xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”ซัดคน กต.รับใช้ “แม้ว”ต้นเหตุไทยเสีย “พระวิหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ”แฉต้นเหตุไทยเสียดินแดนพระวิหาร ชี้ชัด “ทักษิณ”แอบตกลงแลกเปลี่ยนทำธุรกิจพลังงานในเขตทับซ้อน มีคนกระทรวง“บัวแก้ว”คอยรับใช้ พร้อมทหารที่คุมธุรกิจเถื่อนตามแนวชายแดนร่วมหนุน ชี้ปม ไม่ยอมยกเลิกแถลงการณ์ร่วมฯ หวังปกป้องคน กต.พ้นผิด จากคำพิพากษาศาล รธน. เตือน “มาร์ค”ยึดแนวทางสันติภาพ แต่ปล่อยให้เขมรบุกรุกดินแดน ตั้งชุมชน เจรจาอีกสิบชาติก็ไม่จบ ย้ำ “ฮุนเซน”ไร้จริยธรรม คิดแต่กอบโกย แถมติดสินบนนักการเมืองไทย

คลิกที่จอภาพเพื่อรับชม





 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"ทางเอเอสทีวี เมื่อคืนวันที่ 4 ก.ย. ถึงการสูญเสียอธิปไตยบริเวณพื้นที่เขาพระวิหารว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน แต่ที่เป็นปัญหาขึ้นมา เพราะมีคนขายชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหาร คนในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องการปกปิดความผิดของตัวเอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้ จึงยอมเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะถือว่าเป็นแผ่นดินของเขา ไม่มีสำนึกความเป็นไทย รวมถึงทหารเลวๆ บางคนที่ทำมาค้าขายตามแนวชายแดน เห็นด้วยที่จะให้เขมรเข้ามา เพื่อให้ตัวเองได้ค้าขายต่อ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องเขาพระวิหารนั้นง่ายนิดเดียว หากย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1904 หรือ ร.ศ.122 ที่มีการค้นพบปราสาทพระวิหารโดยคนไทย ต่อมาในปี 1907 มีการทำสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ระบุชัดว่าปราสาทพระวิหารเป็นของไทย และยึดหลักสันปันน้ำในการแบ่งเขตแดน แต่ในปี 1908 ฝรั่งเศสเขียนแผนที่ขึ้นมาใหม่ และใช้ความเจ้าเล่ห์ผนวกเอาปราสาทพระวิหารเป็นของเขาด้วย แล้วเอาแผนที่นั้นเก็บไว้กับเขมร โดยที่ไทยไม่รู้ และมีการยกเลิกข้อตกลงปี 1907 จนกระทั่งปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) เขมรใช้ความเจ้าเล่ห์ฟ้องต่อศาลโลกว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขา และในปี 2505 ศาลโลกก็ตัดสินว่าตัวปราสาทเป็นของเขมร โดยมีมติ 3 ข้อ คือ 1.ให้ไทยถอนทหาร ตำรวจ ยาม ที่ประจำการอยู่บนปราสาทออกมา 2.ทหารที่อยู่พื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทให้ถอนออก 3.วัตถุโบราณจากปราสาทพระวิหารที่ไทยนำออกมาเก็บไว้ให้คืนแก่กัมพูชาไป ซึ่งศาลโลกตัดสินเพียง 3 ข้อนี้ โดยไม่พิจารณาเรื่องแผนที่ปี 1908 แต่อย่างใด

นายสนธิ กล่าวว่า ถ้ายอมรับตามคำตัดสินของศาลโลก ก็มีแต่ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่ยังเป็นของเรา แต่ถ้าเขมรอ้างว่าเป็นของเขาก็กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อน ต้องมีการเจรจา ซึ่งสถานการณ์ก็เป็นอยู่อย่างนี้ จนปี 2546 ในยุคที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีแผนการที่จะขายหุ้นในกิจการโทรคมนาคมเพื่อนำเงินไปลงทุนด้านธุรกิจพลังงาน โดยจะเอาเงินไปลงทุนด้านแก๊สและน้ำมันในอ่าวไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับพูชา และหาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ ก็ต้องไปเจรจากับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจากนั้น จู่ๆ เขมรก็พังรั้ว ขนคนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางทะเล ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะลงทุนในอนาคต โดยไม่สนใจว่าประเทศจะเสียอธิปไตย

นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแหล่งผลประโยชน์ ทั้งจากการค้าชายแดน การค้าของของเถื่อน ของผิดกฎหมาย การโจรกรรมรถ ซึ่งทหารที่ดูแลพื้นที่อยู่ก็จะได้รับผลประโยชน์จากการค้าเหล่านี้ บริเวณเขาพระวิหาร ก็มีทหารไทยบางคนไปสร้างบ้านให้เขมรอยู่หลังละ 5 หมื่น มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับการค้าของเถื่อน ดังนั้นถ้ามีทหารชั่วๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ประเทศไทยจะไม่มีวันได้ดินแดนคืน

นายสนธิระบุว่า ไทยต้องถอยออกจากบริเวณเขาพระวิหารถึง 5 ครั้ง ครั้งแรกต้องถอยออกมาตามคำตัดสินของศาลโลก ในปี 2505 แต่ขณะนั้นนายถนัด คอมันตร์ รมว.ต่างประเทศ ได้ทำหนังสือโต้แย้งคำสั่งศาลโลก และขอสงวนสิทธิทุกประการที่จะโต้แย้งต่อสู้ในอนาคต จนปี 2546 เราจึงได้ถอยครั้งที่ 2 ออกจากบริเวณรอบปราสาทมาอยู่ที่บันไดนาคขั้นที่ 156 หลังจากนั้นก็ถอยครั้งที่ 3 ลงมาอยู่บันไดขั้นที่ 1 เพราะรัฐบาลชาติชั่วในเวลานั้นหลับตาข้างหนึ่งปล่อยให้เขมรบุกรุกเข้ามา จนครั้งที่ 4 เราต้องถอยออกมาบริเวณคูน้ำ และครั้งที่ 5 เราต้องถอยออกมาอยู่นอกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หลังจากที่กัมพูชาขอยื่นจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว

นายสนธิกล่าวว่า ตอนนั้น ตนเคยบอกว่ารัฐบาลไทยต้องยื่นคัดค้าน หรืออย่างน้อยต้องยื่นเข้าไปขอขึ้นทะเบียนพร้อมแนบแผนที่ของเราเข้าไปด้วย แต่ที่รัฐบาลไทยไม่ยื่น ก็เพราะมีการร่วมปล้นชาติขายแผนดิน ถ้าไทยยื่นร่วม คณะกรรมการมรดกโลกก็จะพิจารณา และ เขาต้องทำตามหลักเกณฑ์ที่ว่า ถ้ามีการขัดแย้งกันเรื่องเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศเขาก็จะไม่รับจดทะเบียน แต่ที่เราไม่ยื่น เพราะเป็นรัฐบาลอสูร รัฐบาลนายสมัคร รัฐบาลนายสมชาย และที่น่าเจ็บใจคือรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่เคยด่าเขาในสภา ก็ไปเห็นด้วยกับเขา

นายสนธิกล่าวต่อว่า หลังจากนั้น มีการประชุมกันระหว่างไทย-กัมพูชาหลายครั้ง และมีข้อตกลงจะเรียกว่าเจบีซี หรือะไรก็แล้วแต่ แต่คนกระทรวงการต่างประเทศก็กลัวว่า ถ้าเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก เราจะแพ้ เพราะศาลโลกจะตัดสินตามแผนที่ของกัมพูชา ซึ่งคำพูดแบบนี้อย่ามาพูดกับพันธมิตรฯ ต้องไปพูดกับคนเสื้อแดง กี่ปีมาแล้ว ยังไม่เห็นมีเรื่องอะไรขึ้นศาลโลกเลย และถ้ากัมพูชาฟ้อง เราไม่ขึ้นศาลโลกด้วย ก็ทำอะไรเราไม่ได้ แล้วตอนอิสราเอลถล่มปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซา ศาลโลกไปไหน หรือตอนอเมริกาถล่มอิรัก จับซัดดัม ฮุสเซน มาแขวนคอ ส่งกำลังเข้าไปฆ่าตอลิบานในอัฟกานิสถาน ตอนนั้นศาลโลกไปอยู่ไหน

นายสนธิ กล่าวว่า คำพูดของคนกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นคำโกหก เพราะกำลังหนีผิดกรณีที่ไปรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไม่ลืมหูลืมตา เห็นแก่ลาภยศตำแหน่งส่วนตัว ราวกับว่าการรับใช้ระบอบทักษิณสำคัญกว่าการรับใช้พระเจ้าอยู่หัว การเสียดินแดนเริ่มมาจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะนายนพดล ปัทมะ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูช่าขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ได้ตัดสินแล้วว่าผิด เพราะฉะนั้นต้องยกเลิก

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเคยพูดบนเวทีพันธมิตรฯ ว่าต้องมีการประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมฯ แต่ตอนนี้ นายกษิตกลับบอกว่าไม่ต้องประกาศยกเลิกก็ได้ เพราะมันสิ้นผลแล้ว ตามคำพูดของนายเตช บุนนาค อดีต รมว.ต่างประเทศในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ได้ไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.51 และอ้างว่าได้สนทนากับนายฮอร์ นัมฮงแล้ว ไม่ให้ถือว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่ถือเป็นสนธิสัญญา และถือว่าสิ้นผลไปแล้ว ซึ่งการอ้างว่า แถลงการณ์ร่วมฯ ไม่ถือเป็นสนธิสัญญา ก็เพราะต้องการให้ช่วยเหลือข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการออกแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว มีความผิด ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว จึงถือว่านายเตชได้พยายามปกป้องคนผิด

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นวันที่ 25 ส.ค.51 นายเตชได้ทำหนังสือถึงนายฮอร์ นัมฮง เพื่อย้ำว่า จะไม่ถือว่าแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นสนธิสัญญา แต่หลังจากนั้น วันที่ 1 ก.ย. 51 นายฮอร์ได้ตอบกลับว่า แถลงการณ์ร่วมฯ นั้นไม่ใช่สนธิสัญญาระหว่าประเทศ แต่มันมีคุณค่าอย่างที่มันเป็น ซึ่งความหมายโดยนัยก็คือ แถลงการณ์ร่วมฯ มันมีผลผูกพันอย่างที่มันเป็น ส่วนจะเรียกชื่อมันว่าเป็นอะไรก็ช่าง

