เคาะข่าวริมโขง : ย้อนรอย “14 ตุลา 16” เตือนสตินักการเมือง หัดรู้จักเสียสละเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่มัวแต่คิดอยากจะแก้แต่ รธน. หรือทวงคืน รธน.ปี 40 ที่เอื้อประโยชน์ให้ "นช.แม้ว"
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพุธที่ 14 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก รวมทั้งได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานและนักการเมืองอาวุโส รวมทั้ง น.ส.ไพลิน คำศิริ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นิวยอร์ก ซึ่งถือหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ไทยในสหรัฐอเมริกา มาร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองและหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีร่วมรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ที่เหล่าปัญญาชนมาร่วมกันปลดแอกอิสรภาพทางการเมือง ด้วยการเรียกร้องประชาธิปไตย จนทำให้ประเทศเราเจริญก้าวหน้ามาถึงยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังถกเถียงกันว่า สมควรแก้ไขหรือไม่ เพราะขณะนี้ทางฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมสังฆกรรมกับรัฐบาล ดังนั้น ต้องดูท่าทีเรื่องนี้จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เริ่มต้นรายการด้วยการเปิดสกู๊ปรำลึกถึงการต่อสู้ของภาคประชาชน ที่มีพลังนิสิตนักศึกษามาเป็นตัวขับเคลื่อนจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ จนถึงปัจจุบัน นายประพันธ์ กล่าวเสริมหลังการนำเสนอสกู๊ปชิ้นนี้ ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ถือเป็นการต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญ ที่นิสิตนักศึกษาจำนวนมากออกมาเรียกร้องทางการเมือง จึงทำให้ประเทศไทยเรียนรู้และได้ใช้คำว่าประชาธิปไตย อันนำไปสู่การมีพรรคการเมืองและนักการเมือง มาเป็นบทละครสำคัญ แต่สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ บทเรียนเมื่อครั้ง 14 ตุลา 2516 ไม่ได้สอนอะไรให้นักการเมืองรุ่นหลังหรือรุ่นใหม่ ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเอง แม้แต่นักการเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์สมัยนั้น ที่ยังอยู่ในวังวนการเมืองจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรจากความสูญเสียและความเสียสละของเหล่าวีรชนที่พลีชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย ซ้ำร้ายนักการเมืองรุ่นใหม่ ยังทำตัวเป็นเบื้องล่าง รับใช้นักการเมืองรุ่นเก่า เพราะหวังบารมีจะได้ลืมตาอ้าปากในวงการเมือง โดยไม่มีอุดมการณ์ที่อยากจะช่วยเหลือประชนชน ดังนั้น ตนจึงอยากฝากให้คนรุ่นใหม่ พยายามหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่เกาะกินประเทศมานาน โดยต้องมาร่วมกันสนับสนุนคนดี ส่งคนที่มีคุณภาพเข้าทำหน้าที่ในสภา จะได้เป็นปากเป็นเสียงให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นับเป็นพลังบริสุทธิ์ที่เกิดจากการเรียกร้องของมวลชน ที่ต้องการสยบระบอบเผด็จการ และก้าวเข้าสู่คำว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งการต่อสู้ดังกล่าว แม้จะต้องแลกมาด้วยความเสียสละและความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแล้ว ยังต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งด้วย
ต่อจากนั้นช่วงต่อมา นายชัชวาลย์ กล่าวเปิดประเด็นกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยไม่ยอมสังฆกรรมร่วมกับฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากได้รับสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือจะพูดง่ายๆ คือ การสั่งล้มรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ให้ได้ โดยล่าสุด มีความเคลื่อนไหว คือ การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ในที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยต้องหันกลับมาร่วมสังฆกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยส่งเรื่องดังกล่าวให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำการยกร่างและรีบทำประชามติ เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้ออกมาระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องรีบร้อน โดยจะรอฟังคำตัดสินใจจากทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย ว่า จะเอาอย่างไรแน่ แต่มีแนวโน้มว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมร่วมสังฆกรรม ทางรัฐบาลก็อาจมีการล้มเลิกไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประพันธ์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า นอกจากความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แท้จริงแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะที่สุดแล้ว รัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะเอารัฐธรรมนูญไปใช้อย่างไร ทั้งนี้ ตนรู้สึกเห็นด้วยกับ พล.ต.สนั่น ถึงประเด็นนี้ เนื่องจากเวลานี้ชัดเจนว่า เหตุที่เรื่องนี้วุ่นวายเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นักการเมืองที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชัน จึงต้องการกลับไปใช้ กม.และแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตนเอง
