“สนธิ” เผย น้อมรับคำตัดสินศาล หากถึงฎีกาจะต้องติดคุกก็ยอม เพื่อสร้างมาตรฐานว่าต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ระบุทุกคดีเกิดขึ้นช่วงออกมาสู้ระบอบทักษิณ ที่เคยครองอำนาจรัฐ และมีเครือข่ายกว้างขวาง วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง เชื่อ 15-30 ก.ย.เดือดกว่าสงกรานต์แน่ ทุกฝ่ายจ้องร่วมกฐินเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่ “สนธิ-เอเอสทีวี” ก็อยู่ในเป้าถูกโจมตี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 18.17 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ News Hour ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่า ขอเท้าความก่อน ว่า ขณะนี้ตนเองถูกฟ้องร้องจำนวน 4 คดี คือ คดีที่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่วันนี้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาลดโทษจำคุกเหลือ 6 เดือน คดีที่สองของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ฟ้อง ศาลจำคุก 2 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ คดีที่สาม ลูกน้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เอาป่าไม้มารังควาญที่ลุมพินี ศาลสั่งจำคุก 2 ปี และคดีล่าสุด คดี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ศาลสั่งจำคุก 2 ปี รวมเป็น 6 ปี 6 เดือน
นายสนธิ กล่าวว่า ที่น่าสังเกตคือ คดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาททั้งหมดนั้น เกิดขึ้นช่วงที่เริ่มต่อสู้กับระบอบทักษิณเมื่อปี 2548 ซึ่ง นช.ทักษิณ มีอำนาจรัฐแข็งแรง มีเครือข่ายทั้งอัยการ ศาล ซึ่งใช้อำนาจผ่านทาง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะปลัดกระทรวงยุติธรรม ขณะนั้น ในตอนนั้นตนเองถูกเล่นงานหนัก ทั้งออกหมายจับ ให้อัยการสั่งฟ้องขึ้นศาลทันที ฯลฯ คดีทั้งหมดนี้ถูกวางไว้หมดแล้ว เขามีอำนาจทุกอย่างในมือ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในตอนนั้นตนจะสู้กับเขาแบบนิ่มนวลไม่ได้ ก็ต้องสู้แบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ก็ต้องออกอาวุธทุกอย่าง เล่นกันแรง เขาใช้อำนาจรัฐ มีเครื่องมือเยอะ มีคนช่วยวางแผนเล่นงาน แต่ตนต้องสู้ทุกอย่างโดดเดี่ยว มีเพียงรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เท่านั้น เพราะตอนนั้นยังไม่มีพันธมิตรฯ ก็ต้องสู้แบบนักรบเดียวดาย บาดแผลเต็มไปหมด ผลที่ออกมาแทงหวยได้เลยว่าผลจะเป็นไง คำถามก็คือ เขาต้องการใช้ศาล ตำรวจ บีบให้ถอย เหมือนกับตอนที่เราประท้วงที่ทำเนียบ แล้วศาลอาญาออกหมายจับ แล้วเราไม่ยอมให้จับ ถ้าถูกจับเราจะขอประกันตัว ปรากฎว่า ถ้าจะให้ประกันตัวเขาต้องการให้สลายม็อบ ห้ามไปนำมวลชน ฉะนั้น ศาลก็ตกเป็นเครื่องมือเขา ก็ต้องสู้
