xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง : “นช.แม้ว” เล่นการเมือง ไม่ใช้ทุนตัวเอง ใช้เงินขายหวย ซื้อเสียงรากหญ้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง : “นช.แม้ว” เล่นการเมือง ไม่ใช้ทุนตัวเอง ใช้เงินขายหวย ซื้อเสียงรากหญ้า แฉ เคยแจกทุนเด็กไปเรียนเมืองนอก แต่พอเอาจริงถูกส่งกลับเกือบหมด เพราะโดนปล่อยทิ้งลอยแพเจอสารพัดปัญหา จนกระทรวงศึกษาฯ ตามแก้ไม่ไหว

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพุธที่ 30 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และนายประพันธ์ คูณมี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการหยิบยกประเด็นข่าวสารที่น่าสนใจมานำเสนอพี่น้องชาวอีสานอีกเช่นเคย โดยเฉพาะ 2 ประเด็นข่าวเด็น กรณีที่ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยื่นฟ้องกรมสรรพากร ที่มีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีเงินฝากจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และให้ธนาคารนำส่งเงินเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างอยู่ และกรณีที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีหวยบนดิน 2 และ 3 ตัว สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

โดยเข้ารายการช่วงแรก น.ส.อัญชะลี ได้แจ้งกำหนดการจัดงานรำลึกครบ 1 ปี “เหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด” ที่จะมีการนัดรวมพลกันในวันที่ 7 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เพื่อร่วมทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ร.5 จะมีพิธีทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว จากนั้น อ.นวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ จะขึ้นเวทีอ่านบทกวีที่เรียงร้อยถ้อยคำรำลึกความกล้าหาญและเสียสละของวีรชนพันธมิตรฯ นอกจากนี้จะมีการเชิญญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 11 คน มาร่วมอ่านบทกวีบนเวทีด้วย จากนั้นทางแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน จะขึ้นเวทีพบปะพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อเตรียมจัดขบวนมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ลำดับต่อมา เมื่อเคลื่อนขบวนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ทางแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนจะขึ้นเวทีอีกครั้ง เพื่อประกาศเจตนารมย์ “7 ตุลาไม่สูญเปล่า” พร้อมกับมีพิธียืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้แก่วีรชนผู้เสียชีวิต สำหรับกิจกรรมภาคบ่ายเป็นต้นไปจนถึงช่วงเย็น จะจัดขึ้นที่ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะมีการจัดเสวนาและการแสดงคอนเสริต์ของศิลปินพันธมิตรฯ ทุกวง

ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นข่าวที่น่าสนใจกรณีที่ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยื่นฟ้องกรมสรรพากร กรณีมีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีเงินฝากจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และให้ธนาคารนำส่งเงินเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างอยู่ โดยวันนี้ นายจรวย หนูคง หัวหน้าคณะศาลปกครองและตุลาการ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีนี้ โดยเห็นว่าธนาคารไทยพาณิชย์ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ที่มีคำสั่งให้อายัดเงินของกรมสรรพากรในการจัดเก็บเงินภาษี กรณี น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ ชินวัตร ซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่บริษัท เทมาเส็กฯ เป็นเงินจำนวน 12,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คตส. มีอำนาจในการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นของบุคคลทั้งสอง อีกทั้งเป็นคำสั่งที่มีก่อนหน้าถึง 5 เดือน ดังนั้น ศาลปกครองจึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของกรมสรรพากร และให้ธนาคารไทยพาณิชย์อายัดเงินในบัญชีต่อไปตามเดิม

จากนั้น น.ส.อัญชะลี หยิบยกประเด็นข่าวที่น่าสนใจต่อไป คือ กรณีที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีหวยบนดิน 2 และ 3 ตัว สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนายประพันธ์กล่าวประเด็นนี้ว่า คดีนี้มีผู้ถูกลงโทษ 3 คน คือ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งในส่วนของนายวราเทพ มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฏหมายมาตรา 157 สั่งจำคุก 2 ปี ปรับเงิน 2 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี สำหรับ นายสมใจนึกมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายมาตรา 157 สั่งจำคุก 2 ปี ปรับเงิน 1 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี สุดท้าย คือ นายชัยวัฒน์ มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 สั่งจำคุก 2 ปี ปรับเงิน 1 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปีเช่นกัน ขณะที่ คำฟ้องขอให้คืนเงินจำนวนดังกล่าว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ในเมื่อไม่พบว่าเจตนาการยักยอกทรัพย์ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่จำเป็นต้องคืนเงินจำนวนกว่า 14,000 ล้านบาท ให้แก่รัฐตามคำร้องของ คตส.

