เคาะข่าวริมโขง : เตือนรัฐ อย่าประมาท "แดงถ่อย" ชุมนุม แนะ จับตา "นช.แม้ว" ใกล้ชิด อาจสั่งปิดเกมหลังตกอยู่ในสภาพหมาจนตรอก สั่งสมุนก่อการร้ายปะทุชนวนรุนแรง นำไปสู่เปลี่ยนขั้วการเมือง เพื่อล้างไพ่ใหม่ ชี้ สุขภาพ "นช.แม้ว" เป็นตัวบีบเกมให้ดิ้นฮึดสู้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก และมีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีลอบวางระเบิดที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งกรณี ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ภายในรายการยังสอดแทรกศิลปวัฒนธรรมอีสานที่น่าสนใจ ทั้งในส่วนของขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณไปจนอาหารอีสานที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติ และชื่อเสียงเลื่องลือ โดยสกู๊ปในช่วงวัฒนธรรมวันนี้ เป็นตอนต่อเรื่องการต่อสู้ของนักการเมืองเลือดอีสานที่มีความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ รวมทั้งเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าจะลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ด้วยคุณงามความดีที่สั่งสมไว้ ทำให้คนรุ่นหลังต้องประมวลภาพย้อนรำลึกอีกครั้ง เนื่องจากสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของความแตกต่างระหว่างนักการเมืองรุ่นใหม่กับนักการเมืองในอดีต ที่อุดมการณ์ค่อนข้างผลิแผกแตกต่าง
เริ่มรายการช่วงแรก น.ส.วรรษมน แจ้งแถลงการณ์อาการพระประชวร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปคงที่ ผลการตรวจพระวรกายและพระอุระ (อก) พบว่า การอักเสบของพระปัปผาสะ (ปอด) ทุเลาลงจนเกือบเป็นปกติ คณะแพทย์จึงงดถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของพระปัปผาสะ (ปอด) แต่ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดทั่วไป เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อต่อไป
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า ตนได้ติดตามอาการพระประชวร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตลอด จึงเห็นว่า เวลานี้คนไทยต้องร่วมกันทำความดีถวายพระองค์ ซึ่งโดยปกติแล้วก็ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่สมควรปฏิบัติให้แก่ท่าน แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอยู่ ทั้งนี้ เท่าที่ทราบทุกเช้าวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 07.30 น.คลื่นวิทยุชุมชน 95.75 เมกะเฮิรตซ์ ที่อยู่บริเวณพระราม 9 มักจะจัดรายการโจมตีและปลุกเร้าให้มวลชนให้ต่อต้านระบอบกษัตริย์ ทั้งที่เป็นสถาบันซึ่งอยู่คู่คนไทยมาช้านาน แต่คนกลุ่มคนนี้ ก็ยังมีความพยายามจะจาบจ้วงต่อเนื่อง โดยอาจจะใช้คำพูดรุนแรง หรือแฝงนัยยะซ่อนเร้น ซึ่งเรื่องนี้ ตนเห็นว่า ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ รัฐบาล รวมทั้ง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่คอยกำกับดูแลสื่อ ตนไม่เห็นว่า จะทำหน้าที่หรือจัดการอะไรกับคนกลุ่มคน ทั้งที่มีพฤติกรรมแน่ชัด
ช่วงต่อมา น.ส.วรรษมน กล่าวถึงกรณีลอบวางระเบิดที่หน้า ป.ป.ช.ว่า เมื่อวาน (11 ต.ค.) ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมกัน มีการลอบวางระเบิดที่หน้า ป.ป.ช.ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบว่า เป็นระเบิดลักษณะเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุข่มขู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญและบริเวณข้างรั้วสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ดังนั้น จึงมีการสั่งการให้ดูแลความปลอดภัยตามจุดที่สำคัญและสุ่มเสี่ยงในการก่อเหตุร้าย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้แก่ผู้คนในประเทศแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในหลายจุด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับได้แค่เบาะแสเบื้องต้น
นายชัชวาลย์ กล่าวกรณีเดียวกัน ว่า เมื่อวานที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทางแกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศชัดเจนว่า ในวันที่ 17 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ เพื่อกดดันรัฐบาลให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเรื่องทวงคืนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และเรื่องยื่นรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า หากให้ตนประเมินสถานการณ์วันที่ 17 ตุลาคมนี้ ตนมองว่า ยากที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนวันช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมและมีการเผาบ้านเผาเมือง จนเกิดความวุ่นวาย แต่ตนไม่อยากให้ทุกฝ่ายประมาท โดยเฉพาะทางฝั่งพันธมิตรฯ และรัฐบาล อยากให้ตั้งมั่นอยู่ด้วยสติ เพราะมีแนวโน้มว่า หากไม่ก่อความรุนแรง ปฏิบัติการบางอย่างจะไม่สามารถนำพาไปยังจุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
นายชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงสงกรานต์ที่เกิดความรุนแรง ตนถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสียผู้เสียคน เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีอยู่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ทุกฝ่ายจึงพุ่งเป้ากลับไปมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า จะรับผิดชอบอะไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เห็น แต่ถ้าให้วิเคราะห์ถึงวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ตนมองว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการจัดการรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต้องใช้วิธีการลักลอบปฏิบัติการลับ เพื่อก่อเหตุปะทุให้เกิดความรุนแรง โดยถ้าหากใช้วิธีสร้างกระแสให้ไฟลุกโชนไม่ได้ ก็ต้องใช้ปั่นกระแส ทำให้สถานการณ์เข้มข้นมากขึ้น
