“พัชรวาท” ร่วมพิธีสวนสนามอำลาตำแหน่งที่ ร.ร.นรต.สามพราน โดย “ปทีป” และเพื่อนนายตำรวจมอบดอกไม้เป็นกำลังใจ เจ้าตัวเผยหลังเกษียณจะทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดี วิกฤตที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตไม่รู้สึกหนักใจ ยึดคติ “ความอดทนคือผู้ชนะ” ใช้เป็นเกราะกำบังมาตลอด ย้ำไม่เคยฝันจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด ที่ผ่านมาไม่เคยรังแกลูกน้อง ยันเหตุการณ์สลายชุนนุมพันธมิตรฯ 7 ตุลาเลือด ทำตามหน้าที่ ฝากถึง ผบ.ตร.คนใหม่ ให้ยึดความโปร่งใสยุติธรรมชูหลัก 9 ข้อของตำรวจนำการทำงาน
วันนี้ (30 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในฐานะอุปนายกสภาการการศึกษา ร.ร.นรต.ได้เดินทางไปที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม เพื่อเข้าร่วมพิธีตรวจพลสวนสนามที่ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จัดให้เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ โดยมี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ นายกสภาการศึกษา ร.ร.นรต.นำคณะข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช.สังกัดต่างๆ เดินทางมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับภาคพิธีในช่วงเช้า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ทำการวางพานประดับพุ่มดอกไม้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ก่อนเข้าสู่ปะรำพิธี ณ ที่ชุมพล ลานฝึกศรียานนท์ เพื่อขึ้นรถตรวจพลสวนสนาม และก้าวขึ้นแท่นรับการเคารพจากขบวนสวนสนาม โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ให้โอวาทแก่เหล่าข้าราชการตำรวจ และนักเรียนนายร้อยตำรวจทุกนายว่า ขอขอบคุณสภาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ข้าราชการตำรวจ รวมทั้งเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจ ตลอดจนท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้เดินทางมาร่วมพิธีในวันนี้ ตนและครอบครัวรู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจ ประกอบพิธีสวนสนามของนักเรียนนายร้อยตำรวจในวันนี้ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจ และความปรารถนาดีต่อตน และครอบครัววงศ์ตระกูลอย่างจริงใจ
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า ตลอดช่วงเวลาที่รับราชการ ตนได้รับความร่วมมือร่วมใจจากเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทุกท่านได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ แม้ว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะหนัก และมีอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม พวกเราก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสำเร็จ เป็นที่ประจักษ์ยอมรับของบุคคลทั่วไปได้เป็นอย่างดี ตนขอฝากให้พวกเราทุกคน มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ และมีจิตสำนึกในการทำงานขอให้มีความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะร่วมมือร่วมใจกันในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
“โดยเฉพาะนักเรียนนายร้อยตำรวจ ขอให้ยึดถือแบบอย่างจากรุ่นพี่ๆ ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ และได้ออกไปทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติในระดับต่างๆ มากมาย จึงสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและเตรียมความพร้อม สำหรับการเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ดีมีคุณภาพไปพิทักษ์รับใช้ประชาชน และประเทศชาติ และขอให้ช่วยกันสนับสนุนพัฒนาสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้าตลอดไป สำหรับผมและวงศ์ตระกูล พร้อมเสมอที่จะให้การสนับสนุนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจอย่างเต็มกำลังความสามารถ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
