เคาะข่าวริมโขง : แฉต้นตอข่าวมะเร็ง "นช.แม้ว" ที่แท้หลุดจากปากน้องสาวสุดที่รัก เพราะเคยมาคุกเข่าขอร้อง “สนธิ” หยุดขุดคุ้ยพี่ชาย จะได้กลับมารักษาตัวที่เมืองไทย ด้าน “นช.แม้ว” ร้อนตัว กลัวคนอื่นรู้เป็นโรคร้าย รีบงัดรูปเก่าโชว์สยบข่าวใส่วิกผม แต่ถูก “บุญยอด” จับได้ ท้าถ้าไม่ได้ป่วยจริง ให้ยันวันเวลาสถานที่ถ่ายรูป
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 22 กันยายน โดย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้มีการหยิบยกประเด็นข่าวที่น่าสนใจมานำเสนอให้พ่อแม่พี่น้องชาวอีสานได้รับทราบ และเติมเต็มความรู้อีกเช่นเคย สำหรับประเด็นข่าวรอบวันที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอ คือ กรณีต้นตอข่าวโรคมะเร็งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกรณี นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หลังหลุดพ้นจากคดีกล้ายางได้ให้สัมภาษณ์ว่าภารกิจต่อไปที่จะกระทำ ขอปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีต้นตอกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์เหมือนเดิมเช่นเคย โดยมีการพูดถึงหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น กรณีนายเนวิน ชิดชอบ หลุดพ้นคดีกล้ายาง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบเทียบกับตนเองว่า ขนาดนายเนวินยังหลุดคดีต่างๆ ของตนก็คงหลุดเช่นกัน นอกจากนี้ยังออกตอบโต้ กระแสข่าวลือว่าเป็นโรคร้าย โดยต่อว่าคนปล่อยข่าวว่าชอบแต่งนิยายหลอกผู้อื่น โดยอ้างว่ามีนักข่าวมาเยี่ยมที่ดูไบ รวมทั้งโชว์รูปตอนสระและตัดผม เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ผมร่วงจนหัวล้าน จากผลข้างเคียงของการทำคีโมรักษาโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ฟากฝั่ง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ออกมาตั้งข้อสงสัย 2 กรณีว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงไม่ยอมใส่เสื้อแขนสั้นออกสื่อ และผมบนศีรษะที่เห็นอยู่เป็นวิกผมจริงหรือไม่ โดยวันนี้ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โชว์รูปเซตดังกล่าว นายบุญยอดได้ออกมาตอบโต้เช่นกันว่าเป็นรูปเก่า ไม่สามารถเอามาอ้างอิงความจริงได้ รวมทั้งภาพดังกล่าวไม่ได้ระบุวันเวลา สถานที่ที่ถ่ายไว้ชัดเจน ดังนั้นเอามายืนยันไม่ได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า แท้จริงแล้ว ตนอยากกล่าวถึงต้นตอของข่าวนี้ว่าเกิดมาจากไหน โดยเริ่มเรื่องมาจากน้องสาวคนหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปคุกเข่าขอร้องพี่สาวสามีเก่า ซึ่งเป็นแม่ยกพันธมิตรฯ ให้ช่วยเป็นนายหน้าช่วยเจรจากับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขอให้หยุดขุดุคุ้ยพี่ชาย เนื่องจากขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และอยากกลับมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ เพราะหมอที่ดูไบมีแต่ชาวปากีสถาน อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเพิกถอนวีซ่าจากประเทศอังกฤษ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปรักษาตัวยังยุโรปได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า แม่ยกพันธมิตรฯ คนดังกล่าวปฏิเสธที่จะทำตามที่น้องสาวคนหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอ ดังนั้น ทางญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องจัดทีมแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิทเดินทางไปรักษาที่ดูไบ ซึ่งข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกมาอีกระลอก ตอนที่หนึ่งในภรรยาของคณะแพทย์ที่เดินทางไปรักษา พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเปิดเผยข้อมูล เรื่องดังกล่าวจึงเข้าเค้าความจริง
