“นช.แม้ว” ยังไม่หยุดชั่ว เดินหน้าทำร้ายประเทศด้วยการโฟนอินมายังเวที “คนเสื้อแดง” หวังจะให้พากลับประเทศไปเป็นนายกฯ อีกครั้ง ส่งทั้งภาพทั้งเสียง มาอัดความชั่วร้ายปฏิวัติ อ้างเป็น 3 ปีที่ทำให้คนไทยฝันร้าย ทำลายระบอบประชาธิปไตยย่อยยับ ตีหน้าเศร้าแต่แฝงแววตาเครียดแค้น โกหกถูกกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด แสร้งขอให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพื่อส่วนรวม ยุให้จัดการเลือกตั้ง คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน เพื่อถวายเป็นโอสถทิพย์รักษาอาการประชวร “ในหลวง” ที่อยากเห็นคนไทยรักใคร่กัน
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 20.35 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินมายังเวทีคนเสื้อแดงชั่วคราว ซึ่งจัดขึ้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ร.5 ว่า วันนี้ ถือว่าครบ 3 ปีพอดี หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อปี 2549 โดยก่อนอื่นตนขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงยืนขึ้น เพื่อไว้อาลัยให้แก่นายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ที่ผูกคอตายใต้สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากขับแท็กซี่พุ่งชนรถถังของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเป็นการต่อต้านเหตุการณ์ปฏิวัติ ที่ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งในวันนี้ ภรรยานายนวมทอง ได้มาร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีคนเสื้อแดงครั้งนี้ด้วย ดังนั้น จึงขอให้ทางแกนนำคนเสื้อแดง ช่วยมอบเงินจำนวน 50,000 บาทให้ไปใช้จ่ายและแก้ปัญหาภายในครอบครัว เนื่องจากทราบว่าลำบาก เพราะขาดเสาหลักของครอบครัวไป ทั้งนี้ ตนขอยกย่องนายนวมทองว่าเป็นผู้กล้าหาญ ที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการ ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจมาก
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า ครบ 3 ปีของการปฏิวัติ คนทั้งโลกได้เคยมองไทยว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่หลังจากการเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ ทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนไป อยู่ในลักษณะถอยลงคลอง ซึ่งสิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่ ต้องการเรียกร้องให้คนทั้งประเทศเห็นว่า ที่ผ่านมามีคนพยายามจะจัดการกับตนด้วยวิธีนอกกฏหมาย เอาอาวุธร้ายแรงมาทำร้ายตน เสมือนไล่จับหนูตัวเดียว แต่ต้องเผาบ้านทั้งหลัง ทั้งที่จริงๆแล้ว แค่พูดเจรจากันก็จบ เพราะเวลานี้ ประเทศไทยถูกหลายปัญหารุมเร้า แต่ตนก็รู้สึกดีใจ ที่วันนี้ได้เห็นคนเสื้อแดงมาสู้ด้วยใจ เนื่องจากเราไม่ได้เป็นม็อบมีเส้น ไม่เหมือนที่จ.ศรีษะเกษ ซึ่งตนทราบข่าวมาว่า มีคนถูกยิงจนเบ้าตาแตก ทั้งที่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นปากบอกว่ารักชาติ แต่ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์คนไทยเข่นฆ่ากันเสียเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนอยากเชิญชวนให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่รักตน ลองหลับตานึกดูด้วยใจที่เป็นกลางว่า 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้เป็นเช่นไร สังคมมีความยุติธรรมหรือไม่ แค่คิดจะจำกัด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ์ อดีต ผบ.ตร.คนเดียว ก็ยังต้องถึงกับทำให้กรมตำรวจวุ่นวายกันไปหมด นอกจากนี้ ยังอยากให้พี่น้องคนเสื้อแดง รวมทั้งพี่น้องรากหญ้า ลองก้มมองดูเงินในกระเป๋าตัวเองว่าเวลานี้เป็นอย่างไร ลดน้อยลงหรือไม่ ทั้งหมดเกิดจากสาเหตุที่เป็นเพราะว่า ประเทศไทยกำลังถูกหลายปัญหารุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ หรือจะเป็นการท่องเที่ยวที่ซบเซา องค์กรอิสระไม่มีความเป็นกลาง กระบวนการยุติธรรมที่พึ่งไม่ได้ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการนำเสนอข่าวของสื่อ