หลังเสร็จสิ้นการให้โอวาท ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดย พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผบช.ร.ร.นรต.ก็ได้มอบของที่ระลึกให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก่อนที่เพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พร้อมรอง ผบ.ตร.ทุกนาย รวมทั้งกลุ่มอดีตนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และประชาชนที่มารับชมการสวนสนาม จะเข้ามามอบช่อดอกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ปฏิบัติหน้าที่จนถึงเกษียณอายุราชการในวันนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ให้โอกาสตอบข้อซักถามกับผู้สื่อข่าวอย่างไม่เป็นทางการ ณ ห้องรับรองอาคาร 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยว่า พิธีสวนสนามที่จัดขึ้นในวันนี้ก็เพื่อเป็นเกียรติให้กับ ผบ.ตร.โดยทำกันเป็นประเพณีมาช้านานแล้ว ซึ่งหลังจากที่เกษียณอายุราชการไปตนก็จะทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดี ส่วนวิกฤตต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเลย เนื่องจากถือคติว่า “ความอดทนคือผู้ชนะ” มาโดยตลอด ถ้าเราทำดีก็ขอให้ใช้ความอดทนเป็นเกราะกำบัง ก่อนหน้านี้ถามว่าอยากเป็น ผบ.ตร.หรือไม่ ตอบได้ว่าตนไม่อยากเป็น ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งรักษาการณ์เมื่อวันที่ 29 ก.พ.51 ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่เคยรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เคยปล่อยปละละเลยประชาชน และยึดถือประชาชนเป็นหลัก
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า สำหรับคดีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น อาจเป็นเพราะว่าแผนกรกฏ 48 ไม่รัดกุมเพียงพอ ถามว่าจะตรวจสอบได้หรือไม่ มันสามาถตรวจสอบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตนขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ตนทำตามหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องสู้ต่อไปไม่ใช่การสู้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาตนยอมรับการตัดสินของ ป.ป.ช.ได้ แต่ก็เชื่อว่าประชาชนรับทราบอยู่แล้วว่าตำรวจไม่ต้องการปะทะ ไม่อยากทำร้ายประชาชน แต่ที่ทำไปเพราะคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งผมก็พยายามบอกตลอดว่า หากไม่มีกฎหมายควบคุมฝูงชนขึ้นมาตำรวจก็จะไม่สามารถทำงานได้
“ฝากถึงว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ด้วยว่า การที่ต้องขึ้นมารับตำแหน่งดูแลตำรวจมากมายนั้น จะต้องอาศัยความยุติธรรมโปร่งใส ต้องให้กำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา อาชีพตำรวจต้องสัมผัสกับประชาชนตลอดตั้งแต่รากหญ้าจนถึงชั้นสูงสุด การทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร.มีกฎหมายใช้ทำงาน แต่การกำหนดภาวะผู้นำต้องมี รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมมือร่วมใจทำงานด้วยไม่สามารถทำงานเพียงลำพังได้ ขอให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายยึดหลักอุดมคติ 9 ข้อของตำรวจ และใช้คุณธรรม จริยธรรมของตำรวจในการทำงาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธาและไว้วางใจ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท แจกเอกสารชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหา 4 กรณีคือ กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นตอในคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีทุจริตงบประชาสัมพันธ์ 18 ล้าน กรณีซื้อขายตำแหน่ง ว่าทุกอย่างได้ดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง ไม่มีการทุจริตขณะที่กรณีวันที่ 7 ตุลาคม ที่ ปปช. ชี้มูลความผิดวินัยและอาญาในเหตุการณ์ นั้น ปปช.เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจตรวจสอบความผิดข้าราชการอย่างเบ็ดเสร็จเช่นเดียวกับศาลหรือตุลากร หากแจ้งผลการสอบสวนไปยังข้าราชการใดแล้วจะไม่สามารถขัดขืนหรือเปลี่ยนแปลงได้ การทำงานของ ปปช.ต้องตระหนักถึงการให้ความยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่ แต่ในคดีนี้ ปปช.ไม่ได้ทำการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ซ้ำยังเร่งรีบ มีการกำหนดวันให้แล้วเสร็จ
"ตั้งข้อสังเกตุว่า การทำงานของ ปปช.เป็นลักษณะฟังความข้างเดียว ทั้งเรื่องการกระทำของผู้ชุมนุม และโดยเฉพาะประเด็นแก๊สน้ำตา ที่กล่าวหาว่าเกิดจากการกระทำของผ่ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่มีภาพหรือเหตุการณ์ใดให้เห็นประจักษ์ชัดเจนว่า การไต่สวนของ ปปช.ก็ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งนี้ยืนยันว่า แก๊สน้ำตาเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความรุนแรงและเป็นไปตามหลักสากล โดยการจัดหาดังกล่าว ทางครม.ได้มีมติปี 2535 ให้ ตำรวจจัดหาไว้เพื่อใช้ในการควบคุมฝูงชนภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งตำรวจใช้หลายครั้ง ไม่เคยมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว" พล.ต.อ.พัชรวาทชี้แจง