“นี่คือเหตุผลที่ยังไม่มีการประกาศยกเลิก เพราะมีข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศร่วมมือกับนายนพดล ปัทมะ รัฐบาลนายสมัคร ทำแถลงการณ์ร่วมให้ไทยเสียดินแดน จนวันนี้คนกระทรวงการต่างประเทศยังบ้าใบ้ตาบอด เราจำเป็นต้องเอาคำพูดของท่านกษิตมาให้ฟังว่าก่อนหน้านั้น ท่านพูดอย่างไร โดยส่วนตัวเรายังเคารพรักกันอยู่ แต่อยากให้รัฐบาลได้ออกมาแถลงสักนิดว่าได้สั่งให้ กระทรวงการต่างประเทศแจ้งยกเลิกแถลงการณ์ร่วมฯ อย่างเป็นทางการ อย่ามาบอกแค่ว่าสิ้นผลแล้ว เพราะนายฮอร์ มันตอบนายเตช มาแล้วว่ายังไม่สิ้นผล คุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ช่าง แต่เขาถือว่ามันยังไม่สิ้นผล”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า จนถึงวันนี้เขมรจึงบุกเข้ามาสร้างวัด ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. กระทรวงการต่างประเทศก็ได้แต่ประท้วง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็อ้างว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างสันติภาพ ไม่อยากทะเลาะกัน เมื่อเขมรบุกเข้ามาก็ทำได้แค่ยันเอาไว้ และให้มาเจรจากันใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่สิบชาติจะเจรจากันจบ ขณะที่ชุมชนเขมรในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ก็โตขึ้นเรื่อยๆ

นายสนธิย้ำว่า ในวันนี้ จึงถือว่าเราพ่ายแพ้เขมรอย่างสิ้นเชิง เรายังจะเอากรอบข้อตกลงมาเข้าสภาพ เพื่อจะไปเจรจากับเขมร ซึ่งไม่มีทางจะเจรจาสำเร็จ ถ้าเขมรยังอยู่ที่นั่น ซึ่งการถอนทหารอย่างเดียวไม่พอ ต้องเอาชุมชนออกไปด้วย แล้วค่อยเจรจาปักปันเขตแดน การเจรจาเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศนั้นมีอยู่ทุกที่ แต่การที่ให้อีกฝ่ายหนึ่งเอาคนเข้าไปอยู่ก่อนนั้นไม่มีใครยอมแน่นอน การยอมให้เขมรเอาชุมชนมาอยู่ในเขต 4.6 ตร.กม.เท่ากับเรายอมให้เขายึดพื้นที่

นาสนธิกล่าวว่า วันนี้ เราแทบไม่มีความหวังกับประเทศไทยเหลืออยู่แล้ว เรามีทหารที่ไม่เป็นทหาร ยอมให้ฮุนเซนขู่ตลอดเวลา ทหารบางคนเก่งแต่จัดทีมมายิงตน แต่การทำเพื่อชาติบ้านเมืองไม่เห็นจะเก่ง การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะไม่ใช้กำลังนั้น ฝ่ายเขมรมีแต่รุกเข้ามา เราจะประท้วงอีกกี่สิบปี นายฮุนเซนไม่มีจริยธรรมอย่างที่นายกฯ มี มันมีแต่ความโลภ ขุดเอาทรัพยากรเขมรเข้ากระเป๋ามันและครอบครัวมัน แล้วก็มาติดสินบนนักการเมืองไทย เรื่องผลประโยชน์ทางทะเล

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

รายการ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ออกอากาศทางเอเอสทีวี เวลา 20.30-22.10 น. วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2552 นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ดำเนินรายการ และมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาร่วมรายการ เพื่อพูดถึงเรื่องสำคัญของชาติ กรณีการเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และขอต้อนรับพ่อแม่พี่น้องที่มาเยี่ยมชมรายการในห้องส่งสดๆ ค่ำคืนวันนี้ด้วยนะคะ วันนี้ผู้ก่อการร้ายอายุน้อยที่สุดในโลก น้องบอลของคุณจำลอง โบกมือให้พ่อแม่พี่น้องทางบ้านหน่อย นี่เป็นพี่ๆ น้องๆ ของเราที่มา เอากับข้าว เอาอาหารมาให้เพื่อนๆ และพี่น้องของแอนใน ASTV ได้รับประทานกันตลอดทั้งวัน กราบขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งนะคะ แล้วก็มี จริงๆ แล้วมีทุกวัน มีพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ ที่นำข้าวมาให้ทานกันทุกวัน ตอนนี้พนักงาน ASTV ได้ทั้งข้าวสาร มีทั้งข้าวกินตอนกลางวัน เงินเดือนไม่ต้องเอาก็ได้ อันนี้แอนพูดคนเดียวนะคะเดี๋ยวโดนรุม จริงๆ แล้วเงินเดือนออกช้าบ้างเร็วบ้างสลับสับเปลี่ยนกันไป แต่ว่าใจเรายังสู้อยู่นะคะ

วันนี้เราจะเริ่มกันด้วยข่าวคราวของพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศที่จะจัดงานเสวนาการเมืองขึ้น จะเริ่มจากภาคเหนือก่อนค่ะ แกนนำพันธมิตรฯ ภาคเหนือจัดเสวนาชาวพันธมิตรฯ ครั้งที่ 3 โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 คือวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00-20.00 น. ที่สนามกีฬากลาง จ.พิษณุโลก หรือยิมเนเซียมใหญ่ จะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองใหม่ไปหลายท่านด้วยกัน จะมี อ.ลักขณา ดิศยะศริน พี่เสน่ห์ หงส์ทอง พี่แดง เสภา พี่กรรณิกา อารีสมา และแกนนำ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง แกนนำ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และพันธมิตรฯ ทั่วประเทศขอเชิญร่วมงานนี้ด้วยนะคะ ศิลปินจะมี พี่หรั่ง ร็อกเคสตรา และวงดนตรีคีตาญชลี และหยดน้ำ มาร่วมบรรเลงเพลงกันด้วย อย่าลืมนะคะ พรุ่งนี้ไปพบกัน ตั้งแต่ 13.00 น. ที่สนามกีฬากลาง จ.พิษณุโลก

ส่วนภาคอีสาน พันธมิตรฯ จ.ร้อยเอ็ด จะจัดเสวนา ทำไมต้องการเมืองใหม่ ที่โรงแรมร้อยเอ็ดซิตี้ วันพรุ่งนี้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จะมีจากส่วนกลางไปเพียบเลย พี่สมศักดิ์ โกศัยสุข อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ คุณสุริยะใส กตะศิลา พี่ปอง อัญชะลี พี่ประพันธ์ คูณมี คุณวีระ สมความคิด พร้อมด้วยศิลปินซูซู และประทีป ขจัดพาล ทางอีสานเขาบอกว่า จะทำงานเชิงรุกในการสร้างการเมืองใหม่ในพื้นที่อีสานทั้งหมด รวมทั้งจะหารายได้ช่วยเหลือ ASTV แบ่งเงินจากการขายบัตร และการบริจาค ออกเป็น 4 ส่วน ให้ ASTV ส่วนหนึ่ง มอบให้กองทุนพันธมิตรฯสู้คดีอีกส่วนหนึ่ง แล้วเป็นเงินในการขับเคลื่อนของพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด รวมไปถึงจะสนับสนุนสถานีวิทยุชุมชนคลื่นพี่น้องเอ๊ย ชื่อน่ารักนะคะ ชื่อคลื่นพี่น้องเอ๊ย FM 92.20 เมกะเฮิรตซ์ จะมีการถ่ายทอดสดสัญญาณจาก ASTV กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นการดำเนินรายการของชาวพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด ขอส่งเสริมกันอีกแรงด้วยนะคะ

ส่วนทางภาคใต้ 16 จังหวัดภาคใต้ จะจัดเสวนา หัวข้อ การเมืองใหม่ภาคใต้ ที่นครศรีธรรมราช วันที่ 9 กันยายนนี้ รวมพลังกันตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.30 น. ที่โรงแรมทักษิณ จ.นครศรีธรรมราช บางคนบอกว่าแหมเปลี่ยนชื่อโรงแรมได้ไหม ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ แต่อย่าคิดมาก ทักษิณแปลว่า ภาคใต้ จะมีพี่พิภพ ธงไชย พี่สมศักดิ์ โกศัยสุข คุณสุริยะใส พี่บรรจง นะแส ไปร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย และจะมีการจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองใหม่ วันที่ 20 กันยายน ที่กรุงเทพมหานคร ติดตามข่าวคราวนี้กันอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ กำแพงเพชร จะมีการจัดงานเสวนาเรื่อง การเมืองใหม่ เช่นเดียวกัน งานจะจัดขึ้นที่หอประชุมสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 6 วันเสาร์ที่ 12 กันยายน ตั้งแต่เวลา 16.00 - 23.00 น. คุณสุริยะใส พี่สำราญ รอดเพชร พี่ปอง อัญชะลี พี่อมรเทพ และน้องตั้ม ศิลปินจะมีพี่หรั่ง ร็อกเคสตร้า วงลายไทย และเสก ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไป บัตรราคา 200 บาทเท่านั้น รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ ASTV กับกองทุนพันธมิตรฯ สู้คดี สนใจติดต่อได้ที่ คุณสุนทร หมายเลข 08-5729-5359 หรือติดต่อประสานงานได้ทุกอำเภอ จากตัวแทนพันธมิตรฯ

ส่วนงานนี้เป็นงานใหญ่ไม่ใช่ย่อย พี่น้อง จ.สมุทรปราการ และใกล้เคียง ขอเชิญร่วมงาน สมุทรปราการร่วมสร้างการเมืองใหม่ วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน ตั้งแต่เวลา 14.00 - 20.00 น. จัดขึ้นที่ศาลาเอื้อสุขสว่างขนิวาศ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในงานนี้จะพบหลายท่านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น คุณลุงจำลอง พี่สมศักดิ์ โกศัยสุข พี่พิภพ ธงไชย พี่ชัชวาลย์ อ.ปานเทพ พี่สำราญ พี่อมร พี่ปอง อัญชะลี คุณสุริยะใส ศิลปินจะมีแฮมเมอร์ พี่สเกน สุทธิวงศ์ คุณนิน ไอยรา และพิธีกรขวัญใจพี่น้อง คือ น้องแอ้ม สโรชาคนสวยก็ไปด้วย รวมไปถึงน้องเก๋ กมลพร ตอนนี้สวยขึ้นเยอะเลยนะคะ ทำอะไรมาเดี๋ยวต้องไปถามกันเอง ส่วนพี่ต๋อง บัณฑิตย์ ก็ไป พี่อำนาจ ก็อยู่ด้วย บัตรราคา 200 บาท ซื้อได้ที่ คุณวัชรี 08-9112-3975 รวมไปถึงคุณจุ๋ม 08-7031-1630 และคุณเจี๊ยบ 08-1581-4032 คุณต่าย 08-5119-3212 หรือจะซื้อบัตรได้ที่ร้านปากน้ำวิดีโอ และที่ ASTV ทั้งหมดนี้เป็นข่าวฝากจากพ่อแม่พี่น้องของเรา

