xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : จี้ “มาร์ค” เด็ดขาดเขมร หลัง “บิ๊กทหาร” โดนหยามเกียรติ “ฉีกแผนที่ไทย” ต่อหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง : ป.ป.ช. มีมติ 6 ต่อ 3 ชี้มูลความผิด "หมัก-นพเหล่" ฐานสมรู้ร่วมคิดแอบเซ็นประเคน "พระวิหาร" ให้กัมพูชา โดยไม่ผ่านสภา ทำไทยเสียอธิปไตยให้ประเทศอื่น จี้ "อภิสิทธิ์" เด็ดขาดเขมร หลัง "ฮุนเซน" เหิมหนัก ประกาศ "ไทยเป็นศัตรู" หากรุกล้ำจะยิงทิ้งไม่เลี้ยง พร้อมหยามเกียรติทหารไทย ฉีกแผนที่ต่อหน้า

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 29 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้มีการหยิบยกกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 6 ต่อ 3 ชี้มูลความผิด นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฐานลงนามสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ตามมาตรา 290 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2551

นอกจากนี้ยังมีกรณีสืบเนื่องจากเรื่องเขาพระวิหาร ที่สำนักข่าวภาษาเขมรยอดนิยม Everyday.com.kh ตีพิมพ์ข่าว สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชื่นชม พล.อ.พล สะเรือน ที่ฉีกแผนที่บนโต๊ะเจรจาต่อหน้านายทหารระดับสูงของไทย ในระหว่างการประชุมเจรจาปัญหาชายแดนระหว่างสองฝ่าย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ต้นรายการ น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 3 ชี้มูลความผิด นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ฐานลงนามสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ตามมาตรา 290 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2551 ว่า วันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนที่มีมติชี้มูลความผิด เนื่องจากเห็นว่า ทั้งนายสมัครและนายนพดล กระทำความผิดในการมีส่วนร่วมรู้เห็นข้อเท็จจริงทุกอย่าง แต่ยังเพิกเฉย จนทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย สำหรับคณะรัฐมนตรีและข้าราชการคนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทาง ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีความผิด จึงสั่งยกคำร้องในที่สุด

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ขณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.ต่างประเทศ ทางสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวสั่งยิงคนไทยทุกคนที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่กัมพูชา รวมทั้งย้ำทุกฝ่ายว่าไม่ต้องเปิดการเจรจากับไทยในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราสาทเขาพระวิหารหรือพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบตัวปราสาท

นายประพันธ์กล่าวเสริมกรณีนี้ว่า ก่อนหน้านี้ทางการกัมพูชามีการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมาแล้ว โดยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2501 สมัยพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปกครองประเทศ หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับมาปะทุความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อเกิดกรณีข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อรัฐบาลสมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้รู้เห็นเป็นใจให้ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ณ ขณะนั้น ไปทำการเซ็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อเปิดทางให้กัมพูชานำปราสาทเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับทางยูเนสโก

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องให้วันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติ 6 ต่อ 3 ชี้มูลความผิด นายสมัครและนายนพดล ฐานลงนามสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ตามมาตรา 290 วรรค 2 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2551 ซึ่งหลังจากที่ ข่าวชี้มูลความผิดของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แพร่สะพัด ทางด้านนายนพดลพยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน มีเพียงแค่ให้เลขานุการออกมาเปิดเผยว่านายนพดลจะเปิดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) เวลา 10.00 น.ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำหรับในส่วนตัว นายสมัคร ล่าสุดทราบว่าขณะนี้อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก จำเป็นต้องถูกย้ายจากห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเข้าห้องไอซียู หลังจากป่วยเป็นโรคมะเร็งอย่างหนัก

“คณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุชัดเจนว่า เป็นสิ่งเหลือเชื่อที่นักการเมืองไทยกระทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งนายสมัครและนพดล มีส่วนร่วมรู้เห็นและยอมรับข้อตกลงของกัมพูชา จนทำให้ไทยต้องสูญเสียอธิปไตยให้แก่ประเทศอื่น ส่วนทางสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็กลับได้ประโยชน์เรื่องนี้เต็มๆ เพราะก่อนหน้านี้ มีการนำประเด็นขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก เพื่อเป็นยุทธาศาตร์สำคัญในการใช้หาคะแนนเสียง ซึ่งก็ทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน สืบทอดอำนาจได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เวลานี้กัมพูชาเปิดฉากชัดเจนแล้วว่าไทยเป็นศัตรู แต่รัฐบาลภายใต้การนำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดีแต่พูดว่าไทยยังไม่เสียดินแดน ตนอยากให้รัฐบาลชุดนี้ นำบทเรียนจากการเห็นการกระทำของนายสมัครและนายนพดล มาแก้ไขจุดบกพร่องและออกมาปกป้องอธิปไตยประเทศตนเอง ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ นายอภิสิทธิ์ จะแสดงภาวะความเป็นผู้นำประเทศที่กล้าตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง

นายชัชวาลย์กล่าวเสริมกรณีนี้ว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน มองว่าขณะนี้ฝ่ายไทยกลัวสงคราม รัฐบาลจึงแสดงท่าทีใช้หลักการเจรจา มากกว่าใช้กำลังทหาร ซึ่งบุคคลสำคัญระดับประเทศของไทย ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือจะเป็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ต่างออกมายืนยันว่าหลักการเจรจาจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่ในเมื่อ สมเด็จฯ ฮุนเซน ออกมาประกาศกร้าวชัดเจนว่า จะไม่เปิดการเจรจากับไทยแล้ว ทั้งยังระบุว่า หากไทยยังตีรวนจะฉีกแผนที่ทุกฉบับอย่างไม่ไว้หน้า นายอภิสิทธิ์ ทำให้ตนไม่เข้าใจว่า ในเมื่อทางกัมพูชา แสดงท่าทีเช่นนี้แล้ว เหตุใดรัฐบาลไทยถึงยังมองว่าการเจรจาเป็นวิธีที่ดีที่สุด หรือว่าการที่ไม่ยอมทำอะไร เพราะไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก แต่กลับห่วงเรื่องผลประโยชน์ในกัมพูชา ที่มีนักการเมืองไทยหลายคน เดินทางไปแสวงหา เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ จึงไม่ได้สนใจเรื่องเสียอธิปไตยเท่าที่ควร

“แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะไม่ได้เป็นฝ่ายยกเขาพระวิหารให้เขมร แต่ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลสมัย นายสมัคร มากนัก เพราะไม่ได้ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ ยกอธิปไตยให้เขมร และชอบละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมดำเนินการขับไล่ผู้บุกรุก ซึ่งนักการเมืองไทยถือว่าเป็นตัวดี ที่ชอบเป็นไส้ศึกให้กัมพูชา ส่วนทางรัฐบาลก็ออกมาพูดเหมือนเดิมว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหากดูแนวสันปันน้ำ จะรู้ทันทีว่าเป็นดินแดนของไทย หรือการเพิกเฉยเป็นเพราะแกล้งโง่ จึงปล่อยให้กัมพูชาทำเช่นนี้” นายชัชวาลย์กล่าว

น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีสำนักข่าวภาษาเขมรยอดนิยม Everyday.com.kh ตีพิมพ์ข่าว สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชื่นชม พล.อ.พล สะเรือน ที่ฉีกแผนที่บนโต๊ะเจรจา ในระหว่างการเจรจาปัญหาชายแดนระหว่างสองฝ่าย โดยขณะนั้น เป็นการฉีกแผนที่ต่อหน้านายทหารระดับสูงของไทย ที่นำคณะเดินทางไปเจรจา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังระบุอีกว่า หาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ยังนำแผนที่จัดทำขึ้นเองมาเจรจา จะฉีกแผนที่ต่อหน้าไม่เกรงใจ

“จากการสืบค้นข้อมูล ทำให้ทราบว่า พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. เป็นผู้นำคณะเดินทางไปเจรจากับทางกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยการนำเสนอของ ทางสำนักข่าวภาษาเขมรยอดนิยม Everyday.com.kh ได้สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศไทย เพราะอ้างว่า พล.อ.พล สะเรือน ได้ฉีกแผนที่ต่อหน้านายทหารระดับสูง ซึ่งถือเป็นการหยามเกียรติ จะด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่สมควรกระทำ” น.ส.อัญชะลี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น