“รัฐบาลชุดนี้อ่อนแอเกินไป แก้ปัญหาที่ปลายเหตุตลอด อย่างเช่น การเอางบไปใช้คุ้มกันผู้นำจำนวนมหาศาล ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย หากนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยในเมื่อต้นเหตุความวุ่นวายมาจากกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ต้องจัดการ โดยออกไปให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่ได้กีดกั้นการแสดงสิทธิ แต่การจะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องมีเหตุและผลรองรับอย่างชัดเจน ไม่ได้สู้หรือทำเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียว ทั้งที่ประเทศไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ" นายชัชวาลย์ กล่าาว
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รู้แล้วว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ตนก็ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้เงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดคืน จะก็เป็นเรื่องยากที่จะลงเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง ดังนั้น หนทางเดียวที่ต้องสู้ คือ การวางแผนล้มทั้งกระดาน เพื่อปูเกมใหม่ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากความผิด
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า เมื่อวานตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์มายังเวทีคนเสื้อแดงเมื่อเวลา 20.30 น.ตนสังเกตใบหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างอิดโรย แม้จะมีการแต่งหน้าก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่า กำลังป่วยอยู่ โดยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรีบเดินเกม ก่อนที่สุขภาพของตัวเองจะไม่เอื้ออำนวยมากกว่านี้ ซึ่งลักษณะนิสัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรได้ง่ายๆ จะทำอะไรต้องคิดถึงผลประโยชน์ตัวเองก่อน ถือเป็นคนทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด ตอนแรกบอกแค่ให้คนเสื้อแดงพากลับประเทศ ต่อมาเริ่มโลภมาก อยากได้เงินที่ถูดยึดคืน จากนั้นก็เรื่อยมาเรื่องจะหาช่องทางลบล้างความผิด และสุดท้ายก็หวังกลับจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
สำหรับช่วงสุดท้ายของรายการ มีการเชิญ “น้าหงา” คาราวาน ศิลปินแนวร่วมพันธมิตรฯ มาร่วมพูดคุยและฝากฝังผลงาน ซึ่งได้การขับร้องสดๆ ในรายการ สร้างความบันเทิงและไพเราะเป็นอย่างยิ่ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก และมีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีลอบวางระเบิดที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งกรณี ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ภายในรายการยังสอดแทรกศิลปวัฒนธรรมอีสานที่น่าสนใจ ทั้งในส่วนของขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณไปจนอาหารอีสานที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติ และชื่อเสียงเลื่องลือ โดยสกู๊ปในช่วงวัฒนธรรมวันนี้ เป็นตอนต่อเรื่องการต่อสู้ของนักการเมืองเลือดอีสานที่มีความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ รวมทั้งเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าจะลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ด้วยคุณงามความดีที่สั่งสมไว้ ทำให้คนรุ่นหลังต้องประมวลภาพย้อนรำลึกอีกครั้ง เนื่องจากสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของความแตกต่างระหว่างนักการเมืองรุ่นใหม่กับนักการเมืองในอดีต ที่อุดมการณ์ค่อนข้างผลิแผกแตกต่าง
เริ่มรายการช่วงแรก น.ส.วรรษมน แจ้งแถลงการณ์อาการพระประชวร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปคงที่ ผลการตรวจพระวรกายและพระอุระ (อก) พบว่า การอักเสบของพระปัปผาสะ (ปอด) ทุเลาลงจนเกือบเป็นปกติ คณะแพทย์จึงงดถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของพระปัปผาสะ (ปอด) แต่ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดทั่วไป เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อต่อไป
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า ตนได้ติดตามอาการพระประชวร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตลอด จึงเห็นว่า เวลานี้คนไทยต้องร่วมกันทำความดีถวายพระองค์ ซึ่งโดยปกติแล้วก็ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่สมควรปฏิบัติให้แก่ท่าน แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอยู่ ทั้งนี้ เท่าที่ทราบทุกเช้าวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 07.30 น.คลื่นวิทยุชุมชน 95.75 เมกะเฮิรตซ์ ที่อยู่บริเวณพระราม 9 มักจะจัดรายการโจมตีและปลุกเร้าให้มวลชนให้ต่อต้านระบอบกษัตริย์ ทั้งที่เป็นสถาบันซึ่งอยู่คู่คนไทยมาช้านาน แต่คนกลุ่มคนนี้ ก็ยังมีความพยายามจะจาบจ้วงต่อเนื่อง โดยอาจจะใช้คำพูดรุนแรง หรือแฝงนัยยะซ่อนเร้น ซึ่งเรื่องนี้ ตนเห็นว่า ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ รัฐบาล รวมทั้ง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่คอยกำกับดูแลสื่อ ตนไม่เห็นว่า จะทำหน้าที่หรือจัดการอะไรกับคนกลุ่มคน ทั้งที่มีพฤติกรรมแน่ชัด
