงทุนกลุ่มใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และ 3.ฝ่ายเครือข่ายกลุ่มเดือนตุลาที่บ่อนทำลายสถาบัน ซึ่งมีตัวการสำคัญบางคนร่วมอยู่ใน 2 ขบวนการแรก สำหรับอักษรย่อ “ยย.” และ “วช.” ล้วนเกี่ยวพันกับทั้ง 3 ขบวนการ โดยขณะนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในประเทศไทย ส่วนเป้าหมายของขบวนการดังกล่าว ต้องการทำลายสถาบัน และหาเงินทุนเพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงปลายปีนี้
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์การปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ โดยมีกระบวนการปล่อยข่าวอัปรีย์ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งเรื่องนี้ดูไม่ยากใครก็รู้ว่าฝ่ายใดเกี่ยวพันกับเรื่องนี้บ้าง แต่คนที่ผู้นำประเทศกลับไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงหลังเกิดเหตุการณ์น่าจะเข้าแก้ไขปัญหาทันควัน กลับได้แต่บอกว่าต้องรอข้อมูลก่อน การกระทำดังกล่าวทำให้เห็นว่า รัฐบาลแกล้งหูหนวกตาบอด เพราะคนในพรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนร่วมรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ จะต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต เนื่องจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลในฐานะผู้บริหารต้องรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ขอข้อมูลจากฝ่ายอื่น โดยที่ตัวเองไม่ยอมทำอะไรเลย
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการปล่อยข่าวดังกล่าว นอกจากต้องการดิสเครดิตรัฐบาลแล้ว ยังมีจุดประสงค์เพื่อทำให้บ้านเมืองระส่ำระส่าย ต้องการทำให้มองว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และบริหารประเทศได้ โดยคน 3 กลุ่มนี้ มีพฤติกรรมเช่นนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเล่นการเมืองอยู่ในประเทศไทย คนพวกนี้ก็หาเงินด้วยวิธีนี้มาตลอด คนเหล่านี้ต้องการแสดงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า พร้อมจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความจงรักภักดีในตัวอดีตผู้นำ อีกทั้งเมื่อก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยใช้เงินทุนตัวเองในการเล่นการเมือง เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือเอาเงินส่วนรวมมาเล่นการเมือง
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น คนเป็นนายกรัฐมนตรีควรเรียกทุกฝ่ายมาหารือ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น จะได้ตัดสินใจแก้ได้ทันท่วงที ไม่ใช่ดีแต่ออกมาบอกว่าขอดูข้อมูล หรือไม่อยากแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญมากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับประเทศ มีการโยงสถาบันเบื้องสูงด้วยการปล่อยข่าวลืออัปมงคล เพื่อหวังสร้างความปั่นป่วนในตลาดหุ้นไทย
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ด้าน นายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโสที่เชี่ยวชาญในเรื่องหุ้น ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา ผู้บริหารและคนใน ก.ล.ต.เป็นฝ่ายเชื้อเชิญนักพนันหุ้นให้เข้ามาปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ตลอดเวลา โดยไม่เคยสนใจเรื่องข่าวลือต่างๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ข่าวลืออัปมงคลเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง จึงทำให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทางรัฐบาล หรือ ก.ล.ต.น่าจะออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้ว จึงค่อยออกมาแถลงข่าว มิหนำซ้ำยังปล่อยให้การทุบหุ้นถึงหลายครั้งในตลอดทั้ง 2 วัน ตนถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม คือ ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น มองแค่เรื่องตัวเลขบนกระดานหุ้นอย่างเดียว หรือไม่ก็สนใจแค่วิธีไหนจะช่วยดันดัชนีหุ้นให้สูงได้ แต่พอเกิดข่าวลือไม่ดี ก็จับมือใครดมไม่ได้เหมือนเดิม