ช่วงนี้หลายคนบอกเมื่อไหร่จะมีชุมนุมย่อยๆ ขึ้นสักที อย่าเพิ่งค่ะใจเย็นๆ ออมแรงเอาไว้ก่อน พ่อแม่พี่น้องอาจจะได้เร็ววันนี้ออกมายืดเส้นยืดสายกัน อย่าลืมนะคะว่า ถ้าเรามีดาวกระจาย อย่าลืมว่า เราจะต้องพกอะไรไปบ้าง ช่วงนี้หน้าฝน พวกหางแดงคิดไม่ทัน มาทีไรไล่นกเอี้ยงยังไม่พอ ฝนตกเทกระหน่ำเวทีพัง เราอยู่กัน 193 วัน เวทีไม่เคยพังเลย นี่เขาบอกฟ้าดินลงโทษ แล้วไข่แม้วก็ดาหน้ากันออกมาว่าองคมนตรีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่รู้นะคะว่าที่ต่ำที่สูงคืออะไร เหมือนกับคนๆ นี้ละค่ะ ทักษิณ ชินวัตร ก็โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์เข้ามา เว็บไซต์นี้คนเข้าไปดูเยอะแต่อ่านรู้เรื่องหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ปรากฏว่า ล่าสุดทักษิณเตรียมร่วมลงทุนกับเพื่อนผลิตเฮลิคอปเตอร์ใช้เทคโนโลยีใหม่ หลังจากไปขุดเพชรแล้วได้เพชรจริงเพชรปลอมมารึเปล่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปยืนไม่รู้ใช่ที่เหมืองหรือเปล่า เพราะหลายคนวิเคราะห์ว่า เหมือนบ่อน้ำที่ขุดไว้เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย เราก็ไม่แน่ใจว่า แถวแอฟริกาเขายังเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกันอยู่รึเปล่า ปรากฏว่า เขาบอกว่าเขาจะสร้างเฮลิคอปเตอร์แบบใหม่ ช่วยให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ฟังเขาหน่อยพ่อแม่พี่น้อง เขาบอกว่า หากเกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องจะมีระบบนิรภัยดีดห้องโดยสารออกมา จริงๆ แบบนี้เขามีมานานแล้ว ก็อย่างว่าแหละ เขาพูดให้พวกหางแดงฟังก็ต้องพูดเรื่องที่หางแดงไม่รู้เรื่อง ไอ้เราเรื่องเก่าเรื่องแบบนี้ แล้วเขายังไม่กล้าชวนเพื่อนมาลงทุนในเมืองไทยเพราะเกรงจะถูกการเมืองกลั่นแกล้ง พร้อมจะเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ผ่านรายการวิทยุ ชื่อรายการ Talk Around the World วันอังคารที่ 8 กันยายนนี้ ดิฉันว่าน่าจะไปเปลี่ยนชื่อนะคะ เปลี่ยนชื่อจาก Talk Around the World เป็น Thaksin Around the World คือรู้ทุกเรื่อง ไม่รู้อยู่เรื่องเดียว ความดีความชั่วคืออะไรค่ะพ่อแม่พี่น้อง น่าแปลกใจจริงๆ นะคะ เรียนก็สูงจบด็อกเตอร์ รู้ทุกเรื่องจริงๆ แต่เรื่องเดียวที่ไม่รู้ ดีกับชั่วแยกกันไม่ออก แล้วทำแต่ความชั่วความดีไม่มีปรากฏ

วันนี้แอนพูดข่าวอื่นๆ น้อยมาก มีเหตุผลนะคะ เพราะว่าวันนี้แขกรับเชิญในรายการนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาพูดเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องหมาๆ แมวๆ ในสภาเยอะค่ะ มันเป็นเรื่องที่เราสูญเสียดินแดน แล้วทำไมไม่มีใครออกมาพูดอะไร แล้วทำไมมีแต่คนโกหก ทำไมไม่มีใครพูดเรื่องจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าวันนี้ดินแดนของไทยได้เสียให้เขมรไปแล้วกี่ส่วน กี่ตางรางกิโลเมตร พ่อแม่พี่น้องคะ แม้ว่าจะเสีย 1 ตารางเซนติเมตร ก็เป็นเรื่องไม่สมควรจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องยกเวลาทั้งหมดให้กับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ช่วงหน้า พักกันสักครู่ก่อนค่ะ

สนธิ - สวัสดีครับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็ท่านผู้ชมที่อยู่ทางบ้าน เราเปิดรายการด้วยคลิปตั้งแต่ปี 2548 จนกระทั่งถึง 2551 ในเรื่องอธิปไตยของชาติไทย ที่เรากำลังต่อสู้ วันนี้เรากำลังสูญเสียไป ที่เราสูญเสียนั้นไม่ใช่เพราะว่าเราโง่ แต่เพราะว่าคนในชาติของเราหลายฝ่าย หลายส่วนโฉดเขลา ชั่วร้าย และจงใจที่จะให้อธิปไตยของชาติสูญเสียไป

พี่น้องครับ ปัญหาเขาพระวิหารนั้นหลายๆ ฝ่ายพยายามทำให้มันดูเป็นเรื่องราวที่จะต้องสลับซับซ้อน บางคนบอกว่า เขาพระวิหารนั้นมันมีองค์ประกอบมาก มันจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ หรือทหารบางคน หรือนักการเมืองบางคน พี่น้องครับ เขาพระวิหารเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญมาก ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร ที่มันสลับซับซ้อนเพราะมีคนต้องการขายชาติ เพราะมีคนต้องการจะปกปิดความผิดของตัวเอง เพราะมีคนต้องการที่จะแลกกับผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้ในอนาคต เพราะมีคนที่ต้องจะทำเรื่องเขาพระวิหารให้เป็นเรื่องซึ่งไม่เป็นเรื่อง สูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร สำหรับคนพวกนี้เขาถือว่าไม่ใช่แผ่นดินของเขา เพราะคนพวกนี้ไม่เคยมีจิตสำนึกในความเป็นไทย พี่น้องครับ รวมไปถึงทหารเลวๆ บางคนที่ทำมาค้าขายชายแดนและเห็นด้วยกับการที่จะให้เขมรเข้ามา ตัวเองจะได้ทำมาค้าขายต่อ ซึ่งประเดี๋ยวผมจะเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟัง

พี่น้องครับ ผมไม่ค่อยได้ออกรายการนัก เหตุผลที่ผมไม่ค่อยได้ออกรายการนักนั้น เพราะว่าผมเริ่มสรุปเรื่องราวต่างๆ ในสังคมไทยว่า มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ เหมือนกับยอมรับว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของชาติไทย แต่เมื่อมองลงไปลึกๆ แล้วมันไม่ใช่เวรกรรมของชาติไทย แผ่นดินไทยมีเวรมีกรรมเพราะแผ่นดินไทยมีคนที่ชั่ว มีคนไม่รักชาติ ไม่ทำตัวและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้สมบูรณ์แบบ เลยทำให้แผ่นดินไทยนั้นมีเวรมีกรรม ที่จะต้องให้คนพวกนี้เกิดขึ้นมา แล้วมาทำชั่วกับแผ่นดิน วันนี้สังคมไทยล่มสลายไปเกือบหมดแล้วทุกๆ เรื่อง เดี๋ยวผมจะพูดให้พ่อแม่พี่น้องฟังตอนท้าย

เขาพระวิหารเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหมือนเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ สนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุด มียายแก่คนหนึ่ง ยายเนื่อม คุณยายเนื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนายกที่ให้วัด เมื่อยกที่ให้วัด มรรคนายกเอาที่ไปขายให้เสนาะ เทียนทอง เสนาะ เทียนทอง เอาที่พัฒนาแล้วไปขายต่อให้ทักษิณ ชินวัตร เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผิดกฎหมาย พอผิดกฎหมายเขาก็เรียกคืน ก็เลยเป็นที่ต่อสู้กัน ที่ไม่ยอมให้เรียกคืน ที่เรียกคืนแล้วไม่ยอมคืน ทั้งๆ ที่กฤษฎีกาตีความมาแล้วว่าผิด การขายสนามกอล์ฟอัลไพน์ผิด เรื่องถูกส่งไปให้กระทรวงมหาดไทย เป็นเวลา 1 ปีแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ซึ่งเป็นคนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอาใส่ลิ้นชักเฉย และปลัดคนนี้เป็นคนสมุย พ่อแม่พี่น้องชาวสมุยคงรู้จักปลัดคนนี้ดี เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่พี่น้องครับ เรื่องของอัลไพน์กับเรื่องเขาพระวิหารง่ายนิดเดียว ตามผมมาพี่น้อง

เขาพระวิหารนั้นในปี ค.ศ.1904 หรือ รศ.122 ถูกค้นพบโดยคนไทย หลังจากนั้น ปี ค.ศ.1907 เราได้มีการทำสนธิสัญญากับสยามและฝรั่งเศส ในสนธิสัญญานั้น มีการระบุชัดเจนว่า เขาพระวิหารเป็นของคนไทย โดยยึดหลักสันปันน้ำ ผมเคยพูดเรื่องนี้บนเวทีมาแล้วหลายครั้ง พ่อแม่พี่น้องที่ตามผมมาจะจำได้ ว่าสันปันน้ำนั้น เป็นมาตรการในการที่จะวัดว่าเขตแดนของใครอยู่ตรงไหน โดยใช้หลักสันปันน้ำ สันปันน้ำคือ เวลาฝนตกแล้วน้ำไหลออกมาเชื่อมกัน 1907 1908 ฝรั่งเศสวาดแผนที่ขึ้นมาใหม่ เมื่อวาดแผนที่ขึ้นมาใหม่แล้ว ฝรั่งเศสตามความเจ้าเล่ห์ของคนฝรั่งเศส มันก็ผนวกเขาพระวิหารเข้าเป็นของมัน เมื่อผนวกเข้ามาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาแผนที่อันนั้นเก็บเอาไว้ให้กับเขมร ประเทศไทยอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในปี 1907 1908 อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังมีคนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศรู้ไม่ทัน ก็เลยไม่มีใครทักท้วง ฝรั่งเศสเลยยกเลิกข้อตกลงระหว่างไทยสยามกับฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1907 ซึ่งระบุชัดว่า ถ้าตามสันปันน้ำแล้ว เขาพระวิหารเป็นของไทย และฝรั่งเศส อีก 1 ปีต่อมา ก็มาเขียนแผนที่ขึ้นมาใหม่ เอาละพี่น้องตามผมมา

