xs
xsm
sm
md
lg

เคาะข่าวริมโขง “น้าชัช” ท้าพิสูจน์ความกล้า “มาร์ค” ล่าคนยิง “สนธิ”-เฉด “ป๊อด” ไปที่ชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคาะข่าวริมโขง ร่วมเติมปัญญาคนอีสาน "น้าชัช" ฉะ "นช.แม้ว" เป็นนักโทษไม่สำนึก กลับขอเจรจา ยื่นข้อเสนออ้างสมานฉันท์ อัด "สุเทพ" หนอนบ่อนไส้ ยื่นมือช่วยคนผิด จวก "นวย นิ่มมะโน" มีหน้าไปถาม ป.ป.ช. ประจานความโง่ ไม่รู้วิธีสลายม็อบที่เหมาะสม ย้อนถาม หากลูก-เมีย อยู่ใน "สมรภูมิ 7 ตุลา" จะกล้าใช้อาวุธรุนแรงจัดการหรือไม่ พร้อมท้าพิสูจน์ความกล้า "มาร์ค" ล่าตัวคนยิง "สนธิ" มาลงโทษ พร้อมเร่งฟัน "ป๊อด" ไม่ให้เหลือตอ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”  

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทางช่องอีสานทีวี-ทีวีเพื่อคนอีสาน วันที่ 9 กันยายน มี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เป็นผู้ดำเนินรายการหลัก ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ส.ว.ยโสธร และ นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานและนักการเมืองอาวุโส มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ อาทิ กรณีชาวจังหวัดระยอง รวมตัวกันคัดค้านการขยายโรงงานในนิคมอุสาหกรรมมาบตาพุด เนื่องจากมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ

รวมทั้งยังมีกรณี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาประเมินความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้

สุดท้าย กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี สั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

น.ส.อัญชะลี เปิดประเด็นด้วยกรณีชาวบ้านคัดค้านการขยายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ว่า กรณีนี้ถือเป็นปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญมาก เนื่องจากมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งยุติการดำเนินการดังกล่าว เพราะจะส่งผลเสียต่อชุมชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียง กลิ่น หรือสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ

นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า วันนี้ชาวบ้านได้ไปรวมตัวกันปิดถนนฝั่งขาเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อเตรียมยื่นหนังสือถึง นายวิชิต ชาตไพสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้ดำเนินการตามมาตรา 67 ในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ห้ามไม่ให้ขยายโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากสืบทราบมาว่า นอกจากจะมีแผนก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีแผนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า ด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านจังหวัดระยองคงเดือดร้อนแน่ เพราะได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ

“วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับชาวบ้าน พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ คือ เรื่องเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เรื่องกลิ่น เรื่องเสียง และเรื่องควัน ซึ่งหากไปค้นดูข้อมูล จะทราบว่า จังหวัดที่พบคนเป็นมะเร็งเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมากที่สุด คือ จังหวัดระยอง ฉะนั้น จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ได้มีการเรียกร้องกับทางรัฐบาลมาเป็นเวลานาน ให้ช่วยแก้ไขและจัดการปัญหานี้” นายเทิดภูมิ กล่าว

ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาประเมินการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ ว่า ประเด็นนี้ นายปณิธาน ได้ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง เห็นว่า ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ การเมืองประเทศไทยเป็นช่วงที่อ่อนไหวง่าย เพราะมีหลายปัจจัยรุมเร้า จึงอาจมีความพยายามก่อเหตุรุนแรง โดยนายปณิธาน ระบุอีกว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะระดมพลนับหมื่นมากดดันให้รัฐบาลลาออก ซึ่งเป็นที่มาของรอบทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ ที่มีทหารมาตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีคำสั่งให้เพิ่มกำลังจาก 1 เป็น 3 กองร้อย เพื่อปัองกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า นายปณิธาน ยังระบุว่า หากรัฐบาลผ่านช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ไปได้ บรรยากาศในบ้านเมืองจะดีขึ้นทันตาเห็น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจจะลักษณะเติบโตขึ้นเหมือนตัววี ซึ่งจะส่งผลดีในทุกด้านของประเทศไทย ทั้งนี้ จากคำกล่าวของ นายปณิธาน ทั้งหมด ตนเห็นว่า ในฐานะที่เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ โดยเฉพาะกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง มีแผนชั่วจะเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะจะทำให้สถานการณ์มันอ่อนไหวได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้คนจะถูกเร้าด้วยข้อมูลดังกล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ความจริงเป็นนักโทษหลบหนีคดี ไม่มีสิทธิ์มาเคลื่อนไหวหรือต่อรองเพื่อขอเจรจา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลตัดสินแล้วว่าผิดและคอร์รัปชันจริง แต่ก็มีคนในรัฐบาลบางคนพยายามอยากจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างเรื่องความสมานฉันท์ในบ้านเมืองขึ้นมาบังหน้า ส่วนข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ต้องคืนเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดไปคืนทั้งหมด รวมทั้งล้างคดีให้คนในตระกูลชินวัตรที่เกี่ยวพันกับคดีต่างๆ ซึ่งเรื่องของความผิด เป็นสิ่งที่เจรจาต่อรองกันไม่ได้ เนื่องจาก พฤติกรรมที่ผ่านมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดร้ายต่อบ้านเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด