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนการทำประชามติ ตนก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่รัฐต้องไปสิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ก็มีการทำประชามติมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องทำ จึงเลือกพูดประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ
จากนั้นช่วงต่อมา นายชัชวาลย์ ได้กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีที่รัฐบาลทุ่มงบจำนวนมหาศาล ในการขับเคลื่อนโครงการไทยเข้มแข็ง นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ต้องพูดตรงๆ ว่า ผลงานรัฐบาลยังไม่เข้าตาเท่าที่ควร เพราะหมดเงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่น โครงการไทยเข้มแข็ง ที่ส่อเค้าว่าจะทุจริตหลายโครงการ และก็หลายกระทรวง ตนอยากถามรัฐบาลว่า ก่อนที่จะดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง เคยหาต้นตอปัญหาที่ทำให้ประเทศไทยไม่เข้มแข็ง หรือแข็งแรงหรือไม่ เนื่องจากที่ดีควรหาต้นตอให้เจอและจัดการกับปัญหาดังกล่าว หรือไม่หากต้องการดำเนินโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ควรหาวิธีซึ่งจะทำให้เงินจำนวนดังกล่างงอกเงยได้ด้วย เวลานี้รัฐบาลต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า โครงการไทยเข้มแข็ง ประชาชนได้อะไรกลับคืนมาบ้าง และผลประโยชน์จริงๆ ตกอยู่ที่ใคร
นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมว่า ในแต่ละปี นักการเมืองจะคอร์รัปชันผลประโยชน์ของประเทศไปครั้งละ 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้มาจากการจ่ายภาษีของประชาชน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้ปัญหาคอร์รัปชันไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีระบบป้องกันการรั่วไหลของผลประโยชน์ในระดับได้มาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีการันตี ว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันคอร์รัปชันดีกว่าสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสียอีก นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ตนคิดว่าก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ จะพูดเช่นนี้ ควรดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะขนาดโครงการจัดซื้อ-จัดเช่า รถเมล์เอ็นจีวี คนเป็นถึงนายกรัฐมนตรียังไม่กล้าขวางทางพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องแค่นี้ ก็ถือว่า นายอภิสิทธิ์ หมดภาวะความเป็นผู้นำแล้ว เนื่องจากปล่อยให้คนใกล้ตัวไปเสวยสุขกอบโกยผลประโยชน์บ้านเมือง
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ปัญหาต่อไปจะอยู่ที่เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินกู้มาจากต่างประเทศ ซึ่งพอดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง เวลากระทรวงใดต้องการเสนอให้จัดทำโครงการ ก็ส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบในการอนุมัติ โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาร่วมกันในสภา ดังนั้น จึงกลายเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้มีการทุจริตแต่ละโครงการมากขึ้น ซึ่งตนอยากเตือนรัฐบาลชุดนี้ ว่า สิ่งที่ทำอยู่จะกลายเป็นหอกย้อนกลับมาทิ่มแทง ทำร้ายรัฐบาลได้ภายหลัง ถ้าหาก นายอภิสิทธิ์ ยังปล่อยคนใกล้ชิดและพรรคร่วมรัฐบาล ทำเช่นนี้ เนื่องจากจะเพิ่มความไม่พอใจและความน่าเชื่อถือของประชาชนได้
