xs
xsm
sm
md
lg

เงื่อนไขฟื้น “ภาวะผู้นำ”มาถึงแล้ว แต่ “อภิสิทธิ์”กล้าไหม?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
น่ารับฟังน่าคิดไม่น้อยกับการวิเคราะห์การเมืองของสองนักการเมืองอาวุโส ผู้ผ่านสมรภูมิเลือกตั้งและการเมืองมาหลายสิบปี

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วนและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนกรานว่า แม้รัฐบาลจะมีปัญหารุมเร้า แต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองนอกรัฐสภาอยู่ในสภาวะไม่ปกติ การเลือกตั้งจะยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายที่สนับสนุนระบอบทักษิณ การหาเสียงจะยิ่งเป็นตัวเร่งให้ต้องปะทะกัน จะทำให้บ้านเมืองแตกแยกกันหนักขึ้นไปอีก

จึงควรประคองเวลาไปให้นานที่สุด

อดีตผู้จัดการรัฐบาลสองสมัย พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ จากชาติไทยพัฒนา ที่พูดกันให้ได้ยินชัดๆ หลังหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันศุกร์(4 ก.ย.)ที่ผ่านมาว่า การยุบสภา รัฐบาลต้องมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้พรรคแกนนำยังเป็นรองอยู่มาก

ทำให้โอกาสจะยุบสภายังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้

สองมุมมองของนักการเมืองรุ่นลายคราม สอดคล้องกับการคาดการณ์ของหลายฝ่ายว่า แม้ นายกฯ อภิสิทธิ์ เริ่มประสบปัญหาการนำพารัฐบาลให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง และต้องเสียเวลาแก้ปัญหาการเมืองมากกว่าปัญหาของประเทศชาติ

ทั้งที่บางเรื่องหากใช้ความเด็ดขาด ก็สามารถปลดล็อกเงื่อนไข ที่ทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่เดินหน้า แต่อภิสิทธิ์ก็ไม่กล้าทำ

เพราะติดขัดที่จะทำอะไรก็เจอแต่แรงบีบจากปัจจัยการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลและกองทัพ รวมถึง กลัวว่าตัวเองจะเกิดภาพลักษณ์

“อำนาจนิยม”

อย่างที่ทักษิณ ชินวัตรเคยกระทำมา นั่นจึงทำให้หลายปัญหาที่ภายนอกดูว่าแก้ได้ง่ายเช่นการเด้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกไปจากเก้าอี้ ผบ.ตร.ได้แล้วหลังจากเกิดปัญหาการทำงานที่ไปด้วยกันไม่ได้

แต่อภิสิทธิ์ก็เลือกที่จะไม่ใช้ความเด็ดขาดตรงนี้แก้ปัญหา

ก็ขนาดปัญหาแค่เรื่องพัชรวาทคนเดียว อภิสิทธิ์ยังไม่เด็ดขาด การประกาศ

“ยุบสภา”

ที่ถือเป็นอำนาจเด็ดขาด และเป็นดาบอาญาสิทธิ์ในมือนายกรัฐมนตรี ที่จะมีผลกระทบกับทั้งการเมือง เศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ อีกทั้งกระแสการเมืองยามนี้มีแนวโน้มสูงที่อภิสิทธิ์อาจไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง

อภิสิทธิ์จะกล้ายุบสภาตอนนี้ได้อย่างไร

นี่คือคำปรามาสการเมือง ที่อภิสิทธิ์คงไม่รู้สึกยินดีนัก

เสร็จจากการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาในปลายเดือนกันยายน และหลังคลี่คลายปัญหาเรื่องเก้าอี้ ผบ.ตร.ได้แล้ว การบ้านข้อใหญ่ของอภิสิทธิ์ที่ต้องแก้ไข ก็คือ

เสริมสร้างบารมีผู้นำให้เกิดขึ้นโดยด่วน ก่อนจะสายเกินไป

ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ อภิสิทธิ์ต้องยอมสยบให้กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ระดับผู้มีอำนาจตัวจริง ทั้งเนวิน ชิดชอบ –สมศักดิ์ เทพสุทิน จากภูมิใจไทย บรรหาร ศิลปอาชา จากชาติไทยพัฒนา สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จากรวมใจไทยชาติพัฒนา พินิจ จารุสมบัติและไพโรจน์ สุวรรณฉวีจากเพื่อแผ่นดิน

ที่ยืนคำขาดให้อภิสิทธิ์แก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว หลังจากแกนนำพรรคร่วมสุดจะทนที่อภิสิทธิ์-ปชป.เล่นเกมซื้อเวลาการแก้ไข รธน.มานานสองนาน

ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้มีการใช้มติรัฐสภาตั้งคณะกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดดิเรก ถึงฝั่ง ครั้นพอศึกษาเสร็จ อภิสิทธิ์กลับทำดึงเรื่อง ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มทนไม่ไหวทั้งที่ตกลงกันอย่างดิบดี โดยเฉพาะในการหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพิษณุโลกก่อนช่วงการเปิดประชุมสภาฯเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาว่า

การแก้วิกฤตการเมืองทางที่ดีที่สุดก็คือแก้รัฐธรรมนูญ แต่เมื่อปชป.เห็นว่าเวลายังไม่สุกงอม หวั่นกระแสต่อต้าน จึงพยายามดึงเรื่องเอาไว้

