เคาะข่าวริมโขง ต่อสายถึงแม่ “น้องโบว์” เหยื่อระเบิดแก๊สน้ำตา หลัง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด “ชายจืด-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ” ฐานสั่งสลายชุมนุมพันธมิตรฯในเหตุการณ์ “7ตุลาเลือด” แม่วีรสตรีเผยยังคิดถึงลูกสาว แม้แผลที่กายจะเกือบหาย แต่แผลในใจยังคงบอบช้ำ ถามพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมเพื่อปกป้องชาติ-สถาบันกษัตริย์ แต่ทำไมถูก รบ.ใจทมิฬ ย่ำยี่ สั่งเข่นฆ่าอย่างไร้เหตุผล
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทางช่องอีสานทีวี-ทีวีเพื่อคนอีสาน วันที่ 7 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายประพันธ์ คูณมี และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้มีการหยิบยกหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจมาร่วมพูดคุย
ซึ่งช่วงแรกของรายการ น.ส.อัญชะลี ได้ต่อสายโทรศัพท์ เพื่อสัมภาษณ์ความรู้สึกของนางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ “น้องโบว์” นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ วีรสตรีพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตจากการถูกรัฐบาลทรราช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สั่งให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
โดยนางวิชชุดา เปิดใจทางโทรศัพท์ผ่านทางรายการเคาะข่าวริมโขง ว่า รู้สึกพอใจกับการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่วันนี้ได้ชี้มูลความผิดนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชนด้วยการยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ น้องโบว์ โดยความรู้สึกตอนนี้ ยังคงเหมือนปีที่แล้ว ที่ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกวันนี้ ยังคงคิดถึงน้องโบว์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังรู้สึกดีขึ้น ที่กระบวนการสอบสวนทางกฏหมายเดินหน้าไปได้บ้าง แต่ไม่เข้าใจว่า การที่พันธมิตรฯ ออกไปปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำไมถึงถูกรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งเข่นฆ่า
“จิตใจตอนนี้เหมือนปีที่แล้ว รู้สึกว่าคิดถึงลูก คิดถึงชาติ คิดถึงอนาคตของเด็กๆ ว่าต่อไปจะอยู่อย่างไร การที่พันธมิตรฯ ออกไปชุมนุมนั้น เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งขอยืนยันว่า ผู้ชุมนุมทุกคนเป็นคนรักชาติ แต่ทำไมถึงถูกรัฐบาล นายสมชาย สั่งฆ่าแบบนี้ ตอนนี้บาดแผลที่กายดีขึ้นแล้ว แม้ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาบ้าง ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่บาดแผลที่จิตใจ ยังบอบช้ำ ไม่เข้าใจว่าคนที่รักชาติ ทำไมถึงถูกกระทำเช่นนี้” นางวิชชุดา กล่าว
จากนั้น น.ส.อัญชะลี ได้กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวว่า มี 4 คนที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลในคดีนี้ คือ 1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารัฐบาล ที่เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 และมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สั่งการ และเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าสู่รัฐสภา เพื่อกล่าวนโยบาย 2.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการให้ตำรวจผลักดันผู้ชุมนุมโดยใช้วิธีการยิงแก๊สน้ำตา 3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ โดยเมื่อเกิดเหตุรุนแรงและมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นขาขาดแขนขาด แต่ไม่ได้ยับยั้ง และปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป รวมทั้งมีพยานระบุว่า เป็นผู้สั่งการให้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ และ 4.พล.ต.อ.สุชาติ เหมือนแก้ว ในฐานะอดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า บุคคลที่กล่าวมาทั้งหมด ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วว่ามีความผิด ส่วนอีก 5 คน ได้แก่ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่มีความผิด เนื่องจากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ต้องจับตาดูต่อไป เพราะอาจถูกญาติผู้เสียหายฟ้องร้องทางแพ่ง รวมถึงอาจโดนสอบวินัยความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายประพันธ์กล่าวต่อประเด็นนี้ว่า หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่พันธมิตรฯออกไปชุมนุมหน้ารัฐสภา และมีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ท่ามกลางสายตาของสื่อไทยและเทศ ที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ว่ามีผู้ชุมนุมบาดเจ็บและล้มตาย จากอนุภาพของแก๊สน้ำตา โดยหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น มีหลายๆ ฝ่ายออกไปเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทำการเกินกว่าเหตุ จนทำให้ประชาชนบริสุทธิ์ถูกทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง ซึ่งคดีนี้ พันธมิตรฯ ทุกคน เฝ้ารอคอยมานาน ว่าทาง ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดเมื่อไหร่ โดยหลังจากที่ชี้มูลความผิดแล้ว ต่อจากนี้ ขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.