“ศาลกล่าวหาว่าผมคอร์รัปชัน แล้วตอนนี้เป็นไง เคยกล่าวหาว่าผมไม่จงรักภักดี เคยกล่าวหาว่าผมแทรกแซงองค์กรอิสระ เคยกล่าวหาว่าผมเคยแทรกแซงสื่อ เวลานี้ก็ปล่อยให้ไอ้คนตัวเล็กๆ ไปดูแล แล้ววันนี้เป็นไง ผมอยากถามว่า 3 ปีที่ผ่านมา พอแล้วหรือยัง มีอาจารย์คนหนึ่งชอบมาพูดให้กำลังใจผม ว่า มีคนคนหนึ่งพยายามจะบอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่กลับมีคนเกลียดทั้งบ้านทั้งเมือง ผิดกับผมที่มีคนกล่าวหาว่าเป็นคนเลว แต่พี่น้องคนเสื้อแดงกลับรักผมมากขึ้นทุกวัน ดังนั้น ผมจึงต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่รักผม ทั้งๆ ที่ผมถูกกล่าวหาว่าเลว” พ.ต.ท.ทักษิณ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2544 ที่ตนได้ประกาศว่าจะลงเลือกตั้ง เพื่อเข้าสู่แวดวงทางการเมือง หลังจากที่เป็นนักธุรกิจมานาน ครั้งนั้น ตนได้ชัยชนะด้วยคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างถล่มทลาย ซึ่งจากนั้นเมื่อถึงปี 2548 ก็มีการเลือกตั้งใหม่ และเป็นเช่นเดิมที่ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 หลังจากนั้น ในปี 2549 ตนก็ถูกยึดอำนาจโดยทหารกลุ่มหนึ่งที่ทำการปฏิวัติ แล้วมาตั้งข้อหากลั่นแกล้งตนสารพัด ซ้ำยังรังแกครอบครัวชินวัตร และพี่น้องคนเสื้อแดง มีการยึดทรัพย์สินที่ตนได้มาก่อนจะที่ลงเล่นการเมือง ตนโดนกล่าวหาว่าทรัพย์สินก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีกับตอนที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วมันแตกต่างมากเกินไป ทำให้ตนรู้สึกว่า เมื่อก่อน เวลาพูดถึงคำว่าคอรัปชัน มันจะแปลว่า ต้องเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่เวลานี้ คอรัปชัน คือ การที่รัฐกำลังจะเอาเงินของตนไปกระเป๋า
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า พี่น้องเสื้อแดงรู้หรือไม่ว่า ช่วงจะมีการปฏิวัติเกิดอะไรขึ้นกับตน ตอนนี้ตนเดินทางไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เช่นเดียวกับที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปทำหน้าที่เวลานี้ โดยวันนี้ตนจะขอย้อนรำลึกนึกถึงเหตุการณ์วันที่ปฏิวัติว่า มีคนโทรมาบอกตนว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ตนจึงได้พยายามจะประกาศใช้พระราชบัญญัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อกอบกู้สถานการณ์ โดยได้มีโอกาสออกคำประกาศที่โทรทัศน์ช่อง 9 แต่ยังไม่ทันจบ ก็ถูกยึดอำนาจด้วยทหารกลุ่มหนึ่งเสียก่อน แต่เหตุการณ์ที่ร้ายยังไม่จบแค่นั้น มีความพยายามจะบุกไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ทำให้ตนต้องติดต่อกับครอบครัว เพื่อขอให้หลบไปหาที่อยู่ให้ปลอดภัย ซึ่งตนถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการย่ำยี่ศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำที่ครอบครัวถูกทำเช่นนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไม่สำคัญเท่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ที่ผ่านมาผมพยายามจะพูดคุยกับทางรัฐบาลชุดที่ทหารแต่งตั้งแล้ว เพื่อเปิดการเจรจา แต่หลายครั้งก็ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งคนอย่างผมยอมไม่ได้ ถ้าหากถูกกลั่นแกล้ง ไม่มียอมทาง แต่ที่สุดของที่สุด มีความพยายามจะไปกลั่นแกล้งครอบครัวผม รวมทั้งคนเสื้อแดงอีก แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณที่มาสู้เพื่อผม” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้ไหนก็ขอพูดถึงเรื่องเขาพระวิหาร ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาสั่นคลอน ซึ่งในทัศนคติของตนแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านถือเป็นมิตร น่าจะคบหาสมาคมด้วยกันได้ แต่วันนี้เมื่อปัญหาเกิดขึ้น คนที่ได้รับผลกระทบ คือ ชาวบ้านที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนที่เดือดร้อนมาก เพราะทำมาค้าขายไม่ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วในต่างประเทศ ไม่มีใครเอาปัญหาการเมืองภายในประเทศ มาเล่นเป็นการเมืองระดับประเทศ ทั้งๆ ที่พี่น้องคนเสื้อแดงก็รู้มาก่อนว่า ตนสนิทสนมกับ สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายเอาไปเป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งที่เมื่อตนสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ตนแยกแยะออกไหนเป็นเรื่องของประเทศ ไหนๆ เป็นเรื่องส่วนตัว ตอนที่มีการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา ตอนนั้นตนติดต่อประสานงานกับสมเด็จฯ ฮุนเซน เพื่อขออพยพคนไทยออกมา ซึ่งก็ทำได้ เห็นหรือไม่ว่าไทยกับกัมพูชาไม่เคยมีปัญหาต่อกัน มีการช่วยเหลือกันมาตลอด ดังนั้น ตอนนี้ทำไมไทยถึงไปมองกัมพูชาว่าเป็นศัตรู ทั้งที่เขาก็เป็นประเทศที่มีน้ำใจนักกีฬา
“ไหนก็กล่าวถึงเรื่องเขาพระวิหารแล้ว ปัญหานี้ยืดเยื้อมายาวนาน ไทยไม่เคยคัดค้านต่อแผนที่กัมพูชา ทำให้ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องเขตแดนอยู่ ดังนั้น ตอนนี้ก็ถือว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นข้อพิพาท จึงต้องมีการตกลงกัน ซึ่งผมว่าเราควรคุยกันก่อน เรื่องการรุกล้ำพื้นที่สามารถเจรจากันได้ แต่ปรากฏว่าเอาไปเป็นเรื่องระหว่างประเทศ โยงเกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายใน โดยในความเป็นจริงแล้วพูดคุยกันฉันท์มิตรได้ ทุกอย่างก็น่าจะจบ จะใช้เวลา 5 ปีหรือ 10 ปีก็ไม่เป็นไร” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า เห็นหรือไม่ว่าประเทศทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัญหา ดังนั้น ตนอยากฝากว่าให้เลิกจับหนูตัวหนึ่ง เพื่อหยุดเผาบ้านทั้งหลังได้แล้ว เพราะคนในบ้านกำลังเดือดร้อนไปหมด วันนี้ สำหรับตนแล้ว คิดว่าสามารถยิ้มได้อย่างมีความสุขมากกว่า นายอภิสิทธิ์ ที่ต้องฝืนยิ้มไปเป็นตัวแทนประเทศ ไปพูดเรื่องประชาธิปไตยบนเวทีระดับสากล ทั้งๆที่รู้ว่ารัฐบาลตนเองไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากทหาร ซึ่งตนก็ว่า นายอภิสิทธิ์ อาจจะเป็นนักพูดที่ดี แต่ต้องอย่าลืมว่า คนสมัยนี้ฉลาดกันหมดแล้ว รู้ข้อมูลเยอะ สามารถแยกแยะออก ตอนนี้ ต้องคิดว่าไทยพร้อมจะโฆษณาประเทศตัวเองหรือยัง จะเอาอะไรไปบอกประเทศต่างๆ ว่ามีอะไรดี ถ้าวันนี้ เรามาร่วมกันกวาดบ้านเมืองให้เรียบร้อยและเลิกตีกัน แล้วให้ตนกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีสัก 6 เดือน รับรองประเทศไทยจะดีขึ้นทันตาเห็น เพราะวันนี้ เกิดความขัดแย้งทางการเมืองมากมาย จนทำให้ไฟมันลุกลามไปสู่ปัญหาระดับครอบครัวและสังคม ซึ่งถ้าปล่อยไปประเทศจะไม่มีการเดินหน้า โดยต้องปล่อยให้ประเทศอยู่กับความจริง แล้วลองฟังเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศว่าต้องการอะไร
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีคนพยายามปล่อยข่าวว่า ตนเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยบอกว่าต้องเอาแพทย์โรงพยาบาลพระราม 9 ไปรักษาที่เกาะกง เพื่อทำคีโมบำบัด ซึ่งตนอยากบอกว่า ถ้าตนเป็นโรคนั้นจริง ทำไมไม่รักษาที่ดูไบ ทั้งที่มีโรงพยาบาลชั้นนำเยอะแยะ ดังนั้น ขอให้เลิกสนใจเรื่องนี้ ไปสนใจแก้ไขปัญหาให้รากหญ้าจะดีกว่า อยากให้รัฐบาลไปสอดส่องดูว่าประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร โดยสำหรับคำว่าประชาธิปไตยของตนแล้ว ต้องกินได้ด้วย เพราะมันจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดียิ่งขึ้น