หลังจากนั้นแล้ว ปี 2502 เขมรใช้สันดานเจ้าเล่ห์ไปฟ้องศาลโลก ว่าเขาพระวิหารนั้นเป็นของเขมร ก็ขึ้นไปสู้ที่ศาลโลก 2502, 2503, 2504,2505 ศาลโลกก็พิพากษามา ว่าถ้าพิจารณาแล้วเขาพระวิหารนั้น อธิปไตยของตัวปราสาท พี่น้องจำนะครับ อธิปไตยของตัวปราสาทนั้นเป็นของเขมร เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อพิพากษาแล้ว ศาลโลกเลขมีมติ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ ข้อแรก ให้ฝ่ายไทยนั้นถอนทหาร ถอนยาม ถอนตำรวจที่เคยอยู่บริเวณเขาพระวิหาร บนปราสาท ให้ออกมาซะ ข้อที่ 2. พื้นที่รอบๆ ให้ถอนออก ข้อที่ 3. วัตถุโบราณอะไรก็ตามที่อยู่ในเขาพระวิหารในช่วงที่ไทยเข้าไปครอบครองนั้นให้ไทยคืนไป พี่น้องครับ ศาลโลกพิพากษาเพียง 3 ข้อ เขมรพยายามเอาแผนที่ที่ตัวเองแนบเข้าไป คือแผนที่ที่ฝรั่งเศสแกล้งทำขึ้นมา จงใจโกงแผ่นดินไทย เมื่อปี ค.ศ.1908 ศาลโลกไม่พิจารณาเรื่องนี้ พิจารณาเฉพาะเรื่องอธิปไตยตัวปราสาทเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ถ้าเราทำตามมติเขาพระวิหาร ก็เท่ากับว่าเรายอมรับว่าปราสาทนั้นเป็นของเขา แต่พื้นที่รอบๆ นั้นเป็นของเรา เอาละ ถึงแม้เขมรจะไม่ยอมรับ อย่างน้อยที่สุดพื้นที่รอบๆ ปราสาทยังต้องถือเป็นพื้นที่ทับซ้อน จะต้องมานั่งตกลงกันก่อน เราพักตรงนี้เอาไว้ก่อน แล้วตามผมมา

หลังจากนั้นไปแล้วพี่น้องเชื่อไหม 50 ปีเต็มๆ หลังจากนั้น ลูกหลานพระยาระแวกไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว มาพูดเรื่องนี้ตอนไหนพี่น้องรู้หรือเปล่า มาพูดเรื่องนี้ตอน พ.ศ.2546 ตามผมกลับมา 2546 เป็นช่วงปีอะไร เป็นช่วงปีที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เป็นช่วงปีที่ทักษิณ ชินวัตร ขายชินคอร์ป เพื่อเอาเงินทั้งก้อนเพื่อมาลงทุนพลังงานโดยที่หวังจะมาแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก่อนหน้านั้น ทักษิณแปรรูป ปตท.ไปแล้ว และมีนอมินีของนักการเมืองชาติชั่ว ขายชาติ ซื้อหุ้นของ ปตท.เก็บเอาไว้ และเงินก้อนนั้นที่ขายหุ้นชินคอร์ปจะไปลงทุนที่ไหนต่อพี่น้องรู้ไหม จะไปลงทุนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีแก๊สและน้ำมัน ซึ่งผมได้พูดที่สวนลุมฯ พี่น้องถ้าดูตามแผนที่พี่น้องจะเห็น ว่าพื้นที่ทับซ้อน ตรงนี้เป็นประเด็นที่ทักษิณต้องการ รัฐบาลชุดพรรคไทยรักไทย และนักการเมืองรัฐบาลชุดนั้นต้องการ ตรงนี้เขาต้องการตรงนี้ แต่เขาต้องการตรงนี้เขาต้องคุยกับ ฮุน เซน พี่น้องเมื่อเขาต้องคุยกับ ฮุน เซน พี่น้องรู้ไหมอะไรเกิดขึ้น ฮุน เซนตอนนั้นกำลังสู้ในเชิงการเมืองกับสม รังสี กับลูกชายของเจ้านโรดม สีหนุ จำได้ไหมช่วงนั้น เขมรมีนายกรัฐมนตรี 2 คน เพราะฉะนั้นฮุน เซนต้องการทำเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร เป็นงานที่จะทำให้เขาได้คะแนนเสียง ง่ายนิดเดียว ถ้ารัฐบาลชุดไทยรักไทยมีความต้องการที่จะได้พื้นที่ทับซ้อนคุยกัน ก็หลับตาข้างหนึ่งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารยกให้ฮุน เซนซะ ฮุน เซนจะได้มาเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนตรงนี้

ด้วยเหตุนี้พี่น้อง 2546 ก็เลยเป็นปีแรกหลังจากที่ลูกหลานพระยาละแวกเงียบไปเป็นเวลา 50 ปีไม่พูดเรื่องนี้เลย แล้วจู่ๆ ไปกินยาม้ายาบ้ามาจากไหน ลุกขึ้นมาพังรั้วที่ทหารไทยกั้นเอาไว้ พังออกไปเลย แล้วก็ขนย้ายผู้คนเข้ามาอยู่ตามที่ต่างๆ ในบริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหาร นั่นคือจุดเริ่มต้น จุดเริ่มต้นเพราะว่านักการเมืองในพรรคไทยรักไทยบางคนขายชาติ ขายบ้านขายเมืองเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งตัวเองพร้อมจะไปลงทุนทางนั้น ทางด้านพลังงาน โดยไม่ใส่ใจอธิปไตยของชาติ พักกันตรงนี้ก่อน

ตามผมมาที่บ้านร่มเกล้า ผมจะกระโดดจากชายแดนเขมรมาที่ชายแดนลาว พี่น้องรู้ไหมว่าเรารบที่บ้านร่มเกล้าเพราะอะไร ที่เรารบที่บ้านร่มเกล้า สาเหตุข้อเดียวคือ มันมีพ่อค้าไม้ชาติชั่วคนหนึ่ง ต้องการจะตัดไม้ในลาว เมื่อต้องการจะตัดไม้ในลาวแล้ว เผอิญพื้นที่ไม้ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของลาวเขา แล้วโดนทหารลาวไล่ออกมา พ่อค้าคนนี้มีผลประโยชน์กับกองทัพภาค 3 บางคน ก็เอาเงินเอาทองให้ ปรากฏว่ากองทัพภาค 3 ต้องรบที่ร่มเกล้า เพียงเพื่อสนองตัณหาพ่อค้าไม้เฮงซวยคนนี้ นี่คือตัวอย่างของทหารที่ทำมาหากินกับชายแดน เขมรก็เช่นกันพี่น้อง เขมร พรมแดนอะไรก็ตามที่ทหารบางส่วนเฝ้าดูแลผลประโยชน์มีหมด พี่น้องครับ ชายแดนไทย-เขมร เป็นชายแดนของการค้าของเถื่อน ของผิดกฎหมาย เป็นผลประโยชน์ของการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องถูกต้องตามกฎหมาย ใต้ดิน รถที่ขโมยหายไปผ่านออกทางชายแดนเขมร ผ่านออกทางศรีสะเกษ ผ่านออกทางอรัญประเทศ หลายคนร่ำรวยจากการค้าขายชายแดน เขาพระวิหารก็เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง พี่น้องตามผมมาแล้วจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด พี่น้องมันเป็นเรื่องน่าเศร้า เวลาเขมรรุกเข้ามาในพื้นที่ของไทย พี่น้องรู้ไหมใครเป็นคนสร้างบ้านขายให้พวกเขมรได้พักอาศัย หลังละ 50,000 บาท ทหารไทยบางคน ผู้ใหญ่ทหารไทยบางคน

กรณีของการค้าชายแดนนั้น เริ่มมีมาครั้งแรกที่รุนแรงมากๆ มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน มีการแลกเปลี่ยนของเถื่อนกัน มีการใช้อำนาจทุกอย่าง มาในสมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก โครงสร้างรากเหง้าต่างๆ พวกนี้ก็ถูกฝังลึกลงไป ทหารบางคน สมัย พล.อ.ชวลิต มียศเป็น ร.อ. สมัยนั้นเป็นลูกน้องของ พ.ต. เป็นลูกน้อง พ.ท. เป็นลูกน้อง พ.อ. และนายพล วันนี้เขาเจริญเติบโตมาเป็น พ.อ. มาเป็น พล.ต. มาเป็นนายพลแล้ว เขาค้าขายชายแดนอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ตัวนี้ ผลประโยชน์ตัวนี้ถ้าหากยังมีทหารชั่วๆ บางคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว ไทยไม่มีวันจะได้ดินแดนคืนหรอก พี่น้องเข้าใจประเด็นตรงนี้แล้วใช่ไหม

ย้อนกลับมาที่เขมร หลังจากที่เขมรนั้นบุกเข้ามา พี่น้องรู้ไหมว่า ไทยต้องถอยกี่ครั้ง 5 ครั้ง ครั้งแรก เราถอยออกจากปราสาทตามคำสั่งศาลโลก คำสั่งศาลโลกมีมติว่า ยกปราสาทให้กับเขมร ในวันนั้น ปี 2505 ท่านถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลโลก ไปถึงท่านเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ท่านอู ถั่น ท่านอู ถั่น เป็นคนพม่า ซึ่งเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผมยังจำได้ 2505 ผมอายุ 15 ปี ผมยังจำได้ เพราะผมสนใจข่าวมาตั้งนานแล้ว ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ ถนัด คอมันตร์ ท่านรักชาติ ท่านเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่รักชาติมาก ท่านลุกขึ้นแล้วบอกว่า เราไม่ยอม คำสั่งของศาลโลกเราไม่เห็นด้วย ผิดต่อหลักนิติธรรม ผิดต่อข้อเท็จจริง แต่ว่า ในฐานะที่เราเป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศ เราจะเคารพการตัดสินครั้งนี้ แล้วเราจะถอนทหารออกจากปราสาทเขาพระวิหาร เฉพาะปราสาทแต่รอบๆ ด้านเรายังอยู่ และเรายังสงวนสิทธิ์ทุกประการในการที่จะโต้แย้ง ในการจะต่อสู้ในทางกฎหมาย ด้วยข้อมูลที่เรามีอยู่ นั่นคือปี 2505 แล้วก็เงียบมาตลอด เป็นเวลา 50 ปี จนกระทั่งถึงปี 2546 พี่น้องครับ เราเริ่มถอยจากปราสาทครั้งแรก

ครั้งที่ 2 เราถอยจากนอกปราสาทเราถอยลงมาที่บันไดนาคราช ขั้นที่ 196 ครั้งที่ 3 ที่เราถอย เราถอยลงมาบันไดขั้นที่ 1 เลย จาก 196 ลงมาขั้นที่ 1 คือเราถือว่าปราสาทคุณเอาไป แต่บันไดเราต้องดูแล ศาลโลกไม่ได้บอกว่าคุณมีสิทธิ์ได้บันได ศาลโลกบอกว่าตัวปราสาทเท่านั้น เราเลยต้องถอยมาเรื่อยๆ ทำไมเราต้องถอย ที่เราต้องถอยเพราะว่ารัฐบาล ขออนุญาตขอใช้คำพูดที่รุนแรงนิดหนึ่ง รัฐบาลชาติชั่วในเวลานั้น หลับตาข้างหนึ่งให้เขมรบุกรุกเข้ามาในปราสาทแล้วเราต้องถอยมาทีละขั้นทีละขั้น เรากั้นรั้วครั้งแรกนอกปราสาท ครั้งที่ 2 ที่บันไดขั้นที่ 196 ครั้งที่ 3 ที่บันไดขั้นที่ 1 ครั้งที่ 4 ที่คูน้ำ ครั้งที่ 5 ครั้งสุดท้ายออกมาในบริเวณเขต 4.6 ตารางกิโลเมตร