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า โดยสรุป ผู้ต้องหาคดีนี้แต่ละคนถูกปรับเงินคนละ 1-2 หมื่นบาท ส่วนโทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี ซึ่งในเมื่อศาลมีคำพิพากษาเช่นนี้ ตนก็อยากให้ทุกฝ่ายยอมรับ และนำคดีนี้ไปเป็นบทเรียน โดยอย่างน้อยที่สุด แม้ว่าจะไม่มีรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้าที่รัฐคนใดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องโทษจำคุก แต่ก็เป็นสิ่งเตือนใจไม่ให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐคนใด กระทำอะไรตามใจชอบโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีอีก แต่ตนอยากจะนำเสนอข้อเท็จจริงคดีนี้ว่า การนำเงินที่ได้จากอบายมุขเอามาทำประโยชน์ให้แก่สังคม ถือเป็นการฟอกเงินบาปให้ถูกต้อง ให้ชอบธรรม ทั้งที่เงินจำนวนดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมอมเมาประชาชน แต่รัฐก็ยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้ามือหวย ทำสิ่งที่ผิดกฏหมายโดยที่มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าก่อน

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ จำหน่ายหวยบนดิน 2 และ 3 ตัวนั้น ไม่มีกฏหมายใดๆ รองรับ แม้ว่าจะมีการแบ่งเปอร์เซนต์เพื่อนำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ต่างๆ แต่ก็นับว่าเป็นเงินจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบกับเงินก้อนโตที่รัฐบาลสมัยนั้นนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง เช่นเอาไปหว่านหาเสียงตามต่างจังหวัด ทั้งที่เงินจำนวนดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นเงินของประชาชน นอกจากนี้ การที่รัฐจำหน่ายหวยบนดิน 2 และ 3 ตัว หรือที่เรียกกันแบบชาวบ้านว่า หวยกินรวบ ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างไปจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้อง อีกทั้ง สลากกินแบ่งรัฐบาลยังมีการแบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ชัดเจน มีโครงสร้างที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่การจำหน่ายหวยบนดิน 2 และ 3 ตัว ของรัฐบาลชุดนั้น ไม่สามารถหาตรรกะใดมายืนยันได้ว่าอะไรคือมาตรฐาน โดยหากสังเกตดูให้ดีๆ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามออกกวาดล้างมาเฟียทุกรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ ภารกิจการปราบหวยเถื่อนหรือหวยใต้ดิน ซึ่งขณะนั้นได้มีการจับกุมเจ้ามือหวยเถื่อนจำนวนมาก แต่สุดท้ายแล้ว รัฐบาลชุดดังกล่าวก็ทำเพื่อตัวเอง ด้วยการเดินหน้าจัดการให้รัฐเป็นเจ้ามือหวยบนดิน

“รัฐมนตรีสมัยนั้นจะอ้างว่าไม่มีความรู้ด้านกฏหมายไม่ได้ เพราะหากมีการเสนอแนวคิดหรือนโยบายใด จะต้องมีการศึกษาข้อมูลทั้งผลดีและผลเสีย แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้น คือ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมกระทำความผิด เป็นคนในกองสลากฯ ซึ่งต้องทราบดีอยู่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวในทางกฏหมายทำได้หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ยอมโต้แย้งหรือขัดขืนใดๆ กลับไปช่วยผลักดันให้โครงการดังกล่าวสำเร็จ” นายประพันธ์กล่าว

น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า หนึ่งในสาธารณประโยชน์ที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ยกขึ้นมาบังหน้าในการนำเงินจำหน่ายหวยบนดิน 2 และ 3 ตัวไปใช้ คือ การให้ทุนการศึกษาเยาวชนไปต่างประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังสร้างปัญหาหนักใจให้แก่ทางกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจาก โครงการดังกล่าวไม่ได้สัมฤทธิ์ผลจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมด้านต่างๆ ทำให้เยาวชนที่ได้รับทุนไปศึกษาต่อนั้น ติดขัดหรือประสบปัญหาจำนวนมาก และถูกส่งกลับเกือบทั้งหมด จึงเห็นได้ชัดเจนว่าโครงการนี้ ไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่สังคมจริงๆ เนื่องจากเงินที่เจียดมาใช้จ่ายแต่ละโครงการเพื่อสังคมก็น้อยมาก ถ้าเทียบกับเงินจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ มอมเมาประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น