“สุริยะใส” ชี้คำวินิฉัย ป.ป.ช.สะท้อนเจตนาการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หวังปกป้องชาติ ไม่ใช่วาระส่วนตัวเช่น นปช. เชื่อ “นพเหล่-สมัคร” รอดยาก เหตุเจตนาทำผิดชัดเจน ทั้งที่หลายฝ่ายทักท้วงแต่แรก กลับลุกลี้ลุกรนรวบรัดตัดตอน จี้รัฐบาลเร่งขยายผลปกป้องดินแดนไทย
วันนี้ (30 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนคิดว่าผลการวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ที่มีมติชี้มูลความผิดและตั้งข้อกล่าวหานายพลดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นบทพิสูจน์การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีว่า ได้ทำหน้าที่ในฐานพลเมืองปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นหรือเป็นเรื่องส่วนตัวต่างกับการเคลื่อนไหวของ นปช.ที่เอาผลประโยชน์ของบุคคลอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
“เจตนาของทั้งนายสมัคร และนายนพดล ชัดเจนว่าจะทำให้ไทยเสียดินแดน และหวังผลช่วยนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ให้ชนะการเลือกตั้ง คำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ถือว่าทำให้คนไทยได้รับทราบข้อเท็จจริง และเป็นบรรทัดฐานที่ดีกับผู้มีอำนาจ หาก ป.ป.ช.จะกลั่นแกล้งคนของระบอบทักษิณ ทำไมครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่โดนชี้มูลความผิดไปด้วย จริงๆ แล้วก่อนที่ ครม.จะอนุมัติและลงนามในแถลงการณ์ร่วม ทั้งพันธมิตรฯ และนักวิชาการออกมาทักท้วงว่ามีวาระซ่อนเร้นและขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ต้องขอปรึกษาหารือจากทางรัฐสภาก่อน แต่นายนพดล และนายสมัคร ลุกลี้ลุกลนรวบรัดตัดตอน และมัดมือชกข้าราชการหลายฝ่ายจนผลต้องออกมาแบบนี้ และก็ยังเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ที่ในตอนนั้นนายนพดล ลาออกทันทีหลังลงนามในแถลงการณ์ร่วม ทำให้ชวนสงสัยว่านายนพดลเข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเพื่อภารกิจเขาพระวิหารเป็นการเฉพาะ” นายสุริยะใสระบุ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุอีกว่า นายสมัครและนายนพดลต้องยอมรับว่าเป็นผลจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้นจะโทษใครคงไม่ได้ แม้นายนพดลและนายสมัครจะมีสิทธิที่จะพิสูจน์ตัวเองในขั้นตอนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ปัญหาใหญ่ก็คือจะพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้อย่างไรว่าไม่มีวาระซ่อนเร้น แอบแฝงและไม่กระทำการขัดรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องใส่ใจและจริงใจขยายผลชี้แจงกับกัมพูชาและประชาคมโลกว่า ไทยเรามีอธิปไตยเหนือดินแดนพิพาทกับกัมพูชา ข้อตกลงทั้งในที่ลับและที่แจ้งที่รัฐบาลเก่าๆ ไปทำไว้กับรัฐบาลกัมพูชาไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกระบวนการทางกฎหมายของประเทศไทยทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และ ป.ป.ช.วินิจฉัยไปทางเดียวกันหมด