“เข้าใจว่าถอยไม่ได้แล้ว ในสงครามแล้วผมเป็นนักรบ เมื่อตัดสินใจจะเป็นนักรบก็ต้องยอมรับการบาดเจ็บ ยกเว้นคดีอุทธรณ์ครั้งนี้ลดจาก 2 ปี เป็น 6 เดือน เจตนาไม่รอลงเพื่อจะบีบผม เอาคุกมาขู่ ก็ต้องตัดสินใจเดินหน้า ถ้าถึงฎีกาจะต้องติดก็ติด นักรบต้องไม่กลัวตาย” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เหตุที่ตนทำอย่างนี้ อีกนัยหนึ่งก็เนื่องจาก นช.ทักษิณ หนีคดีไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม แต่ใช้เครือข่ายในกระบวนการยุติธรรมที่รับเงิน นช.ทักษิณ มาเล่นงานตน เมื่อถึงตรงนั้นก็ต้องถามตัวเองว่า ทุกครั้งที่โดนพิพากษาก็จะรับคำพิพากษา ศาลตัดสินอย่างไรก็ยอมรับ ถึงจะไม่เห็นด้วยก็จะอุทธรณ์และฎีกา ถ้าฎีกาแล้วให้ติดคุกก็จะติด ตนเคารพกติกา เพราะถือว่าเมื่อตนเคยกำหนดแล้วว่าศาลสถิตย์ยุติธรรมเป็นที่สุดท้ายให้ทุกอย่างจบที่นี่ ก็ต้องให้จบที่นี่ ไม่มีการต่อรอง หลบหนี ไม่มีการต่อว่าศาลสองมาตรฐาน ไม่ทำอย่างที่เขาทำ
“นี่เป็นนัยสำคัญมาก ผมกำลังปกป้องศาลยุติธรรม ว่า นายสนธิ ไม่หนี ไม่ออกมาตำหนิศาล จะทำให้ศาลเข้มแข็ง ส่วนศาลที่ไม่ชอบผมนั้น งานนี้ก็ทำให้ท่านเหมือนกัน นัยตรงนี้สำคัญมากจะเอากี่คดีก็ว่ามา จะติดตอนอายุ 65-70 ปี ก็ว่ามา ลอบยิงก็โดนมาแล้ว ถ้าติดคุกแล้วทำให้ระบบยุติธรรมโดยเฉพาะศาลสถิตย์ยุติธรรมที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เห็นว่า แม้แต่นายสนธิยังเคราพกติกา ผมก็ถือว่าคุ้มค่า” นายสนธิ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามถึงทิศทางคดีของพันธมิตรฯ นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าตำรวจ อัยการ ทำด้วยความยุติธรรมจริงๆ ก็จะเห็นว่าสิ่งที่พันธมิตรฯทำนั้นกว่า 90% ทำตามรัฐธรรมนูญ จะมีบ้างก็เพียงบุกรุกสถานที่ แต่ที่กล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นการใส่ความ อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้เจ้าหน้าที่จะเป็นกลางไม่ได้ต้องยึดถือกฎหมาย พิจารณาเหตุให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม แต่เราพันธมิตรฯมั่นใจมาตั้งนานแล้ว่า เรายืนอยู่บนความถูกต้อง เราไม่กลัว ฉะนั้นตำรวจ อัยการ ศาล ก็ต้องยืนบนความถูกต้อง
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากถูกจำคุก 8 ปี จะกระทบกับทิศทางในการต่อสู้หรือไม่ นายสนธิ กล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า คนเราถ้าใจเป็นนักสู้ไม่มีอะไรมาคุมขังได้หรอก ส่วนกรณีที่เราพยายามทำเพื่อปกป้องสถาบัน ท่านผู้พิพากษาไม่ได้มองอย่างนั้น เราก็มองต่างกันไป ท่านก็เห็นว่า ตนทำผิด เหมือนที่ถ้าตนไม่พูดเรื่อง ดา ตอร์ปิโด แล้ววันนี้ ดา ตอร์ปิโด จะถูกดำเนินคดีไหม หรืออย่างคดีเว็บไซต์ต่างๆ ที่หมิ่น ตนก็เป็นคนเริ่มทั้งนั้น จนตอนหลังเพิ่งจะมีการะบวนการปิดเว็บต่างๆ ต้องมีคนบาดเจ็บคนแรก สังคมไทยต้องมีคนเจ็บคนแรก เสียสละ ที่ไมอยากพูดเรื่องนี้ ก็จะหาว่าสนธิคุยโว ยกยอตัวเอง มันไม่ใช่
“อยากฝากบอกพี่น้องพันธมิตรฯ และคนที่ยังรักผมอยู่ว่า เข้าใจในความเป็นห่วง เข้าใจ และซาบซึ้ง แต่ขอให้ระลึกว่าผมจำเป็นต้องเจ็บแทนเพื่อพี่น้องพันธมิตรฯ ไมงั้นกระบวนการจะไม่เจริญเติบโตมาถึงทุกวันนี้ และมันจะต้องเติบโตต่อไป ถ้าผมเจ็บแล้วสำเร็จ การเมืองใหม่เติบโต ชาติพระมหากษัตริย์อยู่ได้ ผมก็ถือว่าคุ้ม”