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า เวลาที่นักการเมืองต้องการหาเงินใช้ทำกิจกรรมทางการเมือง ก็จะใช้วิธีการปล่อยข่าว แต่คราวนี้เล่นสร้างมูลค้าให้ตัวเองด้วยวิธีแรงๆ โดยเอาสถาบันที่คนไทยเคารพรักมาดูหมิ่น มีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเบื้องสูง ซึ่งตนบอกได้เลยว่า หนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้และมีศักดิ์เป็นน้องชายของอดีตผู้นำประเทศ เดิมเคยเป็นคนมีหนี้สิ้นท่วมตัว แต่พอญาติพี่น้องตนได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในบ้านเมือง คนๆ นี้กลับแทบไม่ต้องใช้หนี้ คนๆ นี้ ได้รับการสนับสนุนจากพี่ชายมาตลอด จนมาถึงการลงมือในเหตุการณ์การปั่นหุ้นครั้งนี้
“มีเซียนหุ้นมาวิจารณ์การปั่นหุ้นครั้งนี้ให้ผมฟัง เขาบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือคนลงมือแค่ 70% ส่วนอีก 30% เป็นโชคช่วย เหมือนครั้งที่คนพวกนี้เคยไปใช้วิธีลัดซื้อหุ้น ปตท. จนร่ำรวยถึง 700 ล้านบาท คนพวกนี้หาเงินด้วยวิธีง่ายๆ แล้วเอามาใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีการใช้อำนาจทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากกว่าคนอื่นด้วย” นายชัชวาลย์ กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า แท้จริงแล้วการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ก็เปรียบเสมือนกับการเล่นการพนันที่ถูกกฎหมาย แต่ขณะนี้ เริ่มมีกระบวนการปล่อยข่าวลือใหม่ เพื่อมากลบกระแสการบริหารงานโดยมิชอบของรัฐบาล นั่นคือ การทำประเด็นเรื่องรถไฟหยุดให้บริการประชาชนขึ้นมาพูดถึง ซึ่งหลายฝ่ายมีการพุ่งเป้าโจมตีไปว่า สหภาพแรงงานการรถไฟฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปล่อยลอยแพประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อน
นายประพันธ์ กล่าวกรณีนี้ ว่า เหตุที่รัฐบาลพยายามเอาหูทวนลมเรื่องทุบหุ้น มีหลายฝ่ายสงสัยว่าต้องการเอาประเด็นเรื่องสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ขึ้นมากลบกระแส ตนถือว่า เป็นการซ้อนข่าวขึ้นมา เพื่อเบี่ยงความสนใจของสังคม ไม่หนำซ้ำ ยังมีการโยงว่าพรรคการเมืองใหม่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ด้วย ซึ่งตนอยากชี้แจงว่า ทางพรรคการเมือง หากจะมีการเคลื่อนไหวอะไร ต้องกระทำอย่างเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องเป็นอีแอบเหมือนฝ่ายที่สุ่มปล่อยข่าว โดยจะเห็นได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลาที่พรรคมีมติจะกระทำการอันใด ต้องมีการแถลงข่าวให้สาธารณชนทราบอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่ 4.6 ตร.กม.
น.ส.วรรษมน กล่าวเสริมว่า วันนี้ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาแก้ข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุบหุ้น โดยเห็นด้วยกับคำพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นผู้ที่ไม่รักชาติ สำหรับที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ออกมาพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ทาง นายนพดล บอกว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เล่นหุ้นนานแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า เจ้านายตัวเองไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน
ช่วงต่อมา มีการพูดคุยถึงประเด็นสืบเนื่องกัน คือ กรณีที่สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังจากตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการปล่อยลอยแพผู้โดยสาร จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน โดย น.ส.วรรษมน กล่าวประเด็นนี้ ว่า วันนี้ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการปล่อยข่าวบิดเบือนความจริง เพื่อใส่ร้ายให้ประชาชนเกลียดชังสหภาพแรงงานการรถไฟฯ เพราะความจริงที่ผ่านมา ไม่เคยมีมติจะปล่อยลอยแพประชาชน หรือปิดล้อมสถานีหัวลำโพงเหมือนที่เป็นข่าว โดยขอยืนยันว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นความต้องการให้ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมรถไฟ ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมให้บริการประชาชน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ไม่ต้องการให้มีการเหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยเหมือนที่หัวหินอีก ที่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟตกราง
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายสาวิทย์ ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึงงบประมาณ 100 ล้านบาท และระยะเวลาในการซ่อมบำรุงรถไฟ 1 เดือน หากฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท. พร้อมทำการข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า การที่พนักงานรถไฟ มีการลาหยุดงาน เพื่อแสดงความต้องการว่าประท้วงการทำหน้าที่ของฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ที่เคยเรียกร้องให้มีการซ่อมแซมหัวรถจักรกว่า 140 หัว ซึ่งไม่พร้อมให้บริการประชาชน แต่ทางฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.กลับนิ่งเฉย ไม่ยอมทำอะไร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางสหภาพแรงงานการรถไฟฯ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการเคลื่อนไหว เพราะต้องการมีหลักประกันในการทำงาน แต่ทางฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท. กลับสร้างเรื่อง ด้วยการให้สั่งให้นายสถานีบางแห่ง ทำการหยุดการวิ่งขบวนรถ แล้วขนถ่ายผู้คนลง เพื่อป้ายสีว่าพนักงานขับรถไฟไม่ยอมทำหน้าที่ เนื่องจากต้องการประท้วง โดยเหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวว่า จะเห็นได้ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหม่แต่อย่างใด ตนถือว่าคนที่ปล่อยข่าวเป็นพวกไม่รู้ข้อมูล ต้องการโยนความผิดให้ผู้อื่น
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า เมื่อวานที่ นายสาวิทย์ มาออกรายการเคาะข่าวริมโขง ก็ได้นำเอกสารมายืนยันว่า พนักงานขับรถไฟขบวนดังกล่าวมาถึงสถานีแล้ว แต่ทางนายสถานีสั่งให้หยุดรถ และออกอุบายให้ไปฟัง พอพนักงานคนดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง ก็พบว่ามีการขนถ่ายคนลงจากขบวนรถไฟหมดแล้ว ส่วนทางด้านสื่อมวลชนก็หลงประเด็น นำเสนอข่าวโทษสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ว่า อยู่เบื้องหลังพนักงานขับรถปล่อยลอยแพประชาชน
นายชัชวาลย์ กล่าวปิดท้ายประเด็นนี้ว่า การปล่อยข่าวทำลายความชอบธรรมสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ถือเป็นกระบวนการกลบข่าวเรื่องทุบหุ้น เพราะที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหรือแนวโน้มว่า ทางสหภาพแรงงานการรถไฟฯ จะไปปิดหัวลำโพงแต่อย่างใด โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการให้ข่าวของฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ที่พยายามใส่ร้ายให้คนเกลียดชังสหภาพแรงงานการรถไฟฯ เพื่อปูทางให้มีการแปรรูปองค์กร ซึ่งเท่าที่ตนทราบมา ขณะนี้มีแนวโน้มว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความจริง เพราะมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ เป็นการเปิดทางให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลกิจการของการรถไฟฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 19 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยได้มีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีข่าวลืออัปรีย์ที่สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันเบื้องสูง และตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ยังมีกรณี สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังจากตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการปล่อยลอยแพผู้โดยสาร จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน เริ่มต้นรายการ น.ส.วรรษมน กล่าวถึงกรณีข่าวลืออัปรีย์ที่สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันเบื้องสูงและตลาดหุ้นไทย โดย นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า ความคืบหน้าวันนี้ เรื่องดังกล่าว รัฐบาลยังคงหาตัวผู้ปล่อยข่าวลือไม่ได้ อีกทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายการตรวจสอบของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่า การที่รัฐบาลไม่ยอมดำเนินการใดๆ เรื่องนี้ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับประเทศ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะต้องการนำประเด็นเรื่องรถไฟหยุดให้บริการประชาชนมากลบกระแสดังกล่าว เนื่องจากความคืบหน้าเรื่องการติดตามตัวผู้ปล่อยข่าวยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ตนอยากฝากให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยดูแลกวดขันเรื่องการออกอากาศของวิทยุชุมชน เนื่องจากได้ประสบกับตนเองว่า ดีเจที่ดำเนินรายการ มีการพูดพาดพิง และปล่อยข่าวลืออัปมงคลที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเรื่องนี้ นายสาทิตย์ ในฐานะที่กำกับดูแลสื่อ ควรตรวจสอบและจัดการให้เด็ดขาด เนื่องจากถือเป็นสื่ออีกแขนงที่มีเป้าหมายเพื่อมุ่งโจมตีสถาบัน