พี่น้องครับ อะไรมันเกิดขึ้นกับเขาพระวิหาร ตามผมมา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาพระวิหารนั้น มันเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเขมรยื่นเขาพระวิหารเข้าไปเป็นมรดกโลก พี่น้องจำคำปราศรัยผมได้ไหม ที่ผมขึ้นไปปราศรัย พี่น้องครับ 2548 ที่ผมพูดเรื่องเขตทับซ้อนในทะเล เพื่อนๆ พันธมิตรฯ นักวิชาการหลายคน บอกว่าคุณสนธิสร้างจิตนาการ บางคนรักใคร่ผมมาก ไปบอกลูกน้องที่ใกล้ชิดผม เฮ้ยมึงไปบอกนายมึงหน่อยซิ อย่าฝันกลางวัน เดี๋ยวเขาจะว่าเอา แต่วันนี้ทุกคนยอมรับ ผมไม่ใช่พ่อหมอ แต่ผมทำนายอะไรไม่เคยผิด เดี๋ยวคอยฟังคำทำนายผมต่อไป ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น เขมรยื่นตรงนี้เข้าไป ยื่นช่วงนั้นผมพูดว่าอย่างไรพี่น้อง ผมพูดว่า รัฐบาลไทยต้องยื่นคัดค้าน หรือไม่อย่างน้อยรัฐบาลไทยต้องยื่นร่วมเข้าไป ว่าถ้าขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร แผนที่ที่จะเป็นมรดกโลกที่อยู่ในฝ่ายไทยเป็นเช่นนี้ เพราะเขมรเขายื่นแผนที่ของเขา เราก็ต้องยื่นของเรา แล้วพี่น้องเข้าใจหรือยัง จากวันนั้นถึงวันนี้ ทำไมไทยไม่ยื่น เพราะมันร่วมขบวนการปล้นชาติขายแผ่นดินถึงไม่ยื่น จำได้ไหมผมพูดตลอดเวลา เพียงไทยยื่นร่วมเข้าไป เมื่อยื่นร่วมเข้าไปแล้วคณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณา ต่อให้ฝรั่งเศสหนุนหลังประเทศที่เคยปกครอง ก็ไม่สามารถทำลายกติกาที่มีอยู่ว่า หากประเทศคู่สัญญาซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนเขายื่นเข้าไปแล้วตกลงกันไม่ได้ว่าแผนที่ใครถูกต้อง จะไม่รับจดทะเบียนมรดกโลก พี่น้องเห็นหรือยัง จุดเริ่มต้นก็คือ การฉ้อฉลด้วยการไม่ยื่น แล้วรัฐบาลชุดไหนไม่ยื่นพี่น้องไปดูซิ เป็นรัฐบาลเชื้อสายทายาทอสูรทั้งสิ้น ตั้งแต่รัฐบาลนายสมัครต่อมาถึงรัฐบาลนายสมชาย ที่เจ็บใจวันนี้ ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยด่าว่าเขาในสภา มาวันนี้กลับไปเล่นกับเขา

พี่น้องครับ พรรคประชาธิปัตย์ 3 ครั้งในแผ่นดินไทยที่ทำมา ชอบขายแผ่นดิน ชอบขายทรัพย์สินของชาติ ยกแผ่นดิน ครั้งแรกคือ สปก.4-01 จะได้ไหม เอาแผ่นดินที่ภูเก็ตยกให้คนรวย ครั้งที่ 2 คือ ปรส. เอาทรัพย์สินของแผ่นดิน ของชาวบ้านที่เป็นหนี้เป็นสินยกขายเหมาเข่งให้กับต่างชาติ ให้ต่างชาติมากดขี่ขูดรีด งวดนี้เป็นงวดที่ 3 ที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบต่ออนาคต ต่อการเสียดินแดนของเขาพระวิหาร พี่น้องเห็นหรือยัง และที่น่าตกใจ ก็เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปต่อสู้ในศาลโลกแล้วแพ้เขา มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไร หรือว่าเพียงเพราะว่ามีสัญลักษณ์ของพระแม่ธรณี ก็หมายความว่าอะไรที่เป็นพระแม่ธรณีแล้วพรรคประชาธิปัตย์ต้องปล่อยออกให้หมด เอาจบพรรคประชาธิปัตย์ไป เดี๋ยวจะหาว่าผมมากระแนะกระแหนเรื่องนี้

แต่ผมมีหลักฐานพิสูจน์ชัด หลังจากนั้นแล้วมีข้อเสนอประชุมกันหลายครั้ง ประชุมไปประชุมมาจนกระทั่งหลังสุด มีการประชุมว่า มีกรอบการตกลง JBC จะชื่อภาษาฝรั่งอะไรก็ไม่รู้ ข้อตกลงอันนี้สรุปสั้นให้พี่น้องฟัง จะได้ไม่ต้อง คือถ้าพี่น้องคุยกับพวกกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ลีลาวดี วัชโรบล มันเต็มไปหมด ลวดลายมันเยอะ มันจะอ้างว่ามันรู้ มันเก่ง บางคนบอกว่า ถ้าเราไปสู้เขาเรื่องนี้ ถ้าเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก ฟังให้ดีๆ พี่น้อง ถ้าเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกแล้วถ้าเราแพ้เราสูญเสียที่ 1.5 ล้านไร่ พี่น้องครับ คำพูดนี้ควรจะพูดกับลูกน้องคุณทักษิณที่ใส่เสื้อแดง แต่อย่ามาพูดกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่ามาพูดกับผม กี่ปีแล้วพี่น้องที่อ่านภาษาอังกฤษออก เคยเห็นศาลโลกมีคดีความในศาลโลกไหม ไม่มี เขาไม่ฟ้องศาลโลกกันแล้วทุกวันนี้ แล้วกติกาศาลโลก ถึงฟ้องศาลโลกไป ถ้าเราไม่ไปขึ้นด้วยมันทำอะไรเราได้ไหม ก็ทำไม่ได้เช่นกัน อิสราเอลบุกเข้าไปที่กาซาซิตี้ กระทืบพวกปาเลสไตน์ ถล่มทั้งระเบิด ยิงทั้งจรวด ศาลโลกไปนอนอยู่ที่ไหน อเมริกันบุกอิรัก ถล่มซะอิรักพังทลาย จับซัดดัม ฮุสเซน แขวนคอไป ศาลโลกอยู่ที่ไหน ทุกคนบุกเข้าไปยึดอัฟกานิสถาน ปากีสถานร่วมกับทหารนาโต บุกเข่นฆ่าตอลิบาน ศาลโลกอยู่ที่ไหน ไม่มี ไม่มี ศาลโลกไม่ใช่ศาลที่มาตัดสินอะไรแล้วเราต้องทำตาม และศาลโลกไม่สามารถบังคับให้เราไปขึ้นศาลได้ นี่คือข้อโกหกของคนกระทรวงการต่างประเทศ แล้วพี่น้องรู้ไหมเขาทำไมต้องโกหกเขาต้องหลอกแบบนี้พวกเราให้กลัวกัน เพราะกระทรวงการต่างประเทศกำลังจะหนีผิดกรณีที่รับใช้ระบอบทักษิณ และพรรคไทยรักไทยอย่างไม่ลืมหูลืมตา เหตุผลเพราะว่า การสูญเสียดินแดนครั้งนี้ จุดเริ่มต้นเริ่มจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะ นายนพดล ปัทมะ ที่ออกแถลงการณ์ร่วม แถลงการณ์ร่วมออกไป พี่น้องจำได้หรือเปล่า ที่เราบอกว่าการออกแถลงการณ์ร่วมนั้นผิด ข้อที่1. ไม่ผ่านสภา และศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาแล้วว่าผิด เมื่อผิดแล้วแถลงการณ์ร่วมจะต้องเป็นโมฆะ ต้องยกเลิก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เปิดดูคลิปท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ 4 นาทีเท่านั้นเอง ประเดี๋ยวผมจะต่อเรื่องให้ฟัง

(VTR กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ)

ท่านผู้ชมครับ ท่านทูตกษิตในสมัยนั้น กับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ ในสมัยนี้ สมัยนั้นท่านบอกว่า ทำไมถึงไม่ยกเลิกแถลงการณ์ มาสมัยนี้ท่านบอกว่า แถลงการณ์ไม่ต้องยกเลิกเพราะมันสิ้นผลแล้วตามคำพูดของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเตช บุนนาค ตามผมมาพี่น้อง ระหว่างสิ้นผลกับยกเลิกมันต่างกันตรงไหน พี่น้องจำเอาไว้ คุยกับคนกระทรวงการต่างประเทศต้องระวังเรื่องคำพูด เพราะภาษาการทูตสำหรับผมแล้วเป็นคนตรงไปตรงมา มันยียวนกวนบาทา มันเจ้าเล่ห์แสนกล คุณเตช บุนนาค วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ไปทานข้าวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเขมร มาเล่าให้ฟังแล้วทำหนังสือแจ้งมา บอกในวงสนทนานั้นได้ตกลงกันแล้วว่าไม่ให้เอาแถลงการณ์ร่วมนั้นเป็นข้อตกลงเหมือนสนธิสัญญา ให้ถือว่าไม่มีผล แล้วบอกว่าทางเขมรยอมรับว่าไม่ถือเป็นสนธิสัญญา ข้อที่ 1 นี่คำพูดนะครับ ทวนให้พี่น้องฟังอีกที คุณเตช บุนนาค ไปทานข้าวกับนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 แล้วบอกว่า เขาได้พูดกับนายฮอร์ นัมฮง ว่าแถลงการณ์ร่วมนั้นไม่ถือเป็นสนธิสัญญา ให้สิ้นผลไป แล้วมารายงานว่า สิ้นผลแล้ว ไม่มีประโยชน์ ทำไมถึงสิ้นผล ทำไมถึงไม่ยกเลิก พี่น้องตามผมมา สิ้นผล ถ้าสิ้นผลก็จบ แต่ถ้าประกาศยกเลิก กระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และคนที่ทำเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอธิบดี 1-2 คน ต้องผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาแล้วว่าสนธิสัญญานี้ผิด แต่ถ้าบอกว่า เนื่องจากไม่ใช่สนธิสัญญาเพราะเขมรไม่ยอมรับเป็นสนธิสัญญา ถึงสิ้นผล เพราะฉะนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะหลุดเลย พี่น้องเข้าใจหรือยังที่ผมพูด ทวนอีกที เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาว่าคนพวกนี้ผิด เหตุผลเพราะว่าสนธิสัญญานั้นจะต้องผ่านสภา และมีการไปฟ้อง ป.ป.ช. เพราะฉะนั้นแล้ว นายเตช บุนนาค ต้องการช่วยข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศด้วยกัน ตอนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไปคุยกับนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเขมร ว่าข้อตกลงแถลงการณ์ร่วมนั้นถือว่าไม่มีผล แล้วมาอ้างว่านายฮอร์ นัมฮง เห็นด้วยไม่มีผล เมื่อไม่มีผลก็ไม่มีสนธิสัญญา เมื่อไม่มีสนธิสัญญาแล้ว การซึ่ง ป.ป.ช.มาสอบพวกเขาว่าในสนธิสัญญานั้นผิด เขาบอกสนธิสัญญาไม่มี นี่คือการปกป้องตัวเองจากความผิด