นอกจากข่าวความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.อัญชะลี ยังได้กล่าวถึงมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ร่วมกับอดีตคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย จัดงานสัมมนา “3 ปี...หลังปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนเสียอะไร” โดยมีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงตบเท้ามาร่วมงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งที่น่าตลกขบขันมากที่สุด เห็นจะเป็น เก้าอี้แถวหน้าสุดถูกเว้นว่างไว้หนึ่งที่นั่ง พร้อมทั้งนำรูปขนาดเท่าตัวจริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งวางไว้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า บรรดาลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยกยอปอปั้นอดีตนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา โดยเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเดิมเช่นเคยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องโฟนอินเข้ามา ซึ่งครั้งนี้เมื่อเวลา 15.30 น.ได้ต่อสายตรงมายังงานสัมมนา พร้อมทั้งระบุว่า ความจริงอยากคิดเลิกเล่นการเมืองแล้ว แต่เนื่องจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนเรียกร้องกันมากเหลือเกิน จึงขอยอมเหนื่อยอีกครั้ง จะกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้แก่คนยากจน
นายประพันธ์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า ตนคิดว่า น่าสมเพชยิ่งนัก ที่มีการนำรูป พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งวางไว้ และก็ป่าวประกาศว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยคนพวกนี้ยังมีความเชื่อมั่นว่า วันหนึ่งข้างหน้าอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งตนนับถือเสมือนบิดาจะได้กลับมายังประเทศไทย ซึ่งตนไม่ได้หลบหลู่ความเชื่อดังกล่าว เพราะเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แต่ตนอยากบอกว่า การที่พวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโจมตีถึงเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย ตนถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย และขอบอกว่า เวลานี้หากไปถามประชาชน ว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย กับบรรดานักการเมืองทาส พ.ต.ท.ทักษิณ จะเชื่อถือใครมากกว่ากัน ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมไทย ว่าสามารถเป็นทางออกให้แก่ปัญหาต่างๆ ได้ รวมทั้ง ที่ออกมาระบุว่า กระบวนการยุติธรรมไทยมีจุดด่างพร้อย ตนอยากถามว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายไหนทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่พวก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือที่เกี่ยวข้องกับคดี การนำเงิน 2 ล้านบาท ยัดใส่กล่องนมไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล นับว่าเป็นเรื่องที่ละอายเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ในรายการยังมีการหยิบยกกรณี นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หลุดพ้นจากคดีกล้ายาง หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินยกฟ้องคดีทุจริตกล้ายาง 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ที่มีอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวน 5 คน ซึ่ง นายเนวิน เป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ กรณีนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่อฟังคำตัดสินของศาลเสร็จ นายเนวิน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ต่อจากนี้ไปจะเดินหน้าปกป้องสถาบันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งตนคิดว่าความรู้สึกของ นายเนวิน ตอนนี้คงจะลำพองใจและเบาใจเป็นอย่างยิ่ง ทางฟากฝั่ง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและบรรดา ส.ส.