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า ในวันนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำโดย นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการคณะกรรมาธิการ ได้ออกมาแถลงข่าวหลังจากที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้ออกเปิดเผยถึงอักษรย่อที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวเรื่องทุบหุ้น โดยทางคณะกรรมาธิการได้หารือกันแล้ว เห็นว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13-14 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีขบวนการ “ยย.และ วช.” ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้ที่คนในตลาดหลักทรัพย์รู้จักดี มีส่วนร่วมรู้เห็นในการปล่อยข่าวดังกล่าว เพื่อปั่นหุ้น ทำลายความมั่นคงของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า นายคำนูณ ยังระบุอีกว่า การกระทำดังกล่าว มี 3 ขบวนการหลักร่วมมือกัน คือ 1.ฝ่ายเครือข่ายญาติของอดีตผู้นำประเทศ 2.ฝ่ายเครือข่ายญาตินักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นนักลงทุนกลุ่มใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และ 3.ฝ่ายเครือข่ายกลุ่มเดือนตุลาที่บ่อนทำลายสถาบัน ซึ่งมีตัวการสำคัญบางคนร่วมอยู่ใน 2 ขบวนการแรก สำหรับอักษรย่อ “ยย.” และ “วช.” ล้วนเกี่ยวพันกับทั้ง 3 ขบวนการ โดยขณะนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในประเทศไทย ส่วนเป้าหมายของขบวนการดังกล่าว ต้องการทำลายสถาบัน และหาเงินทุนเพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงปลายปีนี้
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์การปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ โดยมีกระบวนการปล่อยข่าวอัปรีย์ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งเรื่องนี้ดูไม่ยากใครก็รู้ว่าฝ่ายใดเกี่ยวพันกับเรื่องนี้บ้าง แต่คนที่ผู้นำประเทศกลับไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงหลังเกิดเหตุการณ์น่าจะเข้าแก้ไขปัญหาทันควัน กลับได้แต่บอกว่าต้องรอข้อมูลก่อน การกระทำดังกล่าวทำให้เห็นว่า รัฐบาลแกล้งหูหนวกตาบอด เพราะคนในพรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนร่วมรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ จะต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต เนื่องจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลในฐานะผู้บริหารต้องรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ขอข้อมูลจากฝ่ายอื่น โดยที่ตัวเองไม่ยอมทำอะไรเลย
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการปล่อยข่าวดังกล่าว นอกจากต้องการดิสเครดิตรัฐบาลแล้ว ยังมีจุดประสงค์เพื่อทำให้บ้านเมืองระส่ำระส่าย ต้องการทำให้มองว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และบริหารประเทศได้ โดยคน 3 กลุ่มนี้ มีพฤติกรรมเช่นนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเล่นการเมืองอยู่ในประเทศไทย คนพวกนี้ก็หาเงินด้วยวิธีนี้มาตลอด คนเหล่านี้ต้องการแสดงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า พร้อมจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความจงรักภักดีในตัวอดีตผู้นำ อีกทั้งเมื่อก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยใช้เงินทุนตัวเองในการเล่นการเมือง เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือเอาเงินส่วนรวมมาเล่นการเมือง