ผู้ดำเนินรายการขอให้วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะมีการชุมนุมของเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ นายสนธิ กล่าวว่า จะเป็นเหตุการณ์ที่ร้อนแรงที่สุดช่วง 15-30 ก.ย.เป็นต้นไป อาจจะร้อนแรงกว่าช่วงเมษาฯ เพียงแต่จะร้อนแรงรูปแบบไหน ขณะนี้เป็นกระบวนการกฐินสามัคคีแล้ว บางฝ่ายไม่ชอบขี้หน้ากัน ก็จะร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้พวกเขาตาย แม้แต่ตอนนี้ยังมีข่าวกระบวนการยิงผมขึ้นอีกครั้ง ก็จากคนสีเขียวนั่นล่ะ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่ามือวางระเบิดจากใต้ขึ้นมาหลายคนแล้ว ตนเองก็มีการข่าวเหมือนกัน เอเอสทีวีก็เป็นเป้าที่เขาจะบุก แต่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ต้องจำไว้อย่าง นช.ทักษิณ จะไม่มีวันที่จะยอมให้รัฐบาล เป็นรัฐบาลที่ไม่ใช่ของตัวเอง สังเกตสมัยสมัคร สมชาย จะเอานพดล สมพงษ์เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อให้ทักษิณไปไหนต่อไหนได้ ขณะเดียวกัน ก็จะใช้กระบวนการทางการเมืองของเขาแก้กฎหมายให้ถูก พอเปลี่ยนเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นช.ทักษิณ ก็อยู่ในสถานะหมาจนตรอก ฉะนั้น ก็ต้องล้มนายอภิสิทธิ์ให้ได้ ถ้าไม่ได้ ตำรวจก็ต้องเป็นของเขา
“ย้อนหลังไปยุคที่ทักษิณมีอำนาจจนถึงวันนี้ ตำรวจเป็นของเขาตลอดโกวิท (พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ) จนถึง พัชรวาท (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) เป็นของเขาหมด ฉะนั้น ตำรวจคนต่อไปขึ้นมาต้องเป็นของเขา ถ้าเป็นคนอื่นที่สั่งไม่ได้คุมไม่ได้ เขาจะอยู่ในสภาวะลำบาก เพราะปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้เกิดขึ้นจากตำรวจทั้งนั้น ความชั่วร้ายเกิดขั้นมาเพราะเรามีตำรวจไม่ดีอยู่จำนวนหนึ่งที่มีอำนาจ จะเห็นได้ชัดว่า ทักษิณ จะต้องสู้สุดฤทธิ์ เดิมพันสูงที่สุดตอนนี้ เยาวภา (วงศ์สวัสดิ์) ก็ต้องสู้สุดฤทธิ์ เพราะสมชายกำลังจะเดินเข้าสู่ศาลฎีกาฯ (แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง)” นายสนธิ กล่าว และว่า เหล่านี้จะเป็นกระบวนการเพื่อตัวเองแต่ทักษิณจะได้ประโยชน์ด้วย
นายสนธิ เผยด้วยว่า ขณะนี้มีการแอบอ้างชื่อของราชวงศ์บางท่าน ว่า สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ให้เป็น ผบ.ตร.โดยผ่านผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคน ทำให้สถาบันกษัตริย์มัวหมอง พูดอย่างเปิดเผย คนพวกนี้ทำลายสถาบัน แล้วพวกเราพันธมิตรฯต้องมาปกป้อง ติดคุก โดนฟ้อง ถูกตามฆ่า แต่อีกฝ่ายนำสถาบันมาเพื่อตั้ง ผบ.ตร.เพื่อตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่างทิ้งท้ายว่า อยากให้พันธมิตรฯและประชาชน มีความอดทนเชื่อมั่นว่า นับตั้งแต่ปี 2548 ที่เริ่มกระบวนการภาคประชาชน จนถึงวันนี้เรามาไกลแล้ว ทำไมทุกคนถึงดิ้นรนเดือดร้อน เพราะพวกเราเดินมาไกล จนกระทั่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัดสินโทษ พวกนี้ออกมา ก็ต้องนับเป็นชัยชนะของประชาชนเช่นกัน ตอนนี้พวกคนชั่วเริ่มมารวมตัวกันแล้ว จะทำลายล้างพวกนี้ได้แล้ว วิธีก็คือ จิตใจที่มุ่งมั่นของพวกเรา ถ้าท้อถอยให้นึกถึงวิญญาณน้องโบว์ คุณแจ๊ค ที่ขาขาด สารวัตรจ๊าบ และหลายๆ คนที่ตายไป และกระสุนปืนหลายร้อยนัดที่สาดใส่ตนเอง อย่าท้อถอย