เอาละตามผมมา 1 กันยายน 2551 สิงหาคม กันยายน 1 เดือนเท่านั้น นายฮอร์ นัมฮง ตอบกลับกระทรวงการต่างประเทศไทยว่า ในกรณีนี้ผมต้องการรำลึกถึงการทำงานระหว่างมื้อเที่ยงที่เสียมราฐ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม การพูดคุยกันเรื่องแถลงการณ์ร่วมนั้น ผมได้พูดว่ามันไม่ใช่สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ดังนั้นมูลค่าของมันมีคุณค่าอย่างที่มันเป็น นี่คือภาษาการทูต พี่น้องฟังให้ดีๆ อันนี้สำคัญมานี่คือจุดเปลี่ยน 28 กรกฎาคม 2551 นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปพบนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่เสียมราฐ พูดคุยกันวันนั้นว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ลงนามวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ฝ่ายกัมพูชาจะไม่นำมาพิจารณาในฐานะเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ชัดเจนแล้วนะครับ 25 สิงหาคม อีก 1 เดือนให้หลัง นายเตช บุนนาค ทำหนังสือเพื่อยืนยันกับนายฮอร์ นัมฮง ว่าการสนทนาพูดคุยเมื่อวันที่ 28 นั้น ฝ่ายกัมพูชาจะไม่พิจารณาแถลงการณ์ร่วมในฐานะเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ 8 วันให้หลัง นายฮอร์ นัมฮง ตอบมาอย่างนี้ ในกรณีนี้ผมต้องรำลึกถึงการทำงานระหว่างมื้อเที่ยงที่เสียมราฐ เมื่อวันที่ 28 2551 การพูดคุยกันเรื่องแถลงการณ์ร่วมนั้น ผมได้พูดว่ามันไม่ใช่สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ดังนั้นมูลค่าของมันมีคุณค่าอย่างที่มันเป็น นายฮอร์ นัมฮง กำลังส่งสัญญาณให้รู้ว่า ผมพูดอะไรก็พูดไปแต่เอกสารแถลงการณ์ร่วมมันมีการผูกพันเช่นนั้นแล ก็คือว่า คุณอยากพูดว่าไม่มีผลเป็นสนธิสัญญาคุณก็พูดไป แต่สำหรับผมแล้วเอกสารแถลงการณ์ร่วมมีผลผูกพันอย่างที่มันเป็นนั่นแล กัมพูชาไม่ยอมรับว่ามีการยกเลิก และไม่ยอมรับจริงๆ ว่าไม่ใช่สนธิสัญญา แสบไหม นี่คือแผนการฟอกผิดคนของกระทรวงการต่างประเทศ โดยยกแผ่นดินไทยแลกกับการฟอกผิดของโคตรเง้าพวกมัน เข้าใจหรือยังพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วประหลาดใจอะไรหรือเปล่าว่าทำไมถึงไม่มีการยกเลิกแถลงการณ์ร่วม ถ้ากระทรวงการต่างประเทศประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วม เพียงอ้างว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาแล้วว่าแถลงการณ์ร่วมผิด เมื่อมันผิดแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ และประเทศไทย มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะชี้แจงให้กัมพูชาและชาวโลกได้ทราบว่า แถลงการณ์ร่วมที่ออกไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 เป็นโมฆะ เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิด แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่ยอมแถลงเพราะต้องการปกป้องคนไม่กี่คนในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งให้ความร่วมมือกับ นายนพดล ปัทมะ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในการทำแถลงการณ์ร่วมอัปยศอันนี้ออกมา เพื่อให้ประเทศไทยมีสิทธิ์สูญเสียดินแดนอย่างเป็นทางการ พี่น้องเข้าใจหรือยังที่ผมพูด และจนวันนี้กระทรวงการต่างประเทศยังบ้า ใบ้ บอด ผมจำเป็นต้องเอาคำพูดของท่านรัฐมนตรีกษิตมาให้พวกเราฟัง ว่าก่อนที่ท่านเป็นรัฐมนตรีท่านพูดว่าอย่างไร ผมกับส่วนตัวท่านยังเคารพรักกันอยู่ แต่ผมว่าผมอยากให้รัฐบาลมาแถลงสักนิดหนึ่งว่าได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งยกเลิกแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ อย่ามาพูดกับผมบอกว่า มันสิ้นผล เพราะว่านายฮอร์ นัมฮง ทำจดหมายตอบคุณเตชมาแล้วว่าไม่สิ้นผล โทษนะครับ มึงคิดยังไงเรื่องของมึงสำหรับกูแล้วกูยังถือว่าแถลงการณ์ร่วมยังมีผลอยู่

กระทรวงการต่างประเทศไทย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน กรมหมื่นนราธิป พงศ์พันธ์ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนบิดาของการต่างประเทศของไทย บุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศไทยที่มีคุณสมบัติ มีความสามารถ ชาติตระกูลสูงส่ง วัยวุฒิที่สูงส่ง สมัยก่อนลูกแซ่ลิ้มอย่างผมไม่มีสิทธิ์ทำงานกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นที่รวมของผู้ที่มีปัญญา เป็นที่รวมของผู้มีสกุลรุนชาติ อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นผู้ดีเก่า ต้องมีนามสกุลที่คนเขารู้จัก เพราะเขาเชื่อว่าคนพวกนี้เป็นคนที่สามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองได้ เพราะเชี่ยวชาญ แต่วันนี้กระทรวงการต่างประเทศ ในสายตาของผม ไม่ได้เหนือไปกว่า จตุพร พรหมพันธุ์ หรือณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เท่าไหร่เลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณอายกันบ้างหรือเปล่าเวลาคุณจะไปเป็นทูต คุณคลานเข้าไปหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แล้วคุณก้มหน้าลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เอาใบไม้กลัดที่หูให้คุณ พระองค์ท่านแสดงพระราชดำรัสว่า พวกเธอกำลังจะไปเป็นตัวแทนประเทศไทยนะ ประพฤติปฏิบัติให้ดี ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ แสดงเดชานุภาพของพระองค์ท่าน แสดงความเก่งกาจสามารถของประเทศไทย แล้วเมื่อคุณกลับมาจากทูตคุณขึ้นไปเป็นอธิบดี คุณขึ้นไปเป็นรองอธิบดี คุณขึ้นไปเป็นรองปลัดกระทรวง คุณขึ้นไปเป็นปลัดกระทรวง คุณยังจำใบไม้ที่ทัดหูคุณได้ไหม แล้ววันนี้คุณทำอะไรกับชาติบ้านเมือง คุณกำลังดิ้นรนหาทางออกเพื่อไม่ให้คุณมีความผิดตาม ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ผมเห็นใจคุณ ผมเข้าใจคุณว่าคุณกังวลว่าชีวิตคุณเรียนจบจอร์จทาวน์ เรียนจบฮาร์วาร์ด เรียนจบโรงเรียนการทูตเฟรชเชอร์ เรียนจบมหาวิทยาลัยมีชื่อ เรียนจบจุฬาฯ เรียนจบธรรมศาสตร์ แล้วจะต้องมาเป็นจำเลย ป.ป.ช. แล้วจะต้องมาติดคุกติดตาราง ผมเห็นใจ ผมเข้าใจ ผมสงสารชาติตระกูลคุณ ผมสงสารญาติพี่น้องคุณ แต่แล้วเสือกไปรับใช้ทักษิณแบบผิดๆ ได้อย่างไร ทำไมตอนนั้นไม่คิด เฮ้ยนี่มันเรื่องชาติบ้านเมือง ต้องพูดตามภาษานักเลง นี่มันเรื่องของชาติเรื่องของบ้านเรื่องของเมือง ทำไมคุณไม่บอกว่าแถลงการณ์ร่วมออกไม่ได้ ที่คุณไม่อยากบอกเพราะคุณยังอยากเป็นอธิบดี คุณอยากเป็นปลัดกระทรวงอยู่ คุณเห็นลาภ ยศ สรรเสริญมันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นดินไทยเชียวหรือ คุณเห็นกิเลสที่คุณมีอยู่ยิ่งใหญ่กว่าการที่คุณเข้าไปกราบถวายบังคมทูลขอลาไปเป็นเอกอัครราชทูตต่างประเทศ แล้วพระองค์ท่านทรงเอาใบไม้ทัดที่หูคุณ ทักษิณใหญ่กว่าตรงนั้นหรอ นพดลใหญ่กว่าตรงนั้นหรอ สมัครใหญ่กว่าตรงนั้นหรอ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ใหญ่กว่าตรงนั้นหรอ

พี่น้อง วันนี้เขมรเลยบุกเข้ามาสร้างวัดวาอารามในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ท่านนายกฯ เราก็บอก ผมมีนโยบายชัดเจน กระทรวงการต่างประเทศบอกว่า ผมประท้วงทุกครั้ง ประท้วงแล้วยังไง เอาละกระทรวงการต่างประเทศหลังจากผิดพลาดเรื่องแถลงการณ์ร่วม ยังไม่ยอมยกเลิกก็ยังประท้วงทุกครั้ง แต่ทหารไม่ทำอะไร ทหารจะทำอะไรล่ะ เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ พูดชัดเจน บอกว่าเนื่องจากเป็นนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชุดนี้ ให้สร้างสันติภาพ ไม่ให้มีการปะทะกัน เพราะฉะนั้นแล้วผมไม่ผิด ผมทำตามนโยบายรัฐบาล ผมก็อยากจะกราบเรียนถามถึง คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเมื่อคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา พูดว่าพวกเขาไม่ผิด เพราะเขาทำตามนโยบายนายกฯ ส่วนท่านนายกฯ มีนโยบายอย่างไรกับพื้นที่อย่างนี้ รัฐบาลก็มีจุดยืนว่า ในเมื่อบุกรุกมาอย่างนี้แล้วก็ไม่ให้บุกรุกมากกว่านี้ แล้วเรามาเจรจากันปักเขตแดนกันใหม่ อีก 100 ชาติ ผมตายไปแล้ว 10 ชาติ คนขายชาติขายบ้านขายเมืองตายไปแล้วเกิดเป็นหมา เกิดเป็นควาย เกิดเป็นเขียด เกิดเป็นกบไม่รู้กี่สิบชาติ การเจรจาปักเขตแดนก็ยังไม่จบ ในที่สุดชุมชนก็โตขึ้นเรื่อยๆ 4.6 ตารางกิโลเมตร จะมีแต่คนเขมร เห็นหรือยัง แกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ

วันนี้เสื้อแดงไม่ต้องมาทะเลาะกัน คุณรักแผ่นดินไทยหรือเปล่า คุณก็รักแผ่นดินไทยใช่ไหม ถ้าไม่อย่างนั้นคุณจะมาอ้างทำไมว่าคุณสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ผมไม่เคยเห็นคุณสู้เรื่องเขาพระวิหาร เพราะคุณรู้ว่าเขาพระวิหารนั้นเป็นยุทธศาสตร์ของพ่อคุณ ท่านนายกฯ ครับ พล.อ.อนุพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านรู้ไหมว่าแผ่นดินไทยจะสูญเสียผืนแผ่นดินในยุคที่ท่านบริหารชาติบ้านเมือง แล้วท่านรู้ไหมคนที่เจ็บใจพระทัยมากที่สุดคือ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ท่านไม่พูดหรอก แต่ประวัติศาสตร์จะจารึกลงไปว่า นอกจากรัชกาลที่ 5 แล้วยังมีรัชกาลที่ 9 อีกรัชกาลหนึ่งที่ต้องสูญเสียแผ่นดิน เห็นหรือยังพี่น้อง เรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่อง พิสูจน์ดู ทุกคนบอกว่าไม่มีๆ ไม่ใช่ของเขมร ไปดูวิดีโอคลิปที่ คุณวีระ สมความคิด และผู้สื่อข่าว ASTV นักข่าว บุณฑริกา พิทักษ์ และช่างภาพเราที่ชื่อ ธนกฤต ทองจันทร์จิตร ไปถ่ายทำมา ต้องขอชมเชยพวกเขาที่มีความกล้าหาญ ดูสักนิดหนึ่ง

(VTR เขาพระวิหาร)

พี่น้องครับ ดูจากวิดีโอคลิปของคุณวีระ สมความคิด คุณบุณฑริกา พิทักษ์ ผู้สื่อข่าว ASTV และคุณธนกฤต ช่างภาพ แล้วไปดูภาพซึ่งผมจะเอาขึ้นมาให้ดูว่า ชุมชนที่อยู่ใน 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นเป็นเขมรทั้งสิ้น แม้กระทั่งพระก็เป็นทหารเขมร ซึ่งปลอมตัวมาเป็นพระเพื่อที่จะอยู่ที่วัดนั้นได้ และมีการยึดอีกหลายภูเขาสร้างสะพานข้ามไปเพื่อจะข้ามไปสู่ภูเขาเพื่อไปยึดภูเขาที่เป็นพื้นที่ของเขมร นี่คือการรุกล้ำดินแดนไทย ไปดูพระของเขมรได้เลยพี่น้อง สังเกตได้อย่าง พระเขมรไม่มีพระแก่ มีแต่พระวัยรุ่น พระหนุ่มทั้งนั้น นั่นคือการจับทหารมาบวชเป็นพระ ให้มาอยู่ที่วัดนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ในทางปฏิบัติแล้ว เราพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง แล้วเรายังจะมีกรอบที่เข้ารัฐสภาให้มีการเจรจากัน เราจะเจรจาไม่ได้ถ้าพวกเขายังอยู่ในนั้น เขาบอกเขาพร้อมจะถอนทหารขอให้เราถอนทหารลงมา ถอนทหารอย่างเดียวไม่พอ เขาต้องเอาชุมชนออกให้หมด เมื่อเอาชุมชนออกหมดแล้วค่อยมาตั้งคณะกรรมการเจรจาปักปันเขตแดน เขตแดนในการเจรจากันนั้น ทุกๆ เขตแดนมีปัญหาหมด ร่มเกล้าเรายังมีปัญหากับลาวแต่ยังเจรจากัน มาเลเซียเราก็มีปัญหากับเขา แต่ยังเจรจากันอยู่ หมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนตอนใต้ ยังมีปัญหาระหว่างจีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ไต้หวันด้วย 5 ประเทศ เขาก็ยังเจรจากันอยู่ การที่เอาใครเข้าไปยึดพื้นที่ พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเขาไม่ยอม เพราะฉะนั้นแล้วการเจรจาโดยที่ไม่ยอมให้ชุมชนเขาออกยังให้ชุมชนอยู่เหมือนเดิม เท่ากับเป็นการยอมรับปริยายว่า เขากำลังยึดพื้นที่เราไปเรียบร้อยแล้ว

พี่น้องครับ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คนที่จะเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี วันที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปมหานครนิวยอร์ก สหประชาชาติ วันที่ 27 มิถุนายน 2552 คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปคารวะนายฮุน เซน กลับมาให้สัมภาษณ์ว่า อย่าไปคิดว่าเขาพระวิหารจะมีอะไรโต้แย้งกันระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะศาลโลกตัดสินมาตั้งหลายสิบปีแล้วว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันก็มีส่วนอื่นๆ ถูกต้อง ศาลโลกตัดสินแล้ว เขาตัดสินว่า ปราสาทเขาพระวิหาร คือตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา เขาไม่ได้บอกว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของกัมพูชา เขาไม่ได้พูดเช่นนั้น และเราก็ไม่ยอมรับเช่นนั้น เราถึงอยู่มาถึง 50 ปีโดยที่มันไม่ประท้วง มันเริ่มรุกเราในยุคของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วแอบไปตกลงอะไรก็ไม่ทราบกับนายฮุน เซน เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะฉะนั้นแล้วดูตามภาพ พี่น้องจะเห็นชัด

พี่น้อง วันนี้เรามีความหวังอะไรกับประเทศไทย เรามีทหารที่ไม่เป็นทหารวันนี้บางคน เรามีทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี เรามีบูรพาพยัคฆ์ เรามีแม่ทัพ แต่เราโดนนายฮุน เซน ประกาศขู่ตลอดเวลาว่า 1 ต่อ 3 ทหารกัมพูชา 1 สู้ทหารไทยได้ 3 ข่มขู่เราตลอดด้วยคำพูด หรือทหารไทยบางคนเก่งเฉพาะจัดทีมยิงผมเท่านั้นเอง แต่กับเรื่องชาติบ้านเมืองไม่เก่ง ทำไมไม่แสดงความเก่งให้ผมดูหน่อย แสดงความกล้าหาญให้ผมดูหน่อย 4.6 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เรา ท่านนายกฯ แสดงความกล้าหาญหน่อย ท่านนายกฯ บอกว่าสันติภาพไม่ให้ใช้กำลัง แต่เขมรรุกอย่างนี้แล้วท่านนายกฯ จะประท้วงไปกี่สิบปี นายฮุน เซนไม่ได้มีจริยธรรมเหมือนท่านนายกฯ มีหรอก นายฮุน เซนมีแต่ความโลภ สูบชักทรัพยากรของเขมรเข้ากระเป่าตัวและครอบครัว แล้วมาติดสินบาทค่าสินบนให้กับนักการเมืองไทยเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล

พี่น้อง ชาติจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว วันนี้ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเลยพูดเรื่องเขาพระวิหาร ความรักชาติหายไปไหนกันหมด หรือมีแต่คนแก่ๆ อย่างผม ที่จะ 62 ปีปลายปีนี้ พร้อมรอยกระสุนที่หัว จากฝีมือทหารที่ควรจะปกป้องชาติบ้านเมือง ออกมาแสดงความบ้าบอคอแตกอยู่คนเดียว อธิปไตยของชาติ 4.6 ตารางกิโลเมตร สื่อมวลชนไม่มีใครสนใจเลย ทหารไม่มีปฏิกิริยา ผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น นักการเมืองสนใจแต่โครงการคอร์รัปชั่น สนใจแต่โครงการสนามบิน ข้าราชการสนใจอย่างเดียว ขอให้เป็นอธิบดีต่อ ขอให้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวง บ้านจะแหว่งไปเมืองจะพังไปช่างหัวขอให้กูเอาตัวรอดอย่างเดียว นี่คือเมืองไทย เมืองไทยของเรา มันหายไปไหนหมดแล้ว เพื่อลูกหลานเรา

อาทิตย์ที่แล้วมีคนเข้ามาถามลูกชายผม เขาเป็นเพื่อนกับลูกชายผม เขาบอกปั๊บพ่อทำไมมัวแต่ทำ ASTV ขาดทุนทุกวัน ขาดทุนมาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 48 49 50 51 52 ทำไมไม่หยุดทำซะที ลูกชายผมตอบไปว่า ก็ที่พ่อกูทำอย่างนี้ก็เพื่อให้คนอย่างมึงไม่ต้องไปนั่งเฝ้าไอ้โอ๊ค พานทองแท้ เพื่อของานทำ มึงกับพ่อมึงจะได้เกิดได้ในวงการ พ่อกูต้องเสียสละ เพราะถ้าพ่อกูต้องการเงินเป็นพันๆ ล้านพ่อกูได้ไปตั้งนานแล้ว แต่พ่อกูต้องลำบาก มันมีที่ไหนในโลกนี้พี่น้อง ในโลกนี้มันไม่มีนะพี่น้อง ที่สถานีโทรทัศน์ต้องขายข้าว ขายกะปิ ขายน้ำปลา ขายผงซักฟอก ขายยาสีฟัน ขายปุ๋ย เพื่อเอาเงินมาจ่ายเงินเดือนเพื่อให้ ASTV อยู่ได้ เพราะถ้าไม่มี ASTV เราจะรู้เรื่องเขาพระวิหารนี้ไหม เราจะรู้เรื่องบ้านไม้สักของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ไหม จะมีใครกล้าพูดบ้าง บางครั้งผมยังนึกในใจเลยให้มันจอดำไปเลยดีกว่าสิ้นเรื่องสิ้นราว ประเทศไทยไม่ใช่ของผมคนเดียว ฉิบหายก็ฉิบหายไป แต่ผมทำไม่ได้พี่น้อง ผมนึกถึงในหลวงแล้วผมทำไม่ได้ ผมนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ แล้วผมทำไม่ได้ มันไม่อะไรจะเหลืออีกแล้วพี่น้อง