ต้องส่งเรื่องไปให้สำนักงานอัยการ แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดีดังกล่าว ส่วนทาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีและประธาน ก.ต.ช.ต้องตัดสินใจลงโทษความผิดทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทและพล.ต.อ.สุชาติ ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สั่งเข่นฆ่าประชาชนบริสุทธิ์
“นายอภิสิทธิ์ต้องเลือกว่าจะลงโทษ พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.สุชาติ อย่างไร โดยบทลงโทษคดีนี้ มีอยู่ 2 ทาง คือ ปลดออกกับไล่ออก เนื่องจากความผิดมาตรา 157 ถือว่าร้ายแรง เป็นความพยายามฆ่าคนตาย ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเช่นนี้ด้วย ต้องลงโทษให้เฉียบขาด” นายประพันธ์ กล่าว
ต่อจากนั้นช่วงสนทนา ได้เชิญ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา มาร่วมพูดคุยในฐานะที่เป็นนักการเมืองเลือดอีสาน โดยนายตวงกล่าวว่า ตนเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด และเข้ามามีบทบาททางการเมือง ในฐานะ ส.ว.ผู้เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ตนคิดว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่สำคัญและควรต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ชาวอีสานให้ดียิ่งขึ้น
นายตวงกล่าวต่อว่า สำหรับบทบาททางการเมืองของตน ทุกวันนี้บ้านเมืองต้องการนักการเมืองมือสะอาด ไม่มีทุจริตและคอรัปชัน ดังนั้น อยากฝากว่าเวลานี้ ต้องเลือกผลประโยชน์ของบ้านเมืองไว้ก่อน ถ้าออกมาปกป้องหรือสู้เพื่อคนคนเดียว ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้บ้านเมืองเหลือแต่ซากปรักหักพัง ส่วนการจะล้างบางนักการเมืองรูปแบบเก่า ด้วยการสร้างการเมืองใหม่ ตนคิดว่าต้องใช้เวลาและความอดทน ต้องมีความเชื่อมั่นในแนวทาง รวมทั้งต้องไปคลุกคลีประชาชนให้ความรู้ สร้างกระบวนการความเข้าใจที่ถูกต้อง
จากนั้นในช่วงสุดท้ายของรายการ ได้มีการหยิบยกกรณี นายจอม เพชรประดับ สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านคลื่น 100.5 ซึ่งทาง อสมท.เป็นผู้รับผิดชอบคลื่นดังกล่าว โดย น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่อวานทางคลื่น 100.5 นายจอมได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าใช้เงินจากไหนมาลงทุนทำเหมืองเพชร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าขนเงินใส่กระเป๋า 30 ใบ มาใช้ในต่างประเทศ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเงินที่ใช้อยู่คือเงินที่ได้จากการขายทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นายจอมถามต่อว่า ท่าทีของต่างประเทศที่มองรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เป็นเช่นไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต่างประเทศรู้สึกว่ารัฐบาลไทยวุ่นวาย ส่งหนังสือไปยังประเทศต่างๆ เพื่อต้องการล่าตัวมาลงโทษในคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดใดๆ เรื่องนี้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นายจอมยังถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อว่า จริงหรือไม่ที่ทุกวันนี้ยังมีเครื่องบินส่วนตัวและบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ไม่มีทั้งสองอย่าง นายจอมถามต่อว่า ทางออกของประเทศอยู่ที่ไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า อยากฝากบอกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่าพร้อมเจรจา เพื่อความปรองดอง แต่ต้องการเจรจากับผู้มีอำนาจตัดสินใจเท่านั้น นายจอมถามต่อว่า ทำไมไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ต้องไปทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความยุติธรรมเสียก่อน โดยหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฝากข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอแก้ข่าวไม่ได้เป็นโรคมะเร็งอย่างที่ข่าวลือปรากฏ