ปิดท้ายรายการด้วยการ น.ส.ไพลิน คำศิริ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นิวยอร์ก ซึ่งถือหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ไทยในสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงการต่อสู้และความตื่นตัวทางการเมืองในเหล่าพี่น้องพันธมิตรฯในต่างแดน โดย น.ส.ไพลิน กล่าวว่า ผู้คนที่นั่นตื่นตัวความเป็นประชาธิปไตย และเห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่จำเป็นในการต่อสู้ทางการเมือง โดยจะขอยืนหยัดและต่อสู้ร่วมกับพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ ต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพุธที่ 14 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก รวมทั้งได้มีการเชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานและนักการเมืองอาวุโส รวมทั้ง น.ส.ไพลิน คำศิริ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นิวยอร์ก ซึ่งถือหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ไทยในสหรัฐอเมริกา มาร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองและหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีร่วมรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ที่เหล่าปัญญาชนมาร่วมกันปลดแอกอิสรภาพทางการเมือง ด้วยการเรียกร้องประชาธิปไตย จนทำให้ประเทศเราเจริญก้าวหน้ามาถึงยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังถกเถียงกันว่า สมควรแก้ไขหรือไม่ เพราะขณะนี้ทางฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมสังฆกรรมกับรัฐบาล ดังนั้น ต้องดูท่าทีเรื่องนี้จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เริ่มต้นรายการด้วยการเปิดสกู๊ปรำลึกถึงการต่อสู้ของภาคประชาชน ที่มีพลังนิสิตนักศึกษามาเป็นตัวขับเคลื่อนจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ จนถึงปัจจุบัน นายประพันธ์ กล่าวเสริมหลังการนำเสนอสกู๊ปชิ้นนี้ ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ถือเป็นการต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญ ที่นิสิตนักศึกษาจำนวนมากออกมาเรียกร้องทางการเมือง จึงทำให้ประเทศไทยเรียนรู้และได้ใช้คำว่าประชาธิปไตย อันนำไปสู่การมีพรรคการเมืองและนักการเมือง มาเป็นบทละครสำคัญ แต่สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ บทเรียนเมื่อครั้ง 14 ตุลา 2516 ไม่ได้สอนอะไรให้นักการเมืองรุ่นหลังหรือรุ่นใหม่ ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเอง แม้แต่นักการเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์สมัยนั้น ที่ยังอยู่ในวังวนการเมืองจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรจากความสูญเสียและความเสียสละของเหล่าวีรชนที่พลีชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย ซ้ำร้ายนักการเมืองรุ่นใหม่ ยังทำตัวเป็นเบื้องล่าง รับใช้นักการเมืองรุ่นเก่า เพราะหวังบารมีจะได้ลืมตาอ้าปากในวงการเมือง โดยไม่มีอุดมการณ์ที่อยากจะช่วยเหลือประชนชน ดังนั้น ตนจึงอยากฝากให้คนรุ่นใหม่ พยายามหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่เกาะกินประเทศมานาน โดยต้องมาร่วมกันสนับสนุนคนดี ส่งคนที่มีคุณภาพเข้าทำหน้าที่ในสภา จะได้เป็นปากเป็นเสียงให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นับเป็นพลังบริสุทธิ์ที่เกิดจากการเรียกร้องของมวลชน ที่ต้องการสยบระบอบเผด็จการ และก้าวเข้าสู่คำว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งการต่อสู้ดังกล่าว แม้จะต้องแลกมาด้วยความเสียสละและความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแล้ว ยังต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งด้วย
ต่อจากนั้นช่วงต่อมา นายชัชวาลย์ กล่าวเปิดประเด็นกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยไม่ยอมสังฆกรรมร่วมกับฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากได้รับสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือจะพูดง่ายๆ คือ การสั่งล้มรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ให้ได้ โดยล่าสุด มีความเคลื่อนไหว คือ การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ในที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยต้องหันกลับมาร่วมสังฆกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยส่งเรื่องดังกล่าวให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำการยกร่างและรีบทำประชามติ เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้ออกมาระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องรีบร้อน โดยจะรอฟังคำตัดสินใจจากทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย ว่า จะเอาอย่างไรแน่ แต่มีแนวโน้มว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมร่วมสังฆกรรม ทางรัฐบาลก็อาจมีการล้มเลิกไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประพันธ์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า นอกจากความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แท้จริงแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะที่สุดแล้ว รัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะเอารัฐธรรมนูญไปใช้อย่างไร ทั้งนี้ ตนรู้สึกเห็นด้วยกับ พล.ต.สนั่น ถึงประเด็นนี้ เนื่องจากเวลานี้ชัดเจนว่า เหตุที่เรื่องนี้วุ่นวายเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นักการเมืองที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชัน จึงต้องการกลับไปใช้ กม.และแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตนเอง
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนการทำประชามติ ตนก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่รัฐต้องไปสิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ก็มีการทำประชามติมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องทำ จึงเลือกพูดประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ
จากนั้นช่วงต่อมา นายชัชวาลย์ ได้กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีที่รัฐบาลทุ่มงบจำนวนมหาศาล ในการขับเคลื่อนโครงการไทยเข้มแข็ง นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ต้องพูดตรงๆ ว่า ผลงานรัฐบาลยังไม่เข้าตาเท่าที่ควร เพราะหมดเงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่น โครงการไทยเข้มแข็ง ที่ส่อเค้าว่าจะทุจริตหลายโครงการ และก็หลายกระทรวง ตนอยากถามรัฐบาลว่า ก่อนที่จะดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง เคยหาต้นตอปัญหาที่ทำให้ประเทศไทยไม่เข้มแข็ง หรือแข็งแรงหรือไม่ เนื่องจากที่ดีควรหาต้นตอให้เจอและจัดการกับปัญหาดังกล่าว หรือไม่หากต้องการดำเนินโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ควรหาวิธีซึ่งจะทำให้เงินจำนวนดังกล่างงอกเงยได้ด้วย เวลานี้รัฐบาลต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า โครงการไทยเข้มแข็ง ประชาชนได้อะไรกลับคืนมาบ้าง และผลประโยชน์จริงๆ ตกอยู่ที่ใคร
นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมว่า ในแต่ละปี นักการเมืองจะคอร์รัปชันผลประโยชน์ของประเทศไปครั้งละ 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้มาจากการจ่ายภาษีของประชาชน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้ปัญหาคอร์รัปชันไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีระบบป้องกันการรั่วไหลของผลประโยชน์ในระดับได้มาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีการันตี ว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันคอร์รัปชันดีกว่าสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสียอีก นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ตนคิดว่าก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ จะพูดเช่นนี้ ควรดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะขนาดโครงการจัดซื้อ-จัดเช่า รถเมล์เอ็นจีวี คนเป็นถึงนายกรัฐมนตรียังไม่กล้าขวางทางพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องแค่นี้ ก็ถือว่า นายอภิสิทธิ์ หมดภาวะความเป็นผู้นำแล้ว เนื่องจากปล่อยให้คนใกล้ตัวไปเสวยสุขกอบโกยผลประโยชน์บ้านเมือง
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ปัญหาต่อไปจะอยู่ที่เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินกู้มาจากต่างประเทศ ซึ่งพอดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง เวลากระทรวงใดต้องการเสนอให้จัดทำโครงการ ก็ส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบในการอนุมัติ โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาร่วมกันในสภา ดังนั้น จึงกลายเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้มีการทุจริตแต่ละโครงการมากขึ้น ซึ่งตนอยากเตือนรัฐบาลชุดนี้ ว่า สิ่งที่ทำอยู่จะกลายเป็นหอกย้อนกลับมาทิ่มแทง ทำร้ายรัฐบาลได้ภายหลัง ถ้าหาก นายอภิสิทธิ์ ยังปล่อยคนใกล้ชิดและพรรคร่วมรัฐบาล ทำเช่นนี้ เนื่องจากจะเพิ่มความไม่พอใจและความน่าเชื่อถือของประชาชนได้
ปิดท้ายรายการด้วยการ น.ส.ไพลิน คำศิริ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นิวยอร์ก ซึ่งถือหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ไทยในสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงการต่อสู้และความตื่นตัวทางการเมืองในเหล่าพี่น้องพันธมิตรฯในต่างแดน โดย น.ส.ไพลิน กล่าวว่า ผู้คนที่นั่นตื่นตัวความเป็นประชาธิปไตย และเห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่จำเป็นในการต่อสู้ทางการเมือง โดยจะขอยืนหยัดและต่อสู้ร่วมกับพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ ต่อไป