“วันนี้ถ้าระบบปฏิวัติยังเกาะติดอยู่กับประเทศไทยต่อไป ประเทศคงจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตลอด 3 ปีหลังเกิดการปฏิวัติ คนเสื้อแดงต้องอดทนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เสียสละเงินทองและเวลามาร่วมชุมนุม บางคนก็ถูกมนุษย์ลึกลับในเทปเสียงรังแกข่มเหงเอา ผมจึงถามว่าบ้านเมืองเวลานี้บอบช้ำพอหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกทำลายด้วยระบบ 2 มาตรฐาน จึงทำให้คนเสื้อแดงมีการต่อสู้ที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า คำว่าประชาธิปไตย ควรจะมีกฏกติกาควบคุมคนในสังคมให้สามารถอยู่ได้อย่างสันติและสงบสุข ตนจึงอยากถามว่า ตอนนี้เราจะเลิกตีกันหรือยัง แล้วหันหน้าเข้าหากันได้หรือไม่ ไม่ใช่ดีแต่หาเรื่องซัดคนเสื้อแดง กลั่นแกล้งสารพัด นั่นถือเป็นการสร้างความแตกแยกให้มากขึ้น ในเมื่อผู้มีอำนาจในมือ ใช้อำนาจไม่เหมือนกัน มี 2 มาตรฐาน จัดการกับอีกฝ่ายด้วยความเด็ดขาด แต่อีกฝ่ายกลับใช้วิธีละมุนละหม่อม ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ตนอยากขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อความปรองดองของคนในชาติ
“เวลานี้ ผมขอร้องให้ทุกฝ่ายเลิกทิฐิ เห็นแก่ส่วนรวมมาตั้งต้นกันใหม่ ตอนนี้ ในหลวง ทรงพระพลานามัยไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้น คนไทยต้องช่วยกันถวายโอสถทิพย์ด้วยความปรองดองของคนในชาติ ถวายแด่ ในหลวง ซึ่งความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกฝ่ายอ่อนข้อเข้าหากัน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าผมหยุด ทุกฝ่ายก็ต้องหยุด ต้องมีใจเป็นธรรม ต้องมีเมตตา เพราะประเทศไทยถือเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แล้ววันนี้จะมาเอาชนะ ห่ำหั่นกันทำไม ผมไม่อยู่ประเทศไทย 3 ปีแล้ว ประเทศดีขึ้นบ้างหรือไม่ ก็แค่มีไม่กี่คนที่ไม่ชอบผมได้ความสะใจเท่านั้น” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ เพราะแม้แต่ประเทศถ้อยพัฒนาอย่างแอฟริกา เวลานี้ยังพยายามกระตุ้นตัวเอง เพื่อผลักดันให้ประเทศพัฒนา แล้วทำไมประเทศไทยถึงยังจมอยู่ที่เดิม ไม่ก้าวหน้า ตนจึงอยากเรียกร้องให้มีความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ได้อโหสิกรรมให้แก่ทุกฝ่ายแล้ว เพราะต้องการเห็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าต่อไป เวลานี้ ตนก็วุ่นวายมากกับธุรกิจใหม่ที่ลงทุนไป มีอะไรให้ทำเยอะแยะมาก ไม่ค่อยมีเวลา โดยสิ่งที่ตนทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อฆ่าเวลา รอให้คนเสื้อแดงพากลับบ้าน อยากให้ทุกฝ่ายหยุดทุกอย่างได้แล้ว เพื่อไปเริ่มต้นกันที่การเลือกตั้ง จะได้ลบคำครหาที่ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ฟื้นความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่เท่ากับประเทศไทย ฉะนั้น อย่าดูถูกคนเสื้อแดงว่ามีแต่รากหญ้า เพราะคนเสื้อแดงมาสู้เพื่อให้ได้ความเป็นประชาธิปไตย จึงขอให้มาสู้กันด้วยความจริง
“สำหรับผมยิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานๆ ก็ยิ่งฟิต ไม่เหมือนรัฐบาลชุดนี้ ที่อยู่นานแต่ไม่ได้ใช้ฝีมือ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเกิดความกลัว พอมีอะไรนิดหน่อย ก็ตื่นตูมประกาศใช้พรก.มั่นคงขู่ ทั้งๆที่คนเสื้อแดงชุมนุมกันด้วยความสงบ ทำตัวเหมือนรัฐบาลกุ้งเต้น กลัวไปหมดทุกอย่าง ผมไม่ขออะไรมาก แค่อยากให้หันหน้าเข้าหากัน และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตย เพราะฉบับเก่าได้มาจากทหาร ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกฟูมฟักมาด้วยทหารแล้วจะดีได้อย่างไร เอาง่ายๆอย่าง คดีที่ดินรัชดาฯของผม ก็มีความพยายามกลั่นแกล้งต่างๆ ซึ่งเวลานี้ ฟังแล้วรู้สึกขำ อยากจะรู้จะเอาอะไรมาเล่นงานผมอีก สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่าน แหมคนของผมนี่รักชาติจริงๆ ไหนใครบอกว่าเสื้อแดงไม่รักชาติ แล้วเจอกันที่ประเทศไทย เมื่อไหร่ไม่รู้นะครับ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวปิดท้าย