ครบรอบ 108 ปี การก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผบช.รร.นรต.เตรียมจัดงาน “108 ปี เคียงข้างประชาชน” มีพิธีสวนสนาม มอบแหวนรุ่นและกระบี่สั้นให้กับ นรต.ชั้นปีที่ 1 (รุ่นที่ 66) และ นรต.หญิง รุ่นที่ 1 ในประวัติศาสตร์ตำรวจไทย พร้อมทั้งพิธีสำคัญอีกมากมาย ด้าน นรต.หญิงและชายต่างภูมิใจกับงานอันทรงเกียรติที่จะจัดขึ้น
วันนี้ (25 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องอดิเรกสาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผบช.รร.นรต.พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฏ์ศักดิ์ วิชชารยะ พล.ต.ต.อารีย์ อ่อนชิต รอง ผบช.รร.นรต.และ พ.ต.อ.ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ รร.นรต.จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นเนื่องในโอกาส “ครบรอบ 108 ปี ของการก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ”ซึ่งทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้มีกำหนดการจัดงาน “108 ปี เคียงข้างประชาชน” ขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค.52
พล.ต.ท.อมรินทร์ เปิดเผยว่า ในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมายทั้งการแสดงนิทรรศการและการเสวนาทางวิชาการตำรวจจากคณาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และนักวิชาการที่มีชื่อเสียง อาทิ ศ.ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ มีการจำหน่ายหนังสือราคาถูกและมีคุณภาพจากสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง มีการแสดงกิจกรรมชมรมนักเรียนนายร้อยตำรวจ จำนวน 19 ชมรม และการจำหน่ายสินค้าราคาถูกทั้งสินค้าพื้นบ้าน คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี รวมถึงการแสดงบนเวทีจาก “อี๊ด วงฟลาย” นักร้องชื่อดังอีกด้วย
พล.ต.ท.อมรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนวันที่ 13 ต.ค.ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพิธีการอันเก่าแก่ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ คือพิธีสวมแหวนรุ่นและพิธีมอบกระบี่สั้นให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1 (รุ่นที่ 66) และนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นที่ 1 ในประวัติศาสตร์ตำรวจไทย ปีนี้เป็นแรกที่จะมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักเรียนนายร้อยตำรวจทั้งชายและหญิงทุกชั้นปี โดยจะมีข้าราชการตำรวจจากทุกกองบัญชาการมาร่วมปฏิญาณตนและสวนสนามด้วย ซึ่งการจัดพิธีการในโอกาสครบรอบ 108 ปี ในครั้งนี้ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“นอกจากนี้เรายังได้จัดให้มีพิธีเปิดถนนคุณธรรม โดยการนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องคุณธรรม 4 ประการ ที่ทรงพระราชทานให้แก่พสกนิกรชาวไทย ได้แก่ คุณธรรม, สัจธรรม, เมตตาธรรม และสามัคคี มาก่อสร้างถนนคุณธรรมซึ่งตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของโรงเรียนนายร้อยตำรวจเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและอุดมการณ์ที่ดีแก่นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคนอีกด้วย” พล.ต.ท.อมรินทร์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ดร.ธัชชัย กล่าวว่า ในวันที่ 13 ต.ค.นี้นอกจากจะมีพิธีการสำคัญๆ เกิดขึ้นมากมายแล้ว ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจยังได้จัดพิธีเททองและพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อนาค ซึ่งเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตั้งแต่ พ.ศ.2447 โดยมีสมเด็จพระพุทธจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศและพระเกจิอาจารย์ดัง ร่วมทำพิธีเททองและพิธีพุทธธาภิเษก เพื่อให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนที่สนใจได้เช่าบูชาไว้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวด้วย
จากการสอบถาม นรต.พิชญ์ ภาคพิชาจรัญ นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 2 กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่จะได้กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามเนื่องในวันตำรวจอีกครั้ง ตนใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อและพี่ชายก็เป็นตำรวจ ที่พยายามพากเพียรสอบเข้ามาจนได้เรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจนั้น เนื่องจากตนเห็นว่าอาชีพตำรวจนี้เป็นงานที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากที่สุดอาชีพหนึ่ง ตั้งแต่ทางโรงเรียนได้รับน้องๆ นรต.หญิงรุ่น 1 เข้ามา ทีแรกตนและเพื่อนๆ คิดกันว่าหญิงกับชายน่าจะปรับตัวเข้ากันลำบาก เพราะระบบของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่น้องๆ ก็พิสูจน์ให้พวกตนเห็นแล้วว่า ผู้หญิงก็มีความสามารถไม่แพ้ผู้ชาย ทำอะไรได้เก่งๆ หลายอย่างเช่นเดียวกัน
ขณะที่ นรต.หญิง สกุนี ชูราศรี หัวหน้าหมวดนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง ชั้นปีที่ 1 เปิดเผยว่า หลังจากผ่านการฝึกมา 6 เดือน ตนและเพื่อนๆ ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว มีบางส่วนเท่านั้นที่เหมือนจะถอดใจขอลาออก แต่ตนและเพื่อนๆ ที่เหลือก็พยายามช่วยกันให้กำลังใจ จนในขณะนี้ยังไม่มี นรต.หญิง คนไหนลาออกไปเลยสักคนเดียว
สำหรับการสวนสนามในครั้งนี้จะมีข้าราชการตำรวจทุกกองบัญชาการและมี นรต.หญิง ร่วมพิธีด้วยเป็นครั้งแรก ตนกับเพื่อนๆ จึงรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ภูมิใจมากที่พวกเราได้มาอยู่ตรงจุดนี้ ซึ่งในวันที่ 13 ต.ค.นี้ผู้ปกครองของพวกตนจะต้องมาชมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
“ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 108 ปี ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมดีๆ ขึ้นมากมาย ในฐานะตัวแทนของนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง ฉันอยากฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปไม่เว้นแต่ในละแวกใกล้เคียง ให้เดินทางมาร่วมงานและชมพิธีสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสักครั้งหนึ่ง” นรต.หญิง สกุนี กล่าว