ช่วงต่อมา น.ส.วรรษมน กล่าวถึงกรณีลอบวางระเบิดที่หน้า ป.ป.ช.ว่า เมื่อวาน (11 ต.ค.) ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมกัน มีการลอบวางระเบิดที่หน้า ป.ป.ช.ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบว่า เป็นระเบิดลักษณะเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุข่มขู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญและบริเวณข้างรั้วสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ดังนั้น จึงมีการสั่งการให้ดูแลความปลอดภัยตามจุดที่สำคัญและสุ่มเสี่ยงในการก่อเหตุร้าย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้แก่ผู้คนในประเทศแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในหลายจุด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับได้แค่เบาะแสเบื้องต้น
นายชัชวาลย์ กล่าวกรณีเดียวกัน ว่า เมื่อวานที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทางแกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศชัดเจนว่า ในวันที่ 17 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ เพื่อกดดันรัฐบาลให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเรื่องทวงคืนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และเรื่องยื่นรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า หากให้ตนประเมินสถานการณ์วันที่ 17 ตุลาคมนี้ ตนมองว่า ยากที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนวันช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมและมีการเผาบ้านเผาเมือง จนเกิดความวุ่นวาย แต่ตนไม่อยากให้ทุกฝ่ายประมาท โดยเฉพาะทางฝั่งพันธมิตรฯ และรัฐบาล อยากให้ตั้งมั่นอยู่ด้วยสติ เพราะมีแนวโน้มว่า หากไม่ก่อความรุนแรง ปฏิบัติการบางอย่างจะไม่สามารถนำพาไปยังจุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
นายชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงสงกรานต์ที่เกิดความรุนแรง ตนถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสียผู้เสียคน เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีอยู่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ทุกฝ่ายจึงพุ่งเป้ากลับไปมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า จะรับผิดชอบอะไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เห็น แต่ถ้าให้วิเคราะห์ถึงวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ตนมองว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการจัดการรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต้องใช้วิธีการลักลอบปฏิบัติการลับ เพื่อก่อเหตุปะทุให้เกิดความรุนแรง โดยถ้าหากใช้วิธีสร้างกระแสให้ไฟลุกโชนไม่ได้ ก็ต้องใช้ปั่นกระแส ทำให้สถานการณ์เข้มข้นมากขึ้น
“รัฐบาลชุดนี้อ่อนแอเกินไป แก้ปัญหาที่ปลายเหตุตลอด อย่างเช่น การเอางบไปใช้คุ้มกันผู้นำจำนวนมหาศาล ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย หากนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยในเมื่อต้นเหตุความวุ่นวายมาจากกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ต้องจัดการ โดยออกไปให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่ได้กีดกั้นการแสดงสิทธิ แต่การจะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องมีเหตุและผลรองรับอย่างชัดเจน ไม่ได้สู้หรือทำเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียว ทั้งที่ประเทศไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ" นายชัชวาลย์ กล่าาว
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รู้แล้วว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ตนก็ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้เงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดคืน จะก็เป็นเรื่องยากที่จะลงเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง ดังนั้น หนทางเดียวที่ต้องสู้ คือ การวางแผนล้มทั้งกระดาน เพื่อปูเกมใหม่ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากความผิด
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า เมื่อวานตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์มายังเวทีคนเสื้อแดงเมื่อเวลา 20.30 น.ตนสังเกตใบหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างอิดโรย แม้จะมีการแต่งหน้าก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่า กำลังป่วยอยู่ โดยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรีบเดินเกม ก่อนที่สุขภาพของตัวเองจะไม่เอื้ออำนวยมากกว่านี้ ซึ่งลักษณะนิสัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรได้ง่ายๆ จะทำอะไรต้องคิดถึงผลประโยชน์ตัวเองก่อน ถือเป็นคนทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด ตอนแรกบอกแค่ให้คนเสื้อแดงพากลับประเทศ ต่อมาเริ่มโลภมาก อยากได้เงินที่ถูดยึดคืน จากนั้นก็เรื่อยมาเรื่องจะหาช่องทางลบล้างความผิด และสุดท้ายก็หวังกลับจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
สำหรับช่วงสุดท้ายของรายการ มีการเชิญ “น้าหงา” คาราวาน ศิลปินแนวร่วมพันธมิตรฯ มาร่วมพูดคุยและฝากฝังผลงาน ซึ่งได้การขับร้องสดๆ ในรายการ สร้างความบันเทิงและไพเราะเป็นอย่างยิ่ง