ก็ยินดีปรีดาเรื่องนี้ เรียกได้บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่า คดีทุจริตกล้ายาง ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากคดีอื่นๆ ทั่วไป เพราะกระบวนการยุติธรรมก็ตัดสินไปตามพยานและหลักฐาน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ การทำหน้าที่ของอัยการที่ทำสำนวนสอบสวน หรือจะเป็นการทำหน้าที่ของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นสองฟากฝั่งที่ทำงานค่อนข้างจะขัดแย้งกันด้านข้อมูลอยู่ โดยในเมื่อศาลตัดสินไปแล้ว ตนไม่ขอพูดเรื่องคดีความอีก เนื่องจากจบลงไปแล้ว ดังนั้น จะขอเอ่ยถึงท่าที นายเนวิน หลังศาลยกฟ้องคดีกล่าว ว่าหลังจากนี้ จะเดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจริงๆ แล้ว คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันแต่อย่างใด เป็นเพียงการตัดสินของศาล ที่มีดุลพินิจเช่นนั้น
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงต่อไป การทำหน้าที่ของอัยการที่ทำสำนวนสอบสวน จะต้องรอบคอบมากกว่านี้ เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องการกล่าวโทษผู้อื่นก่อน แล้วค่อยหาพยานหลักฐานมาหักล้าง ดังนั้น คดีจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน อัยการจะเป็นผู้พิสูจน์ความจริงทุกอย่าง ฉะนั้น ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากยังมีอีกหลายคดีสำคัญที่มีนักการเมืองเกี่ยวพันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ซีทีเอ็กซ์-9000) หรือจะเป็นคดีหวยบนดิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามดูความคืบหน้าต่อไป แต่หวังว่า อัยการจะเดินหน้าทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่
“สิ่งที่ผมอยากบอก นายเนวิน คือ เมื่อหลุดพ้นคดีแล้ว อย่าคิดลำพองในตัวเอง ให้เร่งทำความดีในช่วงอายุที่เหลืออยู่ เพราะเวลานี้ มีข่าวออกมาทำนองว่า นายเนวิน คิดจะเป็นใหญ่ มีการสร้างขุมกำลัง ทั้งดึงตำรวจและทหาร ไปเป็นพวก ซึ่งผมอย่าเตือนอีกครั้ง ควรใช้โอกาสที่พ้นคดีกล้ายางนี้ กลับเนื้อกลับตัว เนื่องจากผมเป็นห่วงว่า หากนายเนวิน ไม่หยุดพฤติกรรมเดิม จะเป็นภัยต่อประเทศคนต่อไป โดยอาจจะเป็นทายาทอสูรต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้” นายประพันธ์ กล่าว
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า นายเนวิน ไม่ควรทำตัวเหมือนตัวเองไม่ได้ถูกลงโทษ เพราะการหลุดคดีไม่ได้หมายความว่า ที่ผ่านมากระทำถูกทั้งหมดทุกอย่าง แต่บางครั้งที่หลุดเนื่องจากหลักฐานพยานหรือสำนวนที่อัยการส่งฟ้องต่อศาลนั้นอ่อน ดังนั้น จึงสามารถหลุดพ้นออกได้ แต่อย่าได้ทำตัวลำพอง หยิ่งผยองว่าไม่มีใครเอาผิดตนเองได้ แม้นายเนวิน จะบีบน้ำตาหลังจากที่ศาลตัดสินยกฟ้อง บอกว่าอีก 2 ปี ต้นยางที่ปลูกไปจะออกน้ำยางมาช่วยเลี้ยงปากท้องให้แก่พี่น้องเกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้ คงต้องอีก 2 ปีกว่าจะได้คำตอบ แต่สิ่งที่นอกเหนือกว่านั้น คือ การที่บอกว่าจะเดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนว่ามันคนละเรื่องกัน หากนายเนวิน มีใจรักในสถาบันจริง ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจงรักภักดี อย่ามาอ้างแต่ปาก เพราะเป็นที่รู้กันดี ว่าที่ผ่านมา นายเนวิน มีพฤติกรรมเช่นใด หลายๆ ปัญหาในบ้านเมือง นายเนวิน ก็มีส่วนเข้าไปเกี่ยวพัน ไม่ว่าจะเป็นการล็อบบี้คณะกรรมการ ก.ต.ช.ให้สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ หรือจะเป็นกรณีที่สั่งการให้จัดม็อบเถื่อนไปลุยคณะผู้รักชาติที่เดินทางไปทวงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร ที่จ.ศรีสะเกษ