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า หลังจากที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทราบเรื่อง นายจอม สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางคลื่น 100.5 ก็รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเวลาออกอากาศเป็นช่วงเดียวกับรายการของนายอภิสิทธิ์ จึงได้ฝากข้อความผ่านทวิสเตอร์ว่า จะมีการตรวจสอบและลงโทษเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน แต่หลังจากนั้นไม่นาน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนจงใจ ฝากข้อความผ่านทวิสเตอร์อีกครั้ง โดยระบุว่า แม้จะถูกนายจอม ถามคำถามแรงๆ แต่ก็สบายใจที่ได้อธิบายเรื่องราวที่ตกเป็นข่าวทั้งหมด
นายประพันธ์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ในฐานะที่ อสมท เป็นผู้ดูแลคลื่น 100.5 ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่ทำไมยังใช้สื่อของรัฐมาช่วงชิงพื้นที่ข่าว โดยเฉพาะนายจอมในฐานะที่เป็นผู้สัมภาษณ์ จะมาอ้างเรื่องการทำหน้าที่ตามบทบาทสื่อมวลชนไม่ได้ เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวฟังไม่ขึ้น ซึ่งการที่ปล่อยให้นักโทษมาใช้สื่อรัฐโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย มันเป็นเรื่องที่ปล่อยปละไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ทำไมไม่เอานักโทษคนอื่นที่หลบหนีคดีอยู่มาออกรายการให้หมด เพื่อความยุติธรรม
“นายจอมทำไมถึงเอาโจร เอาคนปล้นชาติมาออกรายการ จะมาอ้างความเป็นสื่อมวลชนไม่ได้ การที่นายจอมทำเช่นนี้ ถือเป็นหมารับใช้คนโกง อย่ามาอ้างเสรีภาพของสื่อ การที่ปล่อยให้ใช้สื่อรัฐเป็นปากกระบอกเสียงให้คนทำความผิด ทาง อสมท. ต้องรับผิดชอบ แต่คนที่ต้องรับผิดชอบก่อนใคร คือ นายสาทิตย์ เพราะปล่อยเหตุการณ์เช่นนี้ให้เกิดขึ้นหลายครั้ง ส่วนทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากชี้ชัดแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวบ่อนทำลายชาติ แต่ยังปล่อยให้ลอยนวล ทำเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ” นายประพันธ์ กล่าว
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า ตนขอถาม พ.ต.ท.ทักษิณ สั้นๆ ว่า หากไม่มีเงินและไม่รวย จะมีใครออกสู้ให้พ้นผิดบ้าง ใครๆ ก็รู้ว่าปัญหาทุกอย่างอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมถึงไม่ยอมพยายามจัดการอะไรสักอย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ไม่หนำซ้ำยังชอบปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วงชิงพื้นที่สื่อ มาต่อว่าต่อขานกระบวนการยุติธรรมว่ากลั่นแกล้งเรื่องคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งๆที่มีความผิดเต็มประตู ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ใช้อำนาจมิชอบ ให้ได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทางช่องอีสานทีวี-ทีวีเพื่อคนอีสาน วันที่ 7 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายประพันธ์ คูณมี และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้มีการหยิบยกหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจมาร่วมพูดคุย
ซึ่งช่วงแรกของรายการ น.ส.อัญชะลี ได้ต่อสายโทรศัพท์ เพื่อสัมภาษณ์ความรู้สึกของนางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ “น้องโบว์” นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ วีรสตรีพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตจากการถูกรัฐบาลทรราช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สั่งให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
โดยนางวิชชุดา เปิดใจทางโทรศัพท์ผ่านทางรายการเคาะข่าวริมโขง ว่า รู้สึกพอใจกับการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่วันนี้ได้ชี้มูลความผิดนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชนด้วยการยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ น้องโบว์ โดยความรู้สึกตอนนี้ ยังคงเหมือนปีที่แล้ว ที่ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกวันนี้ ยังคงคิดถึงน้องโบว์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังรู้สึกดีขึ้น ที่กระบวนการสอบสวนทางกฏหมายเดินหน้าไปได้บ้าง แต่ไม่เข้าใจว่า การที่พันธมิตรฯ ออกไปปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำไมถึงถูกรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งเข่นฆ่า
“จิตใจตอนนี้เหมือนปีที่แล้ว รู้สึกว่าคิดถึงลูก คิดถึงชาติ คิดถึงอนาคตของเด็กๆ ว่าต่อไปจะอยู่อย่างไร การที่พันธมิตรฯ ออกไปชุมนุมนั้น เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งขอยืนยันว่า ผู้ชุมนุมทุกคนเป็นคนรักชาติ แต่ทำไมถึงถูกรัฐบาล นายสมชาย สั่งฆ่าแบบนี้ ตอนนี้บาดแผลที่กายดีขึ้นแล้ว แม้ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาบ้าง ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่บาดแผลที่จิตใจ ยังบอบช้ำ ไม่เข้าใจว่าคนที่รักชาติ ทำไมถึงถูกกระทำเช่นนี้” นางวิชชุดา กล่าว
