โรงเรียนนายร้อยตำรวจส่ง นรต.ฝึกปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์ เพื่อเรียนรู้-เข้าใจปัญหาของผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้รักการแก้ไขปัญหาของชุมชนจากประสบการณ์จริง
วานนี้ (16 ก.ย.) พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผบช.รร.นรต.และ พ.ต.อ.ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ รร.นรต.นำคณะครูอาจารย์เดินทางไปตรวจเยี่ยมนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 3 จำนวน 18 นาย ที่ถูกส่งไปร่วมดูงานและฝึกอบรมตามหลักสูตร “นรต.สัมผัสปัญหาชุมชน” ณ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนบ้านเฟื่องฟ้าและสถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพ (ปากเกร็ด) ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พล.ต.ท.อมรินทร์ เปิดเผยว่า สำหรับหลักสูตร “นรต.สัมผัสปัญหาชุมชน” ครั้งนี้ถือเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ที่ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้จัดส่งนักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 จำนวน 217 นาย เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์ มูลนิธิ และศูนย์ฝึกอบรมต่างๆ ในเขตพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 39 หน่วยงาน เพื่อให้นักเรียนนายร้อยตำรวจได้เรียนรู้และเข้าใจปัญหาของผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกในความรักต่อการแก้ไขปัญหาของชุมชนจากการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริง เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป
ด้าน นรต.ธเรศ วงศ์วรานุรักษ์ 1 ในผู้เข้ารับการฝึก กล่าวว่า แม้การฝึกตามหลักสูตรนี้จะมีระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนทุกคนทราบปัญหาว่า ตำรวจไม่ได้มีแค่ปัญหาเรื่องการป้องกันและปราบปรามอาชญากร แต่ทำให้ได้รู้จักสภาพปัญหาของสังคมและประชาชนมากขึ้น ได้เรียนรู้ทั้งปัญหาด้านฐานะ และสภาพครอบครัวซึ่งน่าจะทำให้เราสามารถควบคุมปัญหาของครอบครัวตัวเองและของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ในภายหน้า
“จากการที่ได้เข้ามาสัมผัสกับชีวิตของเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไทแห่งนี้ ทำให้คิดถึงเยาวชนวัยศึกษาเล่าเรียนที่มักจะชิงสุกก่อนห่าม มีรักกันในวัยเรียน จนก่อให้เกิดการตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกหลานออกมาเป็นภาระของสังคม เนื่องจากวุฒิภาวะของเยาวชนเหล่านี้ยังไม่มีความพร้อม ลูกๆจึงต้องถูกส่งเข้ามาที่สถานสงเคราะห์ตั้งแต่วันลืมตาดูโลก ก็อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ และ น้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียน ให้รู้จักวางตัวและวางแผนชีวิตคู่ให้เหมาะสมมีหน้าที่เรียนก็ควรเรียนและเป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ก่อนจะดีกว่า” นรต.ธเรศ กล่าว
ด้าน นางรชธร พูลสิทธิ์ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท กล่าวว่า สถานสงเคราะห์แห่งนี้สามารถรองรับเด็กไว้ในความอุปการะได้ 300 คน แบ่งเป็นเด็กติดเชื้อ HIV จำนวน 50 คน และเด็กปกติอีก 250 คน ซึ่งเด็กทุกคนที่ถูกส่งเข้ามาที่นี่มีหลายปัญหา ตั้งแต่ถูกทอดทิ้งหลังคลอด ถูกทิ้งไว้ตามถังขยะหรือข้างถนนหนทาง และเด็กที่แม่เป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำโดยเด็กส่วนใหญ่ที่ถูกส่งมานั้นมักจะมีปัญหาทางสุขภาพตามมาด้วย เช่น ถูกมดแมลงจากในถังขยะกัดต่อย ทำให้พี่เลี้ยงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลกันมากกว่ารายที่เป็นผู้ใหญ่
นางรชธร กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ สามารถติดต่อเข้ามาให้ความช่วยเหลือได้หลายรูปแบบตั้งแต่ เข้ามาเยี่ยมเยียนและเล่นกับเด็ก เข้ามาเป็นอาสาสมัครช่วยกิจกรรมต่างๆ เช่น ป้อนข้าว เล่านิทาน หรือพาเด็กไปทัศนศึกษา อีกทั้งสามารถนำเงินหรือสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กมาบริจาค นอกจากนี้ ยังสามารถรับเด็กไปเลี้ยงดูเป็นการชั่วคราวได้อีกด้วย โดยติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมไดที่เบอร์ 0-2584-7253-55 ในวันและเวลาราชการ