xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : “ทนายสุวัตร” แฉปมถูกสั่งเก็บ เพราะปัดรับเงิน 2,500 ล้าน เลิกทำคดีพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ทนายสุวัตร" แฉ ถูกกลุ่มบงการยิง "สนธิ" ข่มขู่เอาชีวิต ส่งคำเตือนให้ระวังตัว หลังปฏิเสธรับเงินก้อนโต 2,500 ล้านบาท แลกกับเลิกว่าความพันธมิตรฯ ยัน ทำหน้าที่ต่อ ไม่หวั่นความตาย ขอยืนเพื่อความถูกต้อง ติง "อภิสิทธิ์" ปากยึดหลักนิติรัฐ แต่ปล่อยให้ฆ่าคนเป็นผักปลา ชี้ คดี "สนธิ" ไม่คืบ เพราะคนยิงซุกหัวค่ายทหาร ไม่มีใครกล้าออกหมายจับ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 28 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรักและนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญนางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 พร้อมทั้ง นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว.ยโสธร มาร่วมพูดคุยถึงข่าวสารบ้านเมืองที่น่าสนใจ เพื่อเติมปัญญาให้แก่พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะกรณี นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ ถูกข่มขู่หมายเอาชีวิต

เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี ต่อสายสัมภาษณ์สด นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ ที่ถูกข่มขู่หมายเอาชีวิต โดยนายสุวัตรกล่าวว่า ตนถูกข่มขู่จริง โดยก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ออฟฟิศ (บ้านพระอาทิตย์) ก็มีคนแอบมาถ่ายรูป และส่งข้อความมาข่มขู่ทำนองว่า รู้ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหนตลอด ซึ่งตนก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จนมาล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมามีการวางแผนจะดักยิงตน โดยมีคนโทร.มาเตือนให้ระวังตัวตน ก็รู้สึกว่าคนเราเกิดมายังไงก็ต้องตายเหมือนกัน ตอนนี้ก็แก่แล้ว แต่ถ้าหากจะยิงจริงขอให้ออกมาเปิดเผยเลยว่าใครเป็นคนสั่ง

นายสุวัตรกล่าวต่อว่า กลุ่มคนที่วางแผนจะยิงตนเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงนายสนธิ ลิ้มทอง แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยจนถึงขณะนี้ก็ยังมีความพยายามจะยิงนายสนธิ ทำให้ตนแนะนำว่าควรจะไปรักษาตัวที่ต่างประเทศสักพัก ดังนั้น เป้าหมายการลอบสังหารจึงพุ่งเป้ามาที่ตนแทน เนื่องจากตนกุมความลับไว้หลายอย่าง อีกทั้งมีการเสนอเงินก้อนโตก็ปฏิเสธไป ทำให้ไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าการสั่งเก็บ ซึ่งเวลานี้ตนก็ยังทำหน้าที่ทนายตามปกติ ไม่ได้หวั่นไหวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเดินหน้าทำคดีความให้แก่พันธมิตรฯ ที่มีทั้งหมด 64 คดี ซึ่งขณะนี้แทบจะยกฟ้องเกือบหมดแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของคดีความระหว่างฝ่ายพันธมิตรฯ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้ศาลสั่งยกคำฟ้องไปแล้ว 20 คดี เนื่องจาก ศาลเชื่อว่าหนังสือมอบอำนาจที่พวกทนายลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ นำมาแสดงไม่ใช่ลายเซ็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง จึงทำให้คดีไม่มีมูล และไม่มีความน่าเชื่อถือ

“เมื่อ 2 เดือนก่อนมีคนมาเสนอเงินให้ผมครั้งแรกจำนวน 40 ล้านบาท ให้เลิกว่าความให้ฝ่ายพันธมิตรฯ ต่อมาก็ยื่นข้อเสนออีก คราวนี้ให้เงินก้อนใหญ่สูงถึง 2,500 ล้านบาท ยังมีการบอกว่า ถ้าไม่พอใจสามารถเรียกได้อีก แต่ต้องทำให้เงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดไปกลับคืนมาทั้งหมด ผมได้ฟังแล้วก็ตอบปฏิเสธไป บอกให้เท่าไหร่ก็ไม่เอา เพราะผมเป็นเพื่อนกับนายสนธิ และเห็นว่านายสนธิทำเพื่อบ้านเมือง จึงอยากฝากบอกผู้ที่อยู่เบื้องหลังการข่มขู่และลอบยิงว่า หากผมเป็นอะไรไป ยังไงก็ยังมีทนายเก่งๆ ว่าความให้พันธมิตรฯ ต่อ และขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่นี้ต่อไป” นายสุวัตร กล่าว

นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ตนอยากทวงคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บอกจะยึดหลักนิติรัฐในการบริหารประเทศ แต่ทำไมถึงปล่อยให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ รวมทั้งทนายความที่ว่าความให้พันธมิตรฯ ตามกระบวนการยุติธรรม ถูกข่มขู่ หรือจะมีการลอบยิง ซึ่งที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนายสนธิ ฝ่ายบงการจะทำไม่สำเร็จ แต่เวลานี้เมื่อเกิดการคุกคาม ทำไมถึงปล่อยให้ทำเช่นนี้ซ้ำซาก