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า การที่ นายเนวิน ออกมาบอกจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงว่า รู้อยู่ว่าสถาบันกำลังสุ่มเสี่ยงโดนจาบจ้วง แต่ตนอยากถาม นายเนวิน กลับว่า หากไม่หลุดพ้นคดีกล้ายาง นายเนวิน จะปกป้องสถาบันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจริงหรือไม่ที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ประชาไท ที่มีการจาบจ้วงเบื้องสูงหมิ่นสถาบันมาตลอด ดังนั้น ถ้าหากเวลานี้จะปกป้องสถาบันจริง ต้องกลับใจเดินหน้าทำความดี อย่าเป็นโจรกลับใจแต่ปากเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 22 กันยายน โดย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้มีการหยิบยกประเด็นข่าวที่น่าสนใจมานำเสนอให้พ่อแม่พี่น้องชาวอีสานได้รับทราบ และเติมเต็มความรู้อีกเช่นเคย สำหรับประเด็นข่าวรอบวันที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอ คือ กรณีต้นตอข่าวโรคมะเร็งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกรณี นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หลังหลุดพ้นจากคดีกล้ายางได้ให้สัมภาษณ์ว่าภารกิจต่อไปที่จะกระทำ ขอปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีต้นตอกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์เหมือนเดิมเช่นเคย โดยมีการพูดถึงหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น กรณีนายเนวิน ชิดชอบ หลุดพ้นคดีกล้ายาง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบเทียบกับตนเองว่า ขนาดนายเนวินยังหลุดคดีต่างๆ ของตนก็คงหลุดเช่นกัน นอกจากนี้ยังออกตอบโต้ กระแสข่าวลือว่าเป็นโรคร้าย โดยต่อว่าคนปล่อยข่าวว่าชอบแต่งนิยายหลอกผู้อื่น โดยอ้างว่ามีนักข่าวมาเยี่ยมที่ดูไบ รวมทั้งโชว์รูปตอนสระและตัดผม เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ผมร่วงจนหัวล้าน จากผลข้างเคียงของการทำคีโมรักษาโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ฟากฝั่ง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ออกมาตั้งข้อสงสัย 2 กรณีว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงไม่ยอมใส่เสื้อแขนสั้นออกสื่อ และผมบนศีรษะที่เห็นอยู่เป็นวิกผมจริงหรือไม่ โดยวันนี้ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โชว์รูปเซตดังกล่าว นายบุญยอดได้ออกมาตอบโต้เช่นกันว่าเป็นรูปเก่า ไม่สามารถเอามาอ้างอิงความจริงได้ รวมทั้งภาพดังกล่าวไม่ได้ระบุวันเวลา สถานที่ที่ถ่ายไว้ชัดเจน ดังนั้นเอามายืนยันไม่ได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า แท้จริงแล้ว ตนอยากกล่าวถึงต้นตอของข่าวนี้ว่าเกิดมาจากไหน โดยเริ่มเรื่องมาจากน้องสาวคนหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปคุกเข่าขอร้องพี่สาวสามีเก่า ซึ่งเป็นแม่ยกพันธมิตรฯ ให้ช่วยเป็นนายหน้าช่วยเจรจากับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขอให้หยุดขุดุคุ้ยพี่ชาย เนื่องจากขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และอยากกลับมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ เพราะหมอที่ดูไบมีแต่ชาวปากีสถาน อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเพิกถอนวีซ่าจากประเทศอังกฤษ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปรักษาตัวยังยุโรปได้
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า แม่ยกพันธมิตรฯ คนดังกล่าวปฏิเสธที่จะทำตามที่น้องสาวคนหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอ ดังนั้น ทางญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องจัดทีมแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิทเดินทางไปรักษาที่ดูไบ ซึ่งข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกมาอีกระลอก ตอนที่หนึ่งในภรรยาของคณะแพทย์ที่เดินทางไปรักษา พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเปิดเผยข้อมูล เรื่องดังกล่าวจึงเข้าเค้าความจริง