จากนั้น น.ส.อัญชะลี ได้กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวว่า มี 4 คนที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลในคดีนี้ คือ 1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารัฐบาล ที่เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 และมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สั่งการ และเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าสู่รัฐสภา เพื่อกล่าวนโยบาย 2.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการให้ตำรวจผลักดันผู้ชุมนุมโดยใช้วิธีการยิงแก๊สน้ำตา 3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ โดยเมื่อเกิดเหตุรุนแรงและมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นขาขาดแขนขาด แต่ไม่ได้ยับยั้ง และปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป รวมทั้งมีพยานระบุว่า เป็นผู้สั่งการให้ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ และ 4.พล.ต.อ.สุชาติ เหมือนแก้ว ในฐานะอดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า บุคคลที่กล่าวมาทั้งหมด ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วว่ามีความผิด ส่วนอีก 5 คน ได้แก่ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่มีความผิด เนื่องจากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ต้องจับตาดูต่อไป เพราะอาจถูกญาติผู้เสียหายฟ้องร้องทางแพ่ง รวมถึงอาจโดนสอบวินัยความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายประพันธ์กล่าวต่อประเด็นนี้ว่า หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่พันธมิตรฯออกไปชุมนุมหน้ารัฐสภา และมีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ท่ามกลางสายตาของสื่อไทยและเทศ ที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ว่ามีผู้ชุมนุมบาดเจ็บและล้มตาย จากอนุภาพของแก๊สน้ำตา โดยหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น มีหลายๆ ฝ่ายออกไปเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทำการเกินกว่าเหตุ จนทำให้ประชาชนบริสุทธิ์ถูกทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง ซึ่งคดีนี้ พันธมิตรฯ ทุกคน เฝ้ารอคอยมานาน ว่าทาง ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดเมื่อไหร่ โดยหลังจากที่ชี้มูลความผิดแล้ว ต่อจากนี้ ขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.ต้องส่งเรื่องไปให้สำนักงานอัยการ แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดีดังกล่าว ส่วนทาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีและประธาน ก.ต.ช.ต้องตัดสินใจลงโทษความผิดทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทและพล.ต.อ.สุชาติ ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สั่งเข่นฆ่าประชาชนบริสุทธิ์
“นายอภิสิทธิ์ต้องเลือกว่าจะลงโทษ พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.สุชาติ อย่างไร โดยบทลงโทษคดีนี้ มีอยู่ 2 ทาง คือ ปลดออกกับไล่ออก เนื่องจากความผิดมาตรา 157 ถือว่าร้ายแรง เป็นความพยายามฆ่าคนตาย ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเช่นนี้ด้วย ต้องลงโทษให้เฉียบขาด” นายประพันธ์ กล่าว
ต่อจากนั้นช่วงสนทนา ได้เชิญ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา มาร่วมพูดคุยในฐานะที่เป็นนักการเมืองเลือดอีสาน โดยนายตวงกล่าวว่า ตนเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด และเข้ามามีบทบาททางการเมือง ในฐานะ ส.ว.ผู้เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ตนคิดว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่สำคัญและควรต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ชาวอีสานให้ดียิ่งขึ้น
นายตวงกล่าวต่อว่า สำหรับบทบาททางการเมืองของตน ทุกวันนี้บ้านเมืองต้องการนักการเมืองมือสะอาด ไม่มีทุจริตและคอรัปชัน ดังนั้น อยากฝากว่าเวลานี้ ต้องเลือกผลประโยชน์ของบ้านเมืองไว้ก่อน ถ้าออกมาปกป้องหรือสู้เพื่อคนคนเดียว ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้บ้านเมืองเหลือแต่ซากปรักหักพัง ส่วนการจะล้างบางนักการเมืองรูปแบบเก่า ด้วยการสร้างการเมืองใหม่ ตนคิดว่าต้องใช้เวลาและความอดทน ต้องมีความเชื่อมั่นในแนวทาง รวมทั้งต้องไปคลุกคลีประชาชนให้ความรู้ สร้างกระบวนการความเข้าใจที่ถูกต้อง
