เคาะข่าวริมโขง : “อภิสิทธิ์” ส่อเค้าร่อแร่ เจอหางเลข "เมล์นรก"-"นช.แม้ว"โฟนอินป่วน เชื่อสุดท้ายยอมใจอ่อนอนุมัติเซ็นให้ "ภูมิใจห้อย" เพื่อแลกเก้าอี้ ผบ.ตร. ตั้ง "ปทีป" สมใจ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และ นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจในรายการ โดยเฉพาะกรณีที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าส่อทุจริตอย่าง “โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน” ที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พยายามผลักดันมาตลอด
รวมทั้ง กรณีการเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โฟนอินมากล่อมกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเชิญชวนลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยเยอะๆ หากมีการเลือกตั้ง และถ้าชนะขึ้นมา ได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง ก็พร้อมเดินทางกลับประเทศไทยทันที เพื่อไปช่วยแก้ปัญหาความยากจน
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นกรณีที่ประชุม ครม.อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน ระยะเวลา 10 ปี มูลค่าเกือบ 70,000 ล้านบาท ของ ขสมก.ตามที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม เป็นผู้นำเสนอ โดยได้ผ่านความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่โครงการดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยสั่งระงับดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาที่สูงเกินความจริง จึงทำให้รัฐบาลส่งโครงการไปให้ทาง คณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) หรือ บอร์ดสภาพัฒน์ ไปทำการศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน ซึ่ง ทางสภาพัฒน์ ได้ส่งเรื่องกลับมา โดยสรุปว่า ควรใช้วิธีการเช่า จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ
นายโสภณ กล่าวต่อกรณีนี้ ว่า เวลามีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลมักโยนของร้อนไปพักไว้ที่สภาพัฒน์ เพื่อให้เรื่องมันซาแล้วค่อยนำมาดำเนินการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไม่ได้ต้องการคำตอบจากสภาพัฒน์ว่า ซื้อหรือเช่าคุ้มค่ามากกว่ากัน แต่ให้ไปศึกษารายละเอียดว่า โครงการดังกล่าวคุ้มทุน สมควรที่รัฐจะเข้าไปดำเนินการหรือไม่
นายไพศาล กล่าวเสริมว่า ในต่างประเทศ กรณีนี้เช่นนี้ถือเป็นตลก เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่เช่ารถนานถึง 10 ปี แค่ 5 ปี สภาพรถก็เสื่อมและทรุดโทรมมากแล้ว อีกทั้ง มูลค่าโครงการก็สูงเกินจริงกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นคำถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวไปตกอยู่ใคร และต้องถามผลประโยชน์ในการดำเนินโครงการนี้ อยู่ที่นักการเมืองหรือที่ประชาชน จริงหรือไม่ที่รัฐบาล มีการตกลงหรือเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล คือ การที่นายอภิสิทธิ์ สามารถแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ขึ้นเป็นรักษาการแทน ผบ.ตร.แลกกับการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดังกล่าว
นายประพันธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ในเมื่อรู้ว่ายังไม่มีความชอบมาพากล รัฐบาลน่าจะสมควรระงับไว้ก่อน เพราะมูลค่าโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีนี้สูงมากเกือบถึง 70,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีความผิดปกติด้านอื่นๆ อย่างเช่นอุปกรณ์เสริมพิเศษต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถประจำทาง อาทิ การติดตั้งระบบจีพีอาร์เอส
นายโสภณ กล่าวเสริมว่า ความจริงรัฐบาลอาจจะคิดการณ์ไกลไว้ล่วงหน้า เนื่องจาก หากกลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมและมีการยึดรถประจำทางเพื่อนำไปเผาทำลายทรัพย์สินของทางข้าราชการอีก จะได้ใช้จีพีอาร์เอส ตรวจจับพิกัด เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันควัน
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในเมื่อรถประจำทางต้องวิ่งตามเส้นทางที่กำหนดอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องติดตั้งระบบจีพีอาร์เอสที่ตัวรถอีก การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการใช้งบประมาณรัฐที่คุ้มค่าหรือไม่ โดยโครงการดังกล่าวถูก นายโสภณ เร่งผลักดันมาตลอด ทั้งๆที่รู้ว่า สมควรดำเนินการหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ควรใจอ่อนยอมพรรคร่วมรัฐบาลเช่นนี้
ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ได้โฟนอินมายังเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จ.ขอนแก่น ซึ่งภายในงานดังกล่าว มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงานด้วย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมา ระบุว่า หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้าให้เลือกพรรคเพื่อไทย และถ้าได้เสียงส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง จะกลับประเทศไทยทันที เพื่อมารับใช้ชาติ ช่วยแก้ปัญหาให้แก่คนยากจนให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ รวมทั้งยังมีการพร่ำเพ้อว่า คิดถึงบรรยากาศที่ต่างจังหวัด เมื่อครั้งไปทัวร์นกขมิ้นเยี่ยมเยือนประชาชน โดยอ้อนกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตอนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อสู้ ดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากความผิด และต้องการจะพิสูจน์ให้คนเห็นว่าตนเองไม่ได้แพ้ โดยระบุว่า หากได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง พร้อมกลับประเทศไทยทันที ตนอยากบอกว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครหรือฝ่ายใดห้ามไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับ เพราะทุกคนเฝ้ารอคอยวันนั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ทุกวันนี้ มัวแต่เอาเวลาว่างไปโฟนอินหรือโพสต์ข้อความผ่านเว็บทวิสเตอร์ เพื่อโจมตีรัฐบาลด้วยถ้อยคำเดิมๆ คือ เป็นรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยทหาร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากคะแนนเสียงของประชาชน ซึ่งคนฟังทุกวันนี้ รู้เท่าทันหมดแล้วว่าสิ่งที่พูดมันขัดกับความจริง
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่า พันธมิตรฯ เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร โดยกรณีนี้ นายประพันธ์ กล่าวว่า หากจะพูดเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้องอย่างรุนแรง เพราะปราสาทเขาพระวิหารที่เสียไปก็เพราะฝีมือของนายนพดล และรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งฟังจากคำแถลงของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการชี้มูลความผิดทั้งสองคน จะเห็นว่าผู้ใดทำให้ไทยเสียประสาทเขาพระวิหาร
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า การที่มวลชนผู้รักชาติ ออกไปปกป้องดินแดนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเห็นอยู่แล้ว ในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมทำสิ่งใด ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะทวงสิทธิพื้นที่ดังกล่าว
นายไพศาล กล่าวเสริมว่า เวลานี้ถึงคราวที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาแสดงพลัง รวมทั้ง ต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการเมืองใหม่ เพราะตอนนี้แน่ชัดแล้วว่า การเมืองระบอบเก่ามีแต่ความเลวร้าย ตนยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นคนดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนดีแค่เดียวคงไม่สามารถทำอะไรได้ ตราบใดที่อยู่ท่ามกลางนักการเมืองเหล่านี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และ นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจในรายการ โดยเฉพาะกรณีที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าส่อทุจริตอย่าง “โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน” ที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พยายามผลักดันมาตลอด
รวมทั้ง กรณีการเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โฟนอินมากล่อมกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเชิญชวนลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยเยอะๆ หากมีการเลือกตั้ง และถ้าชนะขึ้นมา ได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง ก็พร้อมเดินทางกลับประเทศไทยทันที เพื่อไปช่วยแก้ปัญหาความยากจน
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นกรณีที่ประชุม ครม.อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน ระยะเวลา 10 ปี มูลค่าเกือบ 70,000 ล้านบาท ของ ขสมก.ตามที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม เป็นผู้นำเสนอ โดยได้ผ่านความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่โครงการดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยสั่งระงับดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาที่สูงเกินความจริง จึงทำให้รัฐบาลส่งโครงการไปให้ทาง คณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) หรือ บอร์ดสภาพัฒน์ ไปทำการศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน ซึ่ง ทางสภาพัฒน์ ได้ส่งเรื่องกลับมา โดยสรุปว่า ควรใช้วิธีการเช่า จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ
นายโสภณ กล่าวต่อกรณีนี้ ว่า เวลามีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลมักโยนของร้อนไปพักไว้ที่สภาพัฒน์ เพื่อให้เรื่องมันซาแล้วค่อยนำมาดำเนินการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไม่ได้ต้องการคำตอบจากสภาพัฒน์ว่า ซื้อหรือเช่าคุ้มค่ามากกว่ากัน แต่ให้ไปศึกษารายละเอียดว่า โครงการดังกล่าวคุ้มทุน สมควรที่รัฐจะเข้าไปดำเนินการหรือไม่