นอกจากข่าวความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.อัญชะลี ยังได้กล่าวถึงมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ร่วมกับอดีตคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย จัดงานสัมมนา “3 ปี...หลังปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนเสียอะไร” โดยมีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงตบเท้ามาร่วมงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งที่น่าตลกขบขันมากที่สุด เห็นจะเป็น เก้าอี้แถวหน้าสุดถูกเว้นว่างไว้หนึ่งที่นั่ง พร้อมทั้งนำรูปขนาดเท่าตัวจริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งวางไว้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า บรรดาลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยกยอปอปั้นอดีตนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา โดยเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเดิมเช่นเคยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องโฟนอินเข้ามา ซึ่งครั้งนี้เมื่อเวลา 15.30 น.ได้ต่อสายตรงมายังงานสัมมนา พร้อมทั้งระบุว่า ความจริงอยากคิดเลิกเล่นการเมืองแล้ว แต่เนื่องจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนเรียกร้องกันมากเหลือเกิน จึงขอยอมเหนื่อยอีกครั้ง จะกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้แก่คนยากจน
นายประพันธ์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า ตนคิดว่า น่าสมเพชยิ่งนัก ที่มีการนำรูป พ.ต.ท.ทักษิณ มาตั้งวางไว้ และก็ป่าวประกาศว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยคนพวกนี้ยังมีความเชื่อมั่นว่า วันหนึ่งข้างหน้าอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งตนนับถือเสมือนบิดาจะได้กลับมายังประเทศไทย ซึ่งตนไม่ได้หลบหลู่ความเชื่อดังกล่าว เพราะเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แต่ตนอยากบอกว่า การที่พวกลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโจมตีถึงเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย ตนถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย และขอบอกว่า เวลานี้หากไปถามประชาชน ว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย กับบรรดานักการเมืองทาส พ.ต.ท.ทักษิณ จะเชื่อถือใครมากกว่ากัน ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมไทย ว่าสามารถเป็นทางออกให้แก่ปัญหาต่างๆ ได้ รวมทั้ง ที่ออกมาระบุว่า กระบวนการยุติธรรมไทยมีจุดด่างพร้อย ตนอยากถามว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายไหนทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่พวก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือที่เกี่ยวข้องกับคดี การนำเงิน 2 ล้านบาท ยัดใส่กล่องนมไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล นับว่าเป็นเรื่องที่ละอายเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ในรายการยังมีการหยิบยกกรณี นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย หลุดพ้นจากคดีกล้ายาง หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินยกฟ้องคดีทุจริตกล้ายาง 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ที่มีอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวน 5 คน ซึ่ง นายเนวิน เป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ กรณีนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่อฟังคำตัดสินของศาลเสร็จ นายเนวิน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ต่อจากนี้ไปจะเดินหน้าปกป้องสถาบันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งตนคิดว่าความรู้สึกของ นายเนวิน ตอนนี้คงจะลำพองใจและเบาใจเป็นอย่างยิ่ง ทางฟากฝั่ง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและบรรดา ส.ส.ก็ยินดีปรีดาเรื่องนี้ เรียกได้บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่า คดีทุจริตกล้ายาง ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากคดีอื่นๆ ทั่วไป เพราะกระบวนการยุติธรรมก็ตัดสินไปตามพยานและหลักฐาน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ การทำหน้าที่ของอัยการที่ทำสำนวนสอบสวน หรือจะเป็นการทำหน้าที่ของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นสองฟากฝั่งที่ทำงานค่อนข้างจะขัดแย้งกันด้านข้อมูลอยู่ โดยในเมื่อศาลตัดสินไปแล้ว ตนไม่ขอพูดเรื่องคดีความอีก เนื่องจากจบลงไปแล้ว ดังนั้น จะขอเอ่ยถึงท่าที นายเนวิน หลังศาลยกฟ้องคดีกล่าว ว่าหลังจากนี้ จะเดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจริงๆ แล้ว คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันแต่อย่างใด เป็นเพียงการตัดสินของศาล ที่มีดุลพินิจเช่นนั้น