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น คนเป็นนายกรัฐมนตรีควรเรียกทุกฝ่ายมาหารือ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น จะได้ตัดสินใจแก้ได้ทันท่วงที ไม่ใช่ดีแต่ออกมาบอกว่าขอดูข้อมูล หรือไม่อยากแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญมากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับประเทศ มีการโยงสถาบันเบื้องสูงด้วยการปล่อยข่าวลืออัปมงคล เพื่อหวังสร้างความปั่นป่วนในตลาดหุ้นไทย
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ด้าน นายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโสที่เชี่ยวชาญในเรื่องหุ้น ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา ผู้บริหารและคนใน ก.ล.ต.เป็นฝ่ายเชื้อเชิญนักพนันหุ้นให้เข้ามาปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ตลอดเวลา โดยไม่เคยสนใจเรื่องข่าวลือต่างๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ข่าวลืออัปมงคลเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง จึงทำให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทางรัฐบาล หรือ ก.ล.ต.น่าจะออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้ว จึงค่อยออกมาแถลงข่าว มิหนำซ้ำยังปล่อยให้การทุบหุ้นถึงหลายครั้งในตลอดทั้ง 2 วัน ตนถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม คือ ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น มองแค่เรื่องตัวเลขบนกระดานหุ้นอย่างเดียว หรือไม่ก็สนใจแค่วิธีไหนจะช่วยดันดัชนีหุ้นให้สูงได้ แต่พอเกิดข่าวลือไม่ดี ก็จับมือใครดมไม่ได้เหมือนเดิม
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า เวลาที่นักการเมืองต้องการหาเงินใช้ทำกิจกรรมทางการเมือง ก็จะใช้วิธีการปล่อยข่าว แต่คราวนี้เล่นสร้างมูลค้าให้ตัวเองด้วยวิธีแรงๆ โดยเอาสถาบันที่คนไทยเคารพรักมาดูหมิ่น มีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเบื้องสูง ซึ่งตนบอกได้เลยว่า หนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้และมีศักดิ์เป็นน้องชายของอดีตผู้นำประเทศ เดิมเคยเป็นคนมีหนี้สิ้นท่วมตัว แต่พอญาติพี่น้องตนได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในบ้านเมือง คนๆ นี้กลับแทบไม่ต้องใช้หนี้ คนๆ นี้ ได้รับการสนับสนุนจากพี่ชายมาตลอด จนมาถึงการลงมือในเหตุการณ์การปั่นหุ้นครั้งนี้
“มีเซียนหุ้นมาวิจารณ์การปั่นหุ้นครั้งนี้ให้ผมฟัง เขาบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือคนลงมือแค่ 70% ส่วนอีก 30% เป็นโชคช่วย เหมือนครั้งที่คนพวกนี้เคยไปใช้วิธีลัดซื้อหุ้น ปตท. จนร่ำรวยถึง 700 ล้านบาท คนพวกนี้หาเงินด้วยวิธีง่ายๆ แล้วเอามาใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีการใช้อำนาจทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากกว่าคนอื่นด้วย” นายชัชวาลย์ กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า แท้จริงแล้วการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ก็เปรียบเสมือนกับการเล่นการพนันที่ถูกกฎหมาย แต่ขณะนี้ เริ่มมีกระบวนการปล่อยข่าวลือใหม่ เพื่อมากลบกระแสการบริหารงานโดยมิชอบของรัฐบาล นั่นคือ การทำประเด็นเรื่องรถไฟหยุดให้บริการประชาชนขึ้นมาพูดถึง ซึ่งหลายฝ่ายมีการพุ่งเป้าโจมตีไปว่า สหภาพแรงงานการรถไฟฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปล่อยลอยแพประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อน
นายประพันธ์ กล่าวกรณีนี้ ว่า เหตุที่รัฐบาลพยายามเอาหูทวนลมเรื่องทุบหุ้น มีหลายฝ่ายสงสัยว่าต้องการเอาประเด็นเรื่องสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ขึ้นมากลบกระแส ตนถือว่า เป็นการซ้อนข่าวขึ้นมา เพื่อเบี่ยงความสนใจของสังคม ไม่หนำซ้ำ ยังมีการโยงว่าพรรคการเมืองใหม่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ด้วย ซึ่งตนอยากชี้แจงว่า ทางพรรคการเมือง หากจะมีการเคลื่อนไหวอะไร ต้องกระทำอย่างเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องเป็นอีแอบเหมือนฝ่ายที่สุ่มปล่อยข่าว โดยจะเห็นได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลาที่พรรคมีมติจะกระทำการอันใด ต้องมีการแถลงข่าวให้สาธารณชนทราบอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่ 4.6 ตร.กม.