นายไพศาล กล่าวเสริมว่า ในต่างประเทศ กรณีนี้เช่นนี้ถือเป็นตลก เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่เช่ารถนานถึง 10 ปี แค่ 5 ปี สภาพรถก็เสื่อมและทรุดโทรมมากแล้ว อีกทั้ง มูลค่าโครงการก็สูงเกินจริงกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นคำถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวไปตกอยู่ใคร และต้องถามผลประโยชน์ในการดำเนินโครงการนี้ อยู่ที่นักการเมืองหรือที่ประชาชน จริงหรือไม่ที่รัฐบาล มีการตกลงหรือเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล คือ การที่นายอภิสิทธิ์ สามารถแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ขึ้นเป็นรักษาการแทน ผบ.ตร.แลกกับการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดังกล่าว
นายประพันธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ในเมื่อรู้ว่ายังไม่มีความชอบมาพากล รัฐบาลน่าจะสมควรระงับไว้ก่อน เพราะมูลค่าโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีนี้สูงมากเกือบถึง 70,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีความผิดปกติด้านอื่นๆ อย่างเช่นอุปกรณ์เสริมพิเศษต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถประจำทาง อาทิ การติดตั้งระบบจีพีอาร์เอส
นายโสภณ กล่าวเสริมว่า ความจริงรัฐบาลอาจจะคิดการณ์ไกลไว้ล่วงหน้า เนื่องจาก หากกลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมและมีการยึดรถประจำทางเพื่อนำไปเผาทำลายทรัพย์สินของทางข้าราชการอีก จะได้ใช้จีพีอาร์เอส ตรวจจับพิกัด เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันควัน
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในเมื่อรถประจำทางต้องวิ่งตามเส้นทางที่กำหนดอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องติดตั้งระบบจีพีอาร์เอสที่ตัวรถอีก การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการใช้งบประมาณรัฐที่คุ้มค่าหรือไม่ โดยโครงการดังกล่าวถูก นายโสภณ เร่งผลักดันมาตลอด ทั้งๆที่รู้ว่า สมควรดำเนินการหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ควรใจอ่อนยอมพรรคร่วมรัฐบาลเช่นนี้
ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ได้โฟนอินมายังเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จ.ขอนแก่น ซึ่งภายในงานดังกล่าว มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงานด้วย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมา ระบุว่า หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้าให้เลือกพรรคเพื่อไทย และถ้าได้เสียงส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง จะกลับประเทศไทยทันที เพื่อมารับใช้ชาติ ช่วยแก้ปัญหาให้แก่คนยากจนให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ รวมทั้งยังมีการพร่ำเพ้อว่า คิดถึงบรรยากาศที่ต่างจังหวัด เมื่อครั้งไปทัวร์นกขมิ้นเยี่ยมเยือนประชาชน โดยอ้อนกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตอนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อสู้ ดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากความผิด และต้องการจะพิสูจน์ให้คนเห็นว่าตนเองไม่ได้แพ้ โดยระบุว่า หากได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง พร้อมกลับประเทศไทยทันที ตนอยากบอกว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครหรือฝ่ายใดห้ามไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับ เพราะทุกคนเฝ้ารอคอยวันนั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ทุกวันนี้ มัวแต่เอาเวลาว่างไปโฟนอินหรือโพสต์ข้อความผ่านเว็บทวิสเตอร์ เพื่อโจมตีรัฐบาลด้วยถ้อยคำเดิมๆ คือ เป็นรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยทหาร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากคะแนนเสียงของประชาชน ซึ่งคนฟังทุกวันนี้ รู้เท่าทันหมดแล้วว่าสิ่งที่พูดมันขัดกับความจริง
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่า พันธมิตรฯ เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร โดยกรณีนี้ นายประพันธ์ กล่าวว่า หากจะพูดเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้องอย่างรุนแรง เพราะปราสาทเขาพระวิหารที่เสียไปก็เพราะฝีมือของนายนพดล และรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งฟังจากคำแถลงของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการชี้มูลความผิดทั้งสองคน จะเห็นว่าผู้ใดทำให้ไทยเสียประสาทเขาพระวิหาร
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า การที่มวลชนผู้รักชาติ ออกไปปกป้องดินแดนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเห็นอยู่แล้ว ในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมทำสิ่งใด ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะทวงสิทธิพื้นที่ดังกล่าว
นายไพศาล กล่าวเสริมว่า เวลานี้ถึงคราวที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาแสดงพลัง รวมทั้ง ต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการเมืองใหม่ เพราะตอนนี้แน่ชัดแล้วว่า การเมืองระบอบเก่ามีแต่ความเลวร้าย ตนยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นคนดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนดีแค่เดียวคงไม่สามารถทำอะไรได้ ตราบใดที่อยู่ท่ามกลางนักการเมืองเหล่านี้