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงต่อไป การทำหน้าที่ของอัยการที่ทำสำนวนสอบสวน จะต้องรอบคอบมากกว่านี้ เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องการกล่าวโทษผู้อื่นก่อน แล้วค่อยหาพยานหลักฐานมาหักล้าง ดังนั้น คดีจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน อัยการจะเป็นผู้พิสูจน์ความจริงทุกอย่าง ฉะนั้น ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากยังมีอีกหลายคดีสำคัญที่มีนักการเมืองเกี่ยวพันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ซีทีเอ็กซ์-9000) หรือจะเป็นคดีหวยบนดิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามดูความคืบหน้าต่อไป แต่หวังว่า อัยการจะเดินหน้าทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่
“สิ่งที่ผมอยากบอก นายเนวิน คือ เมื่อหลุดพ้นคดีแล้ว อย่าคิดลำพองในตัวเอง ให้เร่งทำความดีในช่วงอายุที่เหลืออยู่ เพราะเวลานี้ มีข่าวออกมาทำนองว่า นายเนวิน คิดจะเป็นใหญ่ มีการสร้างขุมกำลัง ทั้งดึงตำรวจและทหาร ไปเป็นพวก ซึ่งผมอย่าเตือนอีกครั้ง ควรใช้โอกาสที่พ้นคดีกล้ายางนี้ กลับเนื้อกลับตัว เนื่องจากผมเป็นห่วงว่า หากนายเนวิน ไม่หยุดพฤติกรรมเดิม จะเป็นภัยต่อประเทศคนต่อไป โดยอาจจะเป็นทายาทอสูรต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้” นายประพันธ์ กล่าว
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า นายเนวิน ไม่ควรทำตัวเหมือนตัวเองไม่ได้ถูกลงโทษ เพราะการหลุดคดีไม่ได้หมายความว่า ที่ผ่านมากระทำถูกทั้งหมดทุกอย่าง แต่บางครั้งที่หลุดเนื่องจากหลักฐานพยานหรือสำนวนที่อัยการส่งฟ้องต่อศาลนั้นอ่อน ดังนั้น จึงสามารถหลุดพ้นออกได้ แต่อย่าได้ทำตัวลำพอง หยิ่งผยองว่าไม่มีใครเอาผิดตนเองได้ แม้นายเนวิน จะบีบน้ำตาหลังจากที่ศาลตัดสินยกฟ้อง บอกว่าอีก 2 ปี ต้นยางที่ปลูกไปจะออกน้ำยางมาช่วยเลี้ยงปากท้องให้แก่พี่น้องเกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้ คงต้องอีก 2 ปีกว่าจะได้คำตอบ แต่สิ่งที่นอกเหนือกว่านั้น คือ การที่บอกว่าจะเดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนว่ามันคนละเรื่องกัน หากนายเนวิน มีใจรักในสถาบันจริง ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจงรักภักดี อย่ามาอ้างแต่ปาก เพราะเป็นที่รู้กันดี ว่าที่ผ่านมา นายเนวิน มีพฤติกรรมเช่นใด หลายๆ ปัญหาในบ้านเมือง นายเนวิน ก็มีส่วนเข้าไปเกี่ยวพัน ไม่ว่าจะเป็นการล็อบบี้คณะกรรมการ ก.ต.ช.ให้สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ หรือจะเป็นกรณีที่สั่งการให้จัดม็อบเถื่อนไปลุยคณะผู้รักชาติที่เดินทางไปทวงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร ที่จ.ศรีสะเกษ
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า การที่ นายเนวิน ออกมาบอกจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงว่า รู้อยู่ว่าสถาบันกำลังสุ่มเสี่ยงโดนจาบจ้วง แต่ตนอยากถาม นายเนวิน กลับว่า หากไม่หลุดพ้นคดีกล้ายาง นายเนวิน จะปกป้องสถาบันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจริงหรือไม่ที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ประชาไท ที่มีการจาบจ้วงเบื้องสูงหมิ่นสถาบันมาตลอด ดังนั้น ถ้าหากเวลานี้จะปกป้องสถาบันจริง ต้องกลับใจเดินหน้าทำความดี อย่าเป็นโจรกลับใจแต่ปากเท่านั้น