วันนี้ (30 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในฐานะอุปนายกสภาการการศึกษา ร.ร.นรต.ได้เดินทางไปที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม เพื่อเข้าร่วมพิธีตรวจพลสวนสนามที่ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จัดให้เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ โดยมี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ นายกสภาการศึกษา ร.ร.นรต.นำคณะข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช.สังกัดต่างๆ เดินทางมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับภาคพิธีในช่วงเช้า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ทำการวางพานประดับพุ่มดอกไม้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ก่อนเข้าสู่ปะรำพิธี ณ ที่ชุมพล ลานฝึกศรียานนท์ เพื่อขึ้นรถตรวจพลสวนสนาม และก้าวขึ้นแท่นรับการเคารพจากขบวนสวนสนาม โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ให้โอวาทแก่เหล่าข้าราชการตำรวจ และนักเรียนนายร้อยตำรวจทุกนายว่า ขอขอบคุณสภาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ข้าราชการตำรวจ รวมทั้งเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจ ตลอดจนท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้เดินทางมาร่วมพิธีในวันนี้ ตนและครอบครัวรู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจ ประกอบพิธีสวนสนามของนักเรียนนายร้อยตำรวจในวันนี้ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจ และความปรารถนาดีต่อตน และครอบครัววงศ์ตระกูลอย่างจริงใจ
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า ตลอดช่วงเวลาที่รับราชการ ตนได้รับความร่วมมือร่วมใจจากเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทุกท่านได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ แม้ว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะหนัก และมีอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม พวกเราก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสำเร็จ เป็นที่ประจักษ์ยอมรับของบุคคลทั่วไปได้เป็นอย่างดี ตนขอฝากให้พวกเราทุกคน มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ และมีจิตสำนึกในการทำงานขอให้มีความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะร่วมมือร่วมใจกันในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
“โดยเฉพาะนักเรียนนายร้อยตำรวจ ขอให้ยึดถือแบบอย่างจากรุ่นพี่ๆ ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ และได้ออกไปทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติในระดับต่างๆ มากมาย จึงสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและเตรียมความพร้อม สำหรับการเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ดีมีคุณภาพไปพิทักษ์รับใช้ประชาชน และประเทศชาติ และขอให้ช่วยกันสนับสนุนพัฒนาสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้าตลอดไป สำหรับผมและวงศ์ตระกูล พร้อมเสมอที่จะให้การสนับสนุนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจอย่างเต็มกำลังความสามารถ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
หลังเสร็จสิ้นการให้โอวาท ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดย พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผบช.ร.ร.นรต.ก็ได้มอบของที่ระลึกให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก่อนที่เพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พร้อมรอง ผบ.ตร.ทุกนาย รวมทั้งกลุ่มอดีตนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และประชาชนที่มารับชมการสวนสนาม จะเข้ามามอบช่อดอกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ปฏิบัติหน้าที่จนถึงเกษียณอายุราชการในวันนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ให้โอกาสตอบข้อซักถามกับผู้สื่อข่าวอย่างไม่เป็นทางการ ณ ห้องรับรองอาคาร 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยว่า พิธีสวนสนามที่จัดขึ้นในวันนี้ก็เพื่อเป็นเกียรติให้กับ ผบ.