แต่เหล่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพวกติดโทษแบนการเมืองไม่ยอมรออีกต่อไปแล้ว จึงมีการส่งซิกให้ส.ส.หลายคนไปจับมือกับ ส.ว.เพื่อล่ารายชื่อเสนอเป็นญัตติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส่งถึงมือชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ ก็เล่นกดดันอภิสิทธิ์อีกทางหนึ่งด้วยการ เปิดวงหารือ โดยเรียกสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กำลังมีปัญหากับอภิสิทธิ์ในเรื่องการตั้ง ผบ.ตร.ไปรับข้อเสนอ โดยยื่นคำขาดว่า ทุกอย่างต้องทำให้เสร็จก่อนตุลาคมนี้

จึงเป็นที่มาของการพลิกแบบกะทันหันของอภิสิทธิ์ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หลังจากมีการนัดหารือกันที่บ้านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ก.ย.ในช่วงบ่าย ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่าพรรคร่วมยืนยันจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ

อภิสิทธิ์ก็ประกาศในช่วงเย็นวันเดียวกันว่าจะนำเรื่องไปหารือในที่ประชุมครม.วันที่ 8 ก.ย.นี้ เพื่อให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ให้ ส.ส.-ส.ว.ได้อภิปรายกันข้ามวันข้ามคืนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

อันเป็นยุทธวิธียืมมือรัฐสภาสร้างความชอบธรรมในการแก้ไข รธน.ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอภิสิทธิ์เป็นผู้อำนวยการสร้าง จะได้อ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของตัวแทนประชาชน เพียงแต่ไม่รู้ว่ากรอบการแก้ไข รธน.จะออกมาอย่างไร จะแก้กี่มาตรา จะแก้แค่ 2 มาตรา อย่างที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการ คือมาตรา 190 ในเรื่องการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศกับเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากเขตใหญ่มาเป็นวันแมนวันโหวต

หรือจะเอาแบบที่ ส.ส.-ส.ว.เข้าชื่อกันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญตามผลการศึกษาของกรรมการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดดิเรก ถึงฝั่ง ซึ่งหากเอาตามแบบหลังเชื่อได้ว่า ย่อมมีเสียงไม่เห็นด้วยเกิดขึ้นทั่วทุกสารทิศ

อย่างไรก็ตาม การแก้ไข รธน.ซึ่งดูแล้ว ยากแล้วที่อภิสิทธิ์จะซื้อเวลาออกไปได้อีกแล้ว คงต้องเกิดขึ้นแน่นอน

การต้องยอมให้มีการแก้ไข รธน.ของอภิสิทธิ์แสดงให้เห็นว่า อภิสิทธิ์ถูกพรรคร่วมรัฐบาลกดดันขนาดหนัก จนเสียความเป็นตัวของตัวเองที่เห็นมาตลอดว่า เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ

ทำให้ความเป็นพรรคอันดับหนึ่งของปชป.ในรัฐบาลแทบไม่มีความหมายใดๆ จากปัญหาเสียงส.ส.ไม่มากพอในการกุมความได้เปรียบ ทำให้ถูกอัดทั้งซ้ายทั้งขวา ต้องยอมจำนนพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งในเรื่องแก้ รธน.

เพียงแต่ แรงบีบคั้นทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะไม่มีรูระบายออก เพราะอภิสิทธิ์ก็กำลังหาทางปลดเปลื้อง ภาพผู้นำไร้อำนาจของตัวเอง เมื่อยุบสภาแม้จะทำได้แต่เงื่อนไขไม่อำนวย ก็ต้องหาทางไปอย่างอื่น โดยเฉพาะอภิสิทธิ์ก็กำลัง รอฟังมติป.ป.ช.ในสองคดีสำคัญคือ

7 ตุลาฯ ทมิฬเพื่อจัดการกับพัชรวาท ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทั้งวินัยร้ายแรงและอาญาไปแล้วเมื่อวานนี้(7ก.ย.) เพียงแค่รอดูว่าอภิสิทธิ์จะกล้าตวัดปากกาเซ็นสั่งพักงานบิ๊กป๊อดหรือไม่

และคดีเขาพระวิหาร ซึ่งจะเปิดช่องให้มีการปรับครม.ได้ หากว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลถูกรากแหเอาผิดไปด้วยจนส่งผลให้ต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 55

ทั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ว่าที่ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที. นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ

เป็น 6 คนจาก 5 พรรค ที่กำลังรุมบีบหัวใจอภิสิทธิ์อยู่ในตอนนี้ ที่มีคำยืนยันจากป.ป.ช.ว่าสรุปผลการสอบสวนหมดแล้ว ไม่มีอะไรสอบเพิ่มเติมแล้วเหลือแค่ลงมติเท่านั้น

เวลาปลดปล่อยความกดดันและจัดแถวใหม่ในรัฐบาล ของอภิสิทธิ์ อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าและคงทำให้ อภิสิทธิ์อาจหายใจได้คล่องขึ้น ถ้าจะใช้โอกาสปรับครม.ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดีขึ้น

แต่หากมีโอกาสในมือแล้ว อภิสิทธิ์ยังทำไม่ได้ ไม่กล้าทำ ต้องถูกกดหัวอยู่ร่ำไป แบบนี้ ก็ตัวใครตัวมัน

ยุบสภาไปเสียเลยจะดีเสียกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น