จากนั้นในช่วงสุดท้ายของรายการ ได้มีการหยิบยกกรณี นายจอม เพชรประดับ สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านคลื่น 100.5 ซึ่งทาง อสมท.เป็นผู้รับผิดชอบคลื่นดังกล่าว โดย น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่อวานทางคลื่น 100.5 นายจอมได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าใช้เงินจากไหนมาลงทุนทำเหมืองเพชร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าขนเงินใส่กระเป๋า 30 ใบ มาใช้ในต่างประเทศ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเงินที่ใช้อยู่คือเงินที่ได้จากการขายทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นายจอมถามต่อว่า ท่าทีของต่างประเทศที่มองรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เป็นเช่นไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต่างประเทศรู้สึกว่ารัฐบาลไทยวุ่นวาย ส่งหนังสือไปยังประเทศต่างๆ เพื่อต้องการล่าตัวมาลงโทษในคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดใดๆ เรื่องนี้
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นายจอมยังถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อว่า จริงหรือไม่ที่ทุกวันนี้ยังมีเครื่องบินส่วนตัวและบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ไม่มีทั้งสองอย่าง นายจอมถามต่อว่า ทางออกของประเทศอยู่ที่ไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า อยากฝากบอกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่าพร้อมเจรจา เพื่อความปรองดอง แต่ต้องการเจรจากับผู้มีอำนาจตัดสินใจเท่านั้น นายจอมถามต่อว่า ทำไมไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า ต้องไปทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความยุติธรรมเสียก่อน โดยหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฝากข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอแก้ข่าวไม่ได้เป็นโรคมะเร็งอย่างที่ข่าวลือปรากฏ
น.ส.อัญชะลี กล่าวอีกว่า หลังจากที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทราบเรื่อง นายจอม สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางคลื่น 100.5 ก็รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเวลาออกอากาศเป็นช่วงเดียวกับรายการของนายอภิสิทธิ์ จึงได้ฝากข้อความผ่านทวิสเตอร์ว่า จะมีการตรวจสอบและลงโทษเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน แต่หลังจากนั้นไม่นาน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนจงใจ ฝากข้อความผ่านทวิสเตอร์อีกครั้ง โดยระบุว่า แม้จะถูกนายจอม ถามคำถามแรงๆ แต่ก็สบายใจที่ได้อธิบายเรื่องราวที่ตกเป็นข่าวทั้งหมด
นายประพันธ์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ในฐานะที่ อสมท เป็นผู้ดูแลคลื่น 100.5 ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นนักโทษที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่ทำไมยังใช้สื่อของรัฐมาช่วงชิงพื้นที่ข่าว โดยเฉพาะนายจอมในฐานะที่เป็นผู้สัมภาษณ์ จะมาอ้างเรื่องการทำหน้าที่ตามบทบาทสื่อมวลชนไม่ได้ เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวฟังไม่ขึ้น ซึ่งการที่ปล่อยให้นักโทษมาใช้สื่อรัฐโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย มันเป็นเรื่องที่ปล่อยปละไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ทำไมไม่เอานักโทษคนอื่นที่หลบหนีคดีอยู่มาออกรายการให้หมด เพื่อความยุติธรรม
“นายจอมทำไมถึงเอาโจร เอาคนปล้นชาติมาออกรายการ จะมาอ้างความเป็นสื่อมวลชนไม่ได้ การที่นายจอมทำเช่นนี้ ถือเป็นหมารับใช้คนโกง อย่ามาอ้างเสรีภาพของสื่อ การที่ปล่อยให้ใช้สื่อรัฐเป็นปากกระบอกเสียงให้คนทำความผิด ทาง อสมท. ต้องรับผิดชอบ แต่คนที่ต้องรับผิดชอบก่อนใคร คือ นายสาทิตย์ เพราะปล่อยเหตุการณ์เช่นนี้ให้เกิดขึ้นหลายครั้ง ส่วนทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากชี้ชัดแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวบ่อนทำลายชาติ แต่ยังปล่อยให้ลอยนวล ทำเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ” นายประพันธ์ กล่าว
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า ตนขอถาม พ.ต.ท.ทักษิณ สั้นๆ ว่า หากไม่มีเงินและไม่รวย จะมีใครออกสู้ให้พ้นผิดบ้าง ใครๆ ก็รู้ว่าปัญหาทุกอย่างอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมถึงไม่ยอมพยายามจัดการอะไรสักอย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ไม่หนำซ้ำยังชอบปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วงชิงพื้นที่สื่อ มาต่อว่าต่อขานกระบวนการยุติธรรมว่ากลั่นแกล้งเรื่องคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งๆที่มีความผิดเต็มประตู ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ใช้อำนาจมิชอบ ให้ได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าว