ตร.โดยทำกันเป็นประเพณีมาช้านานแล้ว ซึ่งหลังจากที่เกษียณอายุราชการไปตนก็จะทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดี ส่วนวิกฤตต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเลย เนื่องจากถือคติว่า “ความอดทนคือผู้ชนะ” มาโดยตลอด ถ้าเราทำดีก็ขอให้ใช้ความอดทนเป็นเกราะกำบัง ก่อนหน้านี้ถามว่าอยากเป็น ผบ.ตร.หรือไม่ ตอบได้ว่าตนไม่อยากเป็น ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งรักษาการณ์เมื่อวันที่ 29 ก.พ.51 ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่เคยรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เคยปล่อยปละละเลยประชาชน และยึดถือประชาชนเป็นหลัก
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า สำหรับคดีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น อาจเป็นเพราะว่าแผนกรกฏ 48 ไม่รัดกุมเพียงพอ ถามว่าจะตรวจสอบได้หรือไม่ มันสามาถตรวจสอบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตนขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ตนทำตามหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องสู้ต่อไปไม่ใช่การสู้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาตนยอมรับการตัดสินของ ป.ป.ช.ได้ แต่ก็เชื่อว่าประชาชนรับทราบอยู่แล้วว่าตำรวจไม่ต้องการปะทะ ไม่อยากทำร้ายประชาชน แต่ที่ทำไปเพราะคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งผมก็พยายามบอกตลอดว่า หากไม่มีกฎหมายควบคุมฝูงชนขึ้นมาตำรวจก็จะไม่สามารถทำงานได้
“ฝากถึงว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ด้วยว่า การที่ต้องขึ้นมารับตำแหน่งดูแลตำรวจมากมายนั้น จะต้องอาศัยความยุติธรรมโปร่งใส ต้องให้กำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา อาชีพตำรวจต้องสัมผัสกับประชาชนตลอดตั้งแต่รากหญ้าจนถึงชั้นสูงสุด การทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร.มีกฎหมายใช้ทำงาน แต่การกำหนดภาวะผู้นำต้องมี รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมมือร่วมใจทำงานด้วยไม่สามารถทำงานเพียงลำพังได้ ขอให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายยึดหลักอุดมคติ 9 ข้อของตำรวจ และใช้คุณธรรม จริยธรรมของตำรวจในการทำงาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธาและไว้วางใจ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท แจกเอกสารชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหา 4 กรณีคือ กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นตอในคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีทุจริตงบประชาสัมพันธ์ 18 ล้าน กรณีซื้อขายตำแหน่ง ว่าทุกอย่างได้ดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง ไม่มีการทุจริตขณะที่กรณีวันที่ 7 ตุลาคม ที่ ปปช. ชี้มูลความผิดวินัยและอาญาในเหตุการณ์ นั้น ปปช.เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจตรวจสอบความผิดข้าราชการอย่างเบ็ดเสร็จเช่นเดียวกับศาลหรือตุลากร หากแจ้งผลการสอบสวนไปยังข้าราชการใดแล้วจะไม่สามารถขัดขืนหรือเปลี่ยนแปลงได้ การทำงานของ ปปช.ต้องตระหนักถึงการให้ความยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่ แต่ในคดีนี้ ปปช.ไม่ได้ทำการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ซ้ำยังเร่งรีบ มีการกำหนดวันให้แล้วเสร็จ
"ตั้งข้อสังเกตุว่า การทำงานของ ปปช.เป็นลักษณะฟังความข้างเดียว ทั้งเรื่องการกระทำของผู้ชุมนุม และโดยเฉพาะประเด็นแก๊สน้ำตา ที่กล่าวหาว่าเกิดจากการกระทำของผ่ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่มีภาพหรือเหตุการณ์ใดให้เห็นประจักษ์ชัดเจนว่า การไต่สวนของ ปปช.ก็ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งนี้ยืนยันว่า แก๊สน้ำตาเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความรุนแรงและเป็นไปตามหลักสากล โดยการจัดหาดังกล่าว ทางครม.ได้มีมติปี 2535 ให้ ตำรวจจัดหาไว้เพื่อใช้ในการควบคุมฝูงชนภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งตำรวจใช้หลายครั้ง ไม่เคยมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว" พล.ต.อ.พัชรวาทชี้แจง