นายสุวัตรกล่าวต่อว่า คดีลอบยิงนายสนธิ นายกรัฐมนตรีเคยรับปากว่าจะสิ้นสุดพร้อมกับเวลาเกษียณของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. ซึ่งเวลานี้ก็เหลืออีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว แต่ตนไม่เห็นจะมีความคืบหน้าอื่นๆ หรือสิ่งใดที่แสดงว่าคดีนี้จะจบลง ไม่หนำซ้ำ ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก โดยสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ก็เพราะว่า คนร้ายอยู่ในค่ายทหาร และกระสุนที่ยิง นายสนธิ ก็มาจากหน่วยฉก.90 ซึ่งแน่ชัดว่าอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ ผบ.ทบ. ฉะนั้น คิดเอาเองที่ตนบอกว่า คนสั่งยิงตนกับนายสนธิ เป็นคนเดียวกัน คนๆนั้นคือใคร

“ถ้าผมจะต้องตาย ยังไงก็ต้องตาย ไม่มีอะไรห้ามได้ เกิดมาตายครั้งเดียว การที่นายอภิสิทธิ์เคยบอกจะใช้หลักนิติรัฐ แต่ทำไมถึงปล่อยให้มีการลอบยิงนายสนธิ ทำไมปล่อยให้จะมีการยิงทนายความได้ ดังนั้น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูด อย่ามาใช้คำพูดให้ดูดีอย่างเดียว แต่ไม่ยอมทำอะไรเลย และที่บอกว่าสิ้นเดือนนี้คดีลอบยิงนายสนธิจะสิ้นสุดลง มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อคนร้ายฝังตัวอยู่ในค่ายทหาร จึงไม่มีการออกหมายจับ ทำให้บ้านเมืองตอนนี้กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน” นายสุวัตร กล่าว

นอกจากนี้ นายสุวัตรกล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบิน 2 แห่งว่า ขณะนี้ มีการทยอยส่งหมายเรียกให้แก่ฝ่ายพันธมิตรฯ โดยจะไล่ตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่ ซึ่งในวันที่ 7 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ตนจะเดินหน้าไปยืนคำร้องคดีดังกล่าว ที่สโมสรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าจะมีพี่น้องพันธมิตรฯ จำนวนมากเดินทางไปให้กำลังใจ ทั้งนี้ อยากให้จับตาดูการทำหน้าที่ของ พล.ต.ท.สมยศ เนื่องจากทราบว่ามีความสนิทสนมกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนหน้าที่ พล.ต.ท.สมยศ จะเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ทาง พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผช.ผบ.ตร. เป็นผู้เคยรับผิดชอบอยู่ แต่ภายหลังจากขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และระบุชัดเจนว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย แต่เป็นผู้ก่อการดี ทำให้ถูกถอดออกจากการทำหน้าที่คดีดังกล่าว

หลังจากจบการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ นางมาลีรัตน์กล่าวว่า ทางเอเอสทีวีควรจัดงานแถลงข่าวให้แก่นายสุวัตร เพื่อมาชี้แจงความจริงให้สังคมรับรู้ว่าเวลานี้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทั้งที่รัฐบาลเคยบอกว่าจะดูแลประเทศด้วยหลักนิติรัฐ แต่ทำไมถึงปล่อยให้สิ่งทีไม่คาดฝันเกิดขึ้นซ้ำอีก สำหรับคดีความของพันธมิตรฯ ที่ พล.ต.ท.สมยศ ดูแลอยู่ ก่อนหน้านี้ มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่าจะมีการออกหมายจับเลย ไม่มีหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ ตนฟังแล้วรู้สึกทนไม่ได้ต้องออกไปชี้แจงความจริงว่า ไม่ว่าหมายเรียกหรือหมายจับ พันธมิตรฯทำสิ่งที่ถูก ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใด

จากนั้น นายชัชวาลย์กล่าวว่า ประเด็นการเสนอเงินก้อนโตให้นายสุวัตร น่าสนใจ เพราะอีกฝ่ายทุ่มเงินสูงถึง 2,500 ล้านบาท เพื่อต้องการให้หาช่องทางกฎหมายช่วยให้ได้เงินที่ถูกยึดคืน ซึ่งตนคิดว่า ถือเป็นการเหวี่ยงแหให้ฝ่ายที่หิวเงินพยายามหาวิธีรับเงินจำนวนดังกล่าว โดยวิ่งเต้นคดีอย่างเต็มที่ ซึ่งการที่รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจ หรือทำอะไรมาก ก็อาจทำให้คนอื่นๆ คิดได้ว่ามีคนในรัฐบาลนี้บางคนพยายามจะใส่เกียร์ว่าง เน้นการเจรจากับอีกฝ่าย เพราะเสียดายผลประโยชน์ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น