“เวลานี้ นายสุเทพ คนใกล้ตัวของ นายอภิสิทธิ์ และเป็นคนในรัฐบาล พยายามเดินหน้าเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองขึ้นมาบังหน้า ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชอบใช้แผนเอาเงินฟาดหัวคน เพื่อเปลี่ยนนิสัย ใช้วิธีนี้ดึงคนอื่นมาเป็นพวก และช่วยให้พ้นความผิด” นายชัชวาลย์ กล่าว

ต่อจากนั้น น.ส.อัญชะลี หยิบยกกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมาแสดงความไม่พอใจที่ ส.ส.พรรคประชาปัตย์ ยื่นหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้มีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยอมเพิกถอนสิทธิ์การถือครองที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ โดย นายสุเทพ ให้เหตุผลว่า กลัวพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจ หากทำเช่นนั้น รวมทั้งอยากให้การตรวจสอบคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมกรณีนี้ ว่า สนามกอล์ฟอัลไพน์ มีความชัดเจนเรื่องผู้กระทำความผิด ดังนั้น การที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช.ก็เป็นการทำในสิ่งที่ควรกระทำ เพราะคดีนี้ถูกเตะถ่วงมาเป็นเวลานาน และยังไม่มีข้อสรุป ผิดกับพฤติกรรมของ นายสุเทพ ที่ไม่ทำอะไรเรื่องนี้ แต่ได้ออกมาท้วงติง ทั้งที่เป็นธรณีสงฆ์ หรือเป็นที่ดินวัด ก็กลับถูกนำมาสร้างสนามกอล์ฟ ส่วนการที่ นายสุเทพ ระบุว่า อยากให้คดีนี้ ดำเนินไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หากเป็นเช่นนั้นจริง นายสุเทพ ก็ควรจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ใช้อำนาจหน้าที่ทางการเมืองช่วยเหลือคนผิด

จากนั้น น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี สั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยกรณีนี้ เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท รู้ว่าตนเองถูกย้ายไปช่วยราชการ ในช่วงบ่ายก็ได้ยื่นหนังสือลาออก ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากพักผ่อนก่อนเกษียรอายุราชการ

นายชัชวาลย์ กล่าวต่อกรณีนี้ ว่า หลังจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ มีนายตำรวจคนหนึ่งแสดงอาการไม่พอใจ นั่นคือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ออกมาตั้งคำถามกับ ป.ป.ช.ว่า หากเป็นเจ้าหน้าตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เผชิญหน้าอยู่กับผู้ชุมนุม จะทำอย่างไร เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อว่า คนที่ถาม ป.ป.ช. จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือการที่ พล.ต.ต.อำนวย ถาม เพราะไม่รู้ว่าวิธีสลายการชุมนุมที่ถูกต้องและเหมาะสม ดันไปใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตาย หากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 เป็นลูกหรือภรรยาของ พล.ต.ต.อำนวย จะรู้สึกอย่างไร จะระดมยิงด้วยแก๊สน้ำตาหรือใช้ความรุนแรงจัดการหรือไม่

“อยากถามว่า หัวใจ พล.ต.ต.อำนวย ทำด้วยอะไร ทำไมทำความผิดแบบนี้แล้ว ยังมีหน้ามาถาม ป.ป.ช.เรื่องนี้อีก ทั้งที่ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่กลับใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายประชาชน แบบนี้ถือว่าไม่มีความเป็นตำรวจ เพราะหน้าที่ของตำรวจ ต้องเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร ไม่ใช่คอยรับใช้นักการเมืองชั่ว” นายชัชวาลย์ กล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า แต่เรื่องต้องยอมรับ นายอภิสิทธิ์ ที่จัดการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ดี แต่ต่อไปต้องจับตาดูอีกว่า ทาง นายกรัฐมนตรี จะมีความกล้าหาญ สะสาง 3 ปัญหานี้หรือไม่ คือ 1.จับตัวคนร้ายและผู้บงการที่สั่งยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาดำเนินคดีทางกฎหมาย 2.แก้ไขปัญหาพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ที่กัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยอยู่ และ3.ตัองตัดสินใจเรื่อง พล.ต.อ.พัชรวาท ให้เด็ดขาด ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ต้องอย่าลืมว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องได้รับผลของการกระทำที่ทำไว้ด้วย ไม่ใช่ให้ออกจากราชการหรือเซ็นใบลาออกอย่างเดียว

นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เท่าที่ตนทราบมา เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เซ็นโผตำรวจระดับนายพันไปแล้ว ซึ่งตามมารยาทไม่ควรกระทำ เพราะวันที่ 7 ก.ย.เป็นวันที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกรณีสลายชุมนุม 7 ต.ค.2551 แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับทิ้งทวนเซ็นโผตำรวจระดับนายพัน ซึ่งกรณีนี้ ตนอยากให้ นายอภิสิทธิ์ ไปไล่ดูว่า ในทางกฏหมายถือเป็นโมฆะหรือไม่

น.ส.อัญชะลี กล่าวปิดท้ายว่า การที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ ต้องพิสูจน์ว่า จะสามารถสางคดีลอบยิง นายสนธิ ให้จบได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เคยรับปากไว้ว่า จะสางคดี นายสนธิ ให้จบก่อนที่ พล.ต.อ.ธานี จะเกษียรอายุในปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่มากนัก หรือจะเรียกว่าอยู่ในช่วงนับถอยหลังก็ได้ ดังนั้น คดีนี้จะถือเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ อย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น