xs
xsm
sm
md
lg

“อัยการ” สอนมวย! จวก คตส.ใจร้อนฟ้องกล้ายางจนหลุดยกพวง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

โฆษกอัยการสูงสุด จวก คตส.ไม่ฟังข้อทักท้วง สำนวนคดีกล้ายาง 1,440 ล้านบาท ยังไม่สมบูรณ์ ให้หาหลักฐานเพิ่มเติม แต่ คตส.รีบร้อนฟ้องคดี จนศาลพิพากษายกฟ้อง ชี้ ทำให้รัฐและคู่ความเสียประโยชน์ พูดเป็นนัยคดีทุจริตหวยบนดินเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ที่ศาลฎีกาฯจะอ่านคำพากษาในวันที่ 30 ก.ย.นี้ อสส.ได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไห้ คตส.กลับไปสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็นเช่นเดียวกัน แต่ คตส.ฟ้องเอง



วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายโกศลวัตน์ อินทุจันยง ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง คดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับพวกรวม 44 คน ในโครงการซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ว่า คดีนี้ คตส.ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อเดือน ก.พ.2551 ทั้งที่คณะทำงานของ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนให้ คตส.สอบสวนพยานเพิ่มเติมรวม 3 ข้อใหญ่ และอีก 4-5 ข้อย่อย แต่ปรากฏว่า คตส.กลับใจร้อน ไม่ยอมฟังข้อไม่สมบูรณ์ของอัยการ ไม่สอบสวนพยานเพิ่มเติม เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีทั้งหมดให้ครบถ้วนว่าสมควรที่จะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา และถ้าสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาจะฟ้องบุคคลใดบ้าง ในความผิดข้อหาใดบ้าง ไม่ยื่นฟ้องจำเลยมากถึง 44 คน จนที่สุดผลออกมาศาลฎีกาฯพิพากษายกฟ้อง

“คดีนี้ อสส.ยังไม่ได้มีคำสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ ซึ่งหากมองดูแล้วเสมือนว่า คตส.ไม่ร่วมมือกับอัยการทำงานตามกระบวนยุติธรรม ที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน และให้ อสส.สั่งฟ้อง เมื่อศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐที่จะต้องเสียเงินว่าจ้างทนายความ จำเลยบางคนที่ไม่ควรถูกฟ้องต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติประวัติและเสียเงินจ้างทนาย เรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตระหนักเป็นพิเศษต้องให้ความยุติธรรมแก่คู่ความ และหากจะฟ้องใครต้องมีหลักฐานเพียงพอให้ศาลลงโทษได้” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว

นายธนพิชญ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้สำนักงานอัยการสูงสุดคงไม่โทษผู้ใด แต่อยากให้มีการทบทวนกลไก หรือการบูรณาการในการปฏิบัติงานร่วมกันในการสอบสวนไต่สวนจนนำไปสู่การฟ้องคดี ควรยืนอยู่บนพยานหลักฐาน มิใช่ความเชื่อมั่นส่วนตัว ไม่มีอคติต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหลักประกันความยุติธรรมแก่ประชาชน และขอให้คดีทุจริตกล้ายางเป็นคดีตัวอย่างที่กระบวนการยุติธรรมจะต้องร่วมมือกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อศาลฎีกาฯยกฟ้องแล้ว คตส.ต้องรับผิดชอบในคดีนี้หรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ขอไม่ตอบ เป็นเรื่องในส่วนของ คตส.อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.309 ได้ให้ความคุ้มครองการกระทำของ คตส.ที่ไม่อาจจะนำคดีไปยื่นฟ้องเอาผิดกับ คตส.ได้

นายธนพิชญ์ กล่าวถึง คดีทุจริตออกสลากเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว บนดิน ที่ศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 30 กันยายน นี้ ว่า ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของอัยการ เพราะคดีนี้ อสส.ก็ได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ คตส.กลับไปสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็นเช่นเดียวกับคดีทุจริตกล้ายาง อาทิ สลาก 3 ตัว และ 2 ตัว เป็นสลากกินรวบหรือสลากกินแบ่ง แต่คตส.ก็ไม่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและจ้างทนายความฟ้องเอง
นายธนพิชญ์  มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ซัด คตส.ใจร้อนฟ้องคดีกล้ายางเอง จนทำให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เพราะไม่สอบสวนเพิ่มเติมตามที่ อสส.ทักท้วง

กำลังโหลดความคิดเห็น