ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แนะจับตาแผนโค่นรัฐบาล ชี้อำนาจเก่าจับมือนอกระบบใช้คำวินิจฉัย ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือขยายผล เตือน “มาร์ค” แปรวิกฤตเป็นโอกาสรื้อระบอบรัฐตำรวจ เชื่อประกาศิตดูไบสั่งถนนทุกสายเดินเกมป่วนทวงคืนอำนาจสิ้นเดือนนี้
วันนี้ (11 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพัรธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในฐานะเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวว่า ในขณะนี้ขบวนการต่อต้านคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลา 51 กำลังถูกขยายผลเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการล้มรัฐบาล และอาจถึงขั้นไต่ระดับไปกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ตามประกาศิตดูไบ ซึ่งเห็นว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะและทวงอำนาจคืนได้ ขบวนการนี้เป็นการผสมกันระหว่างอำนาจในระบบและอำนาจนอกระบบ ซึ่งล้วนเป็นเครือข่ายเก่าของระบอบทักษิณ ในช่วงเปลี่ยนขั้วทางการเมืองอำนาจเหล่านี้จะอำพรางตัว หลบๆ ซ่อนๆ แต่แอบเกื้อกูลระบอบทักษิณมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้เครือข่ายอำนาจเหล่านี้ถูกออกแบบให้ร่วมไม้ร่วมมือกันต่อต้านและขัดขวางรัฐบาลชุดนี้ทุกวิถีทาง
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการขยายผลคำวินิฉัยของ ป.ป.ช.ครั้งนี้มีทั้งตำรวจในเครื่องแบบ อดีตนายตำรวจ รวมทั้งผู้ถูกชี้มูลความผิด ที่เกรงว่าตัวเองอาจถูกจำคุกในท้ายที่สุด จึงอาจเข้าร่วมผสมโรงกลับขบวนการดังกล่าว สถานการณ์แบบนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการก่อเหตุและสร้างสถานการณ์ทั้งใต้ดินบนดิน เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อหยุดทุกอย่างโดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมที่กำลังไต่สวนโค้งสุดท้ายในคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท และคดีบริวารทักษิณ
รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ โดยเฉพาะการใช้กลไกตำรวจที่ยังฝักใฝ่ระบอบทักษิณ สร้างสถานการณ์วุ่นวายดังกล่าว ฉะนั้น นายกรัฐมนตรีและ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ที่ดูแลรับผิดชอบ สตช.จะต้องถือโอกาสนี้ในการจจัดระเบียบกำลังพล ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ โดยเฉพาะรัฐตำรวจที่ถูกสถาปนาขึ้นในระบอบทักษิณ ยังไม่ถูกสลายไป ที่สำคัญยังพยายามรักษาสถานะไว้ตลอดเวลา
ฉะนั้น นายกรัฐมนตรีจต้องกล้าแปรวิกฤตเป็นโอกาสจัดระเบียบ สตช.ให้เข้าที่เข้าทางเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากนายกฯ ไม่กล้าทำ กลไกตำรวจอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานนายกฯ ได้ในภายหลัง