คุณอภิสิทธิ์เป็นความหวังสุดท้าย แต่ไปๆ มาๆ เริ่มหวังไม่ได้แล้ว หวังอะไรไม่ได้เลยพี่น้อง นักการเมืองก็หวังไม่ได้ ตำรวยไปหวังมันหรอชาติหน้า ทหารผู้ใหญ่บางคนไปหวังหรอชาติหน้า ทุกคนมองแต่ประโยชน์ส่วนตัวทุกคนลืมนึกส่วนรวมไปหมด ลืมนึกถึงชาติ ลืมนึกถึงบ้านเมือง ลืมนึกถึงศาสนา พระมหากษัตริย์ ลืมไปหมดแล้ว รู้แต่ว่ากูต้องได้เท่าไหร่

พี่น้องครับ ที่ผมช่วงหลังไม่ค่อยอยากออกมาพูด ข้อเสียของผมคือ ผมอ่านอะไรทะลุปุโปร่งหมด พี่น้องจำได้ไหม หลัง 19 กันยา ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจ แล้วตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องจำได้ไหม ผมเคยออกรายการในห้องนี้แล้วผมพูดว่ายังไง ผมวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ พี่น้องบางคนด่าผมซะไม่มีดี โอ๊ยเขาเป็นถึงองคมนตรีนะ เขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้นะ ไปว่าเขาได้อย่างไร แล้วตอนหลังทุกคนก็หันมาเล่นงาน พล.อ.สุรยุทธ์ พี่น้องจำได้ไหมผมพูดอย่างไร ผมอธิบายว่า การเมืองเมืองไทย สมัยก่อนแบ่งอย่างนี้ พระมหากษัตริย์ ทหาร พ่อค้า การเมือง แต่ละคนไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แต่ว่าแต่ละคนจะยอมให้การเมืองนั้นเป็นตัวเข้ามาจัดการประเทศ แล้วแต่ละคนจะพาดสะพานเข้าไปหาการเมือง นักธุรกิจก็พาดสะพานเข้าไปหาการเมือง พาดอย่างไร เสี่ยคนนั้นให้พรรคนี้ 200 ล้าน ให้พรรคนั้น 100 ล้าน ให้พรรคนี้ 500 ล้าน พอเป็นรัฐบาลให้สัมปทานนี้ผม ลดภาษีให้ผม นี่คือผลประโยชน์ต่างตอบแทน ทหารพาดไปสู่การเมืองอย่างไร ก็คือว่า คุณอย่ามายุ่งกับงบลับผมนะ คุณอย่ามายุ่งกับงบการซื้ออาวุธผมนะ ส่วนกลุ่มผู้ดีเก่าหรือทุนเก่า เข้าไปมีส่วนร่วมกับผลประโยชน์กับการเมือง เช่น ถ้าจะตั้งธนาคารพวกผมต้องได้ด้วยนะ ทุกอย่างเป็นแบบนี้มานานแล้ว แล้วทุกคนจะไม่แตะต้องสถาบันกษัตริย์ ทุกคนจะเทิดทูนบูชาจงรักภักดี ถึงแม้ว่าการกระทำจะไม่จงรักภักดี แต่ใจและปากก็จงรักภักดี แต่ไม่มีการก้าวล่วง นั่นมันคืออดีต การเมืองมันเปลี่ยนไปเมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเล่นการเมือง พอมีอำนาจ นายทักษิณรวบอำนาจไว้หมดในตัวเอง เอาทหารมาอยู่ในมือตัวเอง เอาตำรวจมาอยู่ในมือตัวเอง เอานักการเมืองซื้อพรรคต่างๆ เข้ามารวมเป็นพรรคของตัวเอง และบังคับให้วงการธุรกิจต้องเข้ามารับใช้ตัวเอง ถ้าใครไม่รับใช้ไม่เห็นวิธีการ เขาจะไม่ให้งานทำ ทุกคนก็ต้องไปซบนายทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย ใครจะได้สัมปทานอะไร อีตัล-ไทยจะได้ต้องเข้ามา บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นจะได้ก็ต้องเข้ามาหาเจ๊คนโน้นคนนี้ นี่คือลักษณะทักษิณ พอ 19 กันยาเกิดขึ้น ทักษิณต้องออกไปสู่ต่างประเทศ จำได้ไหมพี่น้องผมพูด ถ้าไม่เชื่อไปดูเทปเก่าๆ หรือไม่อย่างนั้น วันหลังผมจะหามารันใด้ดูอีกครั้งหนึ่ง ผมพูดเมื่อปี 2549 พี่น้อง ผมบอกว่า ตอนนี้การเมืองทุกคนแย่งชิงกันเพื่อก้าวไปสู่ระบบเก่า ก็คือว่า การเมืองเล่นการเมืองไป ทุกคนพาดสะพานเข้าหาการเมือง การเมืองจัดสรรปันส่วน และอย่าไปยุ่งกับสถาบันกษัตริย์ พี่น้องสังเกตไหม ว่าทำไมพรรคภูมิใจไทย คุณเนวินถึงออกมาบอกว่า อย่าไปยุ่งกับสถาบันกษัตริย์ นั่นคือสัญญาณการเมืองที่เขาต้องการจะกลับไปเหมือนของเดิมคือ สมบัติผลัดกันชม สมัยก่อนสมบัติมันผลัดกันชม แต่ช่วงหลังทักษิณมาแล้วรวบสมบัติคนเดียวไม่ให้คนอื่นชม ตรงนี้แหละพี่น้องที่ผมบอกว่าผมรับไม่ได้และเราไม่ควรจะรับ เพราะว่า สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะล่มลงไปในที่สุด เพราะว่าการคอร์รัปชั่นยุคนี้มันเป็นการคอร์รัปชั่นในยุคดิจิตอล มันกินคำโตๆ สมัยก่อนโครงการแต่ละโครงการ 5 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ ตามน้ำไม่มีใครเขาว่า เดี๋ยวนี้มันกินกัน 20 เปอร์เซ็นต์ 30 เปอร์เซ็นต์ บางโครงการมูลค่าโครงการ 8,000 ล้าน ชงของบประมาณเพิ่มเป็น 20,000 ล้าน กินทีเดียว 12,000 ล้าน 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ แล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไรพ่อแม่พี่น้อง เมื่อประเทศไทยอยู่ไม่ได้ ประชาชนอยู่ไม่ได้ ประเทศฉิบหายไปเรื่อยๆ และศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร ศาสนาอยู่ไม่ได้สถาบันกษัตริย์ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ความผิดของผมพี่น้อง ผมเห็นอะไรเกิดก่อนล่วงหน้า ผมพูดเอาไว้ล่วงหน้ามันถึงเกลียดผมไงล่ะพี่น้อง

พี่น้องครับ นานๆ เราพบกันสักทีหนึ่ง หลังจากวันนี้แล้วอาจจะไม่มาออกทีวีให้พี่น้องอีกก็ได้ แต่จะออกหรือไม่ออกนั้นขอให้รู้ ว่าถ้าวันไหน ASTV ไปไม่ไหวจริงๆ ถ้าจะจอดับก็ต้องยอมให้มันดับ ขอบพระคุณพี่น้องทุกคนที่สมัคร SMS ขอบพระคุณพี่น้องทุกคนที่ซื้อสินค้า ASTV ผู้สื่อข่าวต่างประเทศงงเป็นไก่ตาแตก แล้วสนใจจะมาทำข่าวกันมาก บอกมีด้วยหรือในโลกนี้ ที่สถานีโทรทัศน์ขายข้าว กะปิ น้ำปลา น้ำตาล ผงซักฟอก ขายหมดยาสมุนไพร ล่าสุดถ้าไม่ติดพี่ลอง จะขายเหล้ายาดอง เพื่อเอาเงินมาให้ ASTV จอจะไม่ดับ ทำไม ASTV จอถึงจะต้องไม่ดับ เพราะว่า ASTV เป็นทีวีหลักเดียวที่ไม่ใช่ทีวีทางเลือก ที่เอาปัญญาให้พี่น้อง สังคมไทยวันนี้ถ้ามีปัญญากัน ปัญหาอันนี้จะไม่เกิดขึ้นหรอกพี่น้อง ผมไม่เคยอาย นี่เงินเดือน ASTV อาทิตย์หน้าถึงจะจ่ายกันได้ ผมไม่เคยอาย พนักงาน ASTV ทุกคนไม่เคยอาย มีบ้างที่หงุดหงิดแต่ช่วยไม่ได้ แต่ว่าพวกเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วเราอาจจะมีความจำเป็นต้องขยาย ASTV Shop ให้ใหญ่ขึ้น เพราะว่าข้าว 1 ถุงเราได้ 5 - 6 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เยอะหรอกพี่น้อง แต่เราต้องหาทางทำธุรกิจอะไร พี่น้องครับ ทุกธุรกิจที่เราทำ รายได้ที่เข้ามาจะเข้ามา ASTV อย่างเดียวเพื่อไม่ให้จอดับ พี่น้องโทรทัศน์ช่องนี้ตั้งมา 6 ปีแล้ว อุปกรณ์ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้แต่ตัวเดียว รถยนต์ ธรรมดา 6 ปีเขาก็เปลี่ยนคันใหม่แล้ว นี่กล้องก็ยังตัวเดิม ชุด MCR ก็ตัวเดิม ไมค์ตัวเดิมแต่ไหนแต่ไร ที่พูดต้องการอธิบายพ่อแม่พี่น้องฟังว่า ถ้าเวลา ASTV Shop ขยายงานมีสินค้าเพิ่มมาก อย่าไปเข้าใจว่าพวกเราโลภมาก ไม่ใช่ ไม่ได้โลภอะไรมากเลยเพราะมันจำเป็นต้องทำเพื่อเอาเงินนี้มาดูแล ASTV เพื่อไม่ให้จอมันดับ แล้วพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในอเมริกา พี่น้องที่อยู่ในอเมริกาที่ต้องเสียค่าดู ASTV โดยต้องซื้อบัตรเสียบ 10 เหรียญนั้น ต้องถือว่าเป็นการช่วย ASTV เพราะเราส่งให้พ่อแม่พี่น้องที่อเมริกาดูกันมาเป็นเวลา 5-6 ปีแล้วไม่เคยคิดเงิน แต่เราโดน IPTV ขโมยสัญญาณเราโดยไม่ขออนุญาต แล้วเอากล่องเข้าไปขาย พ่อแม่พี่น้อง เราก็เลยต้องขายกล่องเราเอง ทำไมกล่องเราแพง 250 เหรียญ เพราะกล่องของเราเป็นกล่องซึ่ง IPTV ดูไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด กล่องของเราเป็นกล่องรุ่นใหม่ พี่น้องครับ เราถูกเอารัดเอาเปรียบโดยบริษัทเจ้าของที่ทำ IPTV มานานแล้ว แล้วพวกเขาก็เป็นพวกที่น่าสนใจ เป็นพวกของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขโมยสัญญาณเราไป ขายกล่องให้พ่อแม่พี่น้อง ทั้งๆ ที่เป็นพวกเสื้อแดง พี่น้อง ถ้าจะโทษต้องโทษว่า โทษฐานที่เกิดขึ้นมาเป็นคนชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ขอบพระคุณมากครับ








กำลังโหลดความคิดเห็น