น.ส.วรรษมน กล่าวเสริมว่า วันนี้ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาแก้ข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุบหุ้น โดยเห็นด้วยกับคำพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นผู้ที่ไม่รักชาติ สำหรับที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ออกมาพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ทาง นายนพดล บอกว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เล่นหุ้นนานแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า เจ้านายตัวเองไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน
ช่วงต่อมา มีการพูดคุยถึงประเด็นสืบเนื่องกัน คือ กรณีที่สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังจากตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการปล่อยลอยแพผู้โดยสาร จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน โดย น.ส.วรรษมน กล่าวประเด็นนี้ ว่า วันนี้ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการปล่อยข่าวบิดเบือนความจริง เพื่อใส่ร้ายให้ประชาชนเกลียดชังสหภาพแรงงานการรถไฟฯ เพราะความจริงที่ผ่านมา ไม่เคยมีมติจะปล่อยลอยแพประชาชน หรือปิดล้อมสถานีหัวลำโพงเหมือนที่เป็นข่าว โดยขอยืนยันว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นความต้องการให้ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมรถไฟ ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมให้บริการประชาชน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง สหภาพแรงงานการรถไฟฯ ไม่ต้องการให้มีการเหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยเหมือนที่หัวหินอีก ที่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟตกราง
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายสาวิทย์ ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึงงบประมาณ 100 ล้านบาท และระยะเวลาในการซ่อมบำรุงรถไฟ 1 เดือน หากฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท. พร้อมทำการข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า การที่พนักงานรถไฟ มีการลาหยุดงาน เพื่อแสดงความต้องการว่าประท้วงการทำหน้าที่ของฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ที่เคยเรียกร้องให้มีการซ่อมแซมหัวรถจักรกว่า 140 หัว ซึ่งไม่พร้อมให้บริการประชาชน แต่ทางฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.กลับนิ่งเฉย ไม่ยอมทำอะไร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางสหภาพแรงงานการรถไฟฯ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการเคลื่อนไหว เพราะต้องการมีหลักประกันในการทำงาน แต่ทางฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท. กลับสร้างเรื่อง ด้วยการให้สั่งให้นายสถานีบางแห่ง ทำการหยุดการวิ่งขบวนรถ แล้วขนถ่ายผู้คนลง เพื่อป้ายสีว่าพนักงานขับรถไฟไม่ยอมทำหน้าที่ เนื่องจากต้องการประท้วง โดยเหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวว่า จะเห็นได้ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหม่แต่อย่างใด ตนถือว่าคนที่ปล่อยข่าวเป็นพวกไม่รู้ข้อมูล ต้องการโยนความผิดให้ผู้อื่น
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า เมื่อวานที่ นายสาวิทย์ มาออกรายการเคาะข่าวริมโขง ก็ได้นำเอกสารมายืนยันว่า พนักงานขับรถไฟขบวนดังกล่าวมาถึงสถานีแล้ว แต่ทางนายสถานีสั่งให้หยุดรถ และออกอุบายให้ไปฟัง พอพนักงานคนดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง ก็พบว่ามีการขนถ่ายคนลงจากขบวนรถไฟหมดแล้ว ส่วนทางด้านสื่อมวลชนก็หลงประเด็น นำเสนอข่าวโทษสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ว่า อยู่เบื้องหลังพนักงานขับรถปล่อยลอยแพประชาชน
นายชัชวาลย์ กล่าวปิดท้ายประเด็นนี้ว่า การปล่อยข่าวทำลายความชอบธรรมสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ถือเป็นกระบวนการกลบข่าวเรื่องทุบหุ้น เพราะที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหรือแนวโน้มว่า ทางสหภาพแรงงานการรถไฟฯ จะไปปิดหัวลำโพงแต่อย่างใด โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการให้ข่าวของฝ่ายผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ที่พยายามใส่ร้ายให้คนเกลียดชังสหภาพแรงงานการรถไฟฯ เพื่อปูทางให้มีการแปรรูปองค์กร ซึ่งเท่าที่ตนทราบมา ขณะนี้มีแนวโน้มว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความจริง เพราะมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ เป็นการเปิดทางให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลกิจการของการรถไฟฯ