“อีสานทีวี” ประเดิม “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศ 1-3 ทุ่ม ทุกวันจันทร์-ศุกร์ มี “อัญชะลี-ประพันธ์-ชัชวาลย์” 3 พิธีกรดาวเด่นจากเอเอสทีวีเข้าประจำการ หวังเติมปัญญาให้คนอีสาน พร้อมให้ข้อมูลที่แตกต่างจากที่เคยได้รับ เชื่อคนอีสานมีวุฒิภาวะ-เข้าใจการเมืองแต่ขาดข้อมูลอีกด้าน วอนคนที่ไม่ชอบพันธมิตรฯ เปิดใจรับฟัง
วีดีโอคลิป รายการ เคาะข่าวริมโขง ช่วงที่ 1
วีดีโอคลิป รายการ เคาะข่าวริมโขง ช่วงที่ 2
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง" "เจ๊ปอง-น้าชัช-ประพันธ์" จับมือเปิดแนวรุกช่องอีสาน
วันนี้ (24 ส.ค.) รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ทางช่อง “อีสานทีวี” ทีวีเพื่อคนอีสาน ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในเครือเอเอสทีวี ได้เปิดตัวเป็นวันแรกโดยออกอากาศช่วงเวลา 19.00-21.00 น. วันจันทร์-ศุกร์ มีผู้ดำเนินรายการประกอบด้วย นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นายประพันธ์ คูณมี และนางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โทรศัพท์เข้ามาในรายการเพื่อแนะนำพิธีกรทั้ง 3 กับคนอีสาน โดยนายสนธิได้ฝากฝังพิธีกร 3 คน ที่ถือเป็นน้องนุ่งที่มีฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าตน สิ่งที่อยากเห็นจากการมีรายการนี้เกิดขึ้นก็คือ ทำให้คนอีสานได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น พี่น้องคนอีสานที่ดูช่องนี้มานานหลายคนอาจไม่เข้าใจพันธมิตรฯ มาก่อน ก็ขอโอกาสใช้รายการนี้เล่าอะไรหลายๆ อย่างและเอาหลักฐานบางอย่างให้พี่น้องคนอีสานได้เห็นบ้าง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ความจริงแล้วพี่น้องชาวอีสานเป็นคนมีวุฒิภาวะและสนใจการเมืองเป็นอย่างดี จึงมี ส.ส.อีสานหลายคนที่เป็นนักการเมืองปากกล้าไม่กลัวเผด็จการ ซื่อสัตย์ ไม่ขายจิตวิญญาณ เช่น พ.อ.สมคิด ศรีสังคม นายแคล้ว นรปติ นายเลียง ไชยการ เป็นต้น แต่ขณะนี้หานักการเมืองที่จริงใจและซื่อสัตย์กับคนอีสานหายาก มีแต่จะเอาเงินเอาทองไปซื้อพี่น้องกันหมด จึงอยากให้พี่น้องคนอีสานให้โอกาสพิธีกรทั้ง 3 คนได้มาเล่าอะไรให้ฟัง และไม่ต้องกังวลว่ามีการศึกษาน้อยเพราะพี่น้องมีปัญญาในตัวเองอยู่แล้วเพียงแต่ไม่มีใครเอาปัญญามาเพิ่มเติมให้ หรือว่าเอาปัญญาอีกด้านหนึ่งมาให้
“พ่อแม่พี่น้องคนอีสานเป็นคนมีน้ำอดน้ำทน รักชาติรักบ้านรักเมือง ขอให้รู้ว่าหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในอดีตมันถูกบิดเบือนมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เอเอสทีวีตัดสินใจที่จะเอารายการ ซึ่ง 3 คนนี้เป็นดาวดวงเด่นของเอเอสทีวี เราทำไมไม่เอาออกช่อง NEWS1 แต่เราจงใจออกช่องอีสาน เพราะเรารู้ว่าพี่น้องชาวอีสานมีมากที่ไม่ได้ดูช่อง NEWS1 และช่องอีสานเป็นช่องวัฒนธรรม ดนตรี ท่องเที่ยว แต่วันนี้เราจะเอาความจริงมาเพิ่มในช่องอีสานนี้”
นายสนธิกล่าวต่อว่า อยากให้พ่อแม่พี่น้องคนอีสานที่ไม่ชอบพันธมิตรฯ วางใจให้เป็นกลาง ดูรายการนี้สักพักหนึ่งก่อน แล้วค่อยเปรียบเทียบข้อมูลซึ่งกันและกัน อย่าเพิ่งเกลียดกัน ที่จริงพระอริยสงฆ์และพระอรหันต์ในภาคอีสานมีมากมาย หรืออาจพูดได้ว่าอริยสงฆ์ 90% ที่คนไทยนับถืออยู่ภาคอีสาน แสดงว่าคนอีสานมีดวงตาที่เห็นธรรม พื้นฐานทางธรรมคนอีสานมีพร้อมอยู่แล้ว จึงขอให้ท่านตั้งใจฟังดีๆ และคิดไปด้วยว่าสิ่งที่ท่านเคยฟังกับที่ 3 คนนี้มาพูด อะไรเป็นเหตุเป็นผลกว่ากัน อยากให้ท่านฟังและคิดเสียก่อน ให้อดทนเสียหน่อย คนที่ไม่ชอบตนและไม่ชอบพันธมิตรฯ นั้นมีไม่น้อยที่ถูกเอาข้อมูลเท็จมาให้
“ผมขอพูดกับพี่น้องคนอีสานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ และองค์บูรพาจารย์ ผมปรารถนาจะให้คนอีสานมีความเจริญรุ่งเรือง มีสติปัญญา มีวุฒิภาวะ อยากให้ลูกหลานคนอีสานยืนบนลำแข้งตัวเอง ไม่เป็นหนี้สินใคร ทำมาหากินสุจริต มีความเจริญก้าวหน้า และผมจะไม่เอาอะไรไปจากชาวอีสานเลยแม้แต่น้อย ขอให้โอกาสทีมงานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอง คุณประพันธ์ และคุณชัชวาลย์ ขอบพระคุณมากครับ” นายสนธิ กล่าว
ต่อจากนั้น เข้าสู่ช่วงสนทนาข่าวสารความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในรอบวันนี้ มีหลากหลายประเด็นร้อนแรงที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง โดยประเด็นแรก นางสาวอัญชะลี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตเตอร์มาถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ขอให้ไปรวมตัวรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านวัดดงมูลเหล็ก ย่านพระราม 7 ซึ่งปรากฏว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงแห่ไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวฟรี พร้อมรับฟังเสียงโฟนอินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำนวนมาก
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมในกรณีนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังอยู่ในช่วงเสื่อม เพราะก่อนหน้านี้เคยเห็นมักชอบโฟนอินไปที่ท้องสนามหลวงเพื่อพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้งที่มีการนัดชุมนุมกัน หรือไม่ก็จะเป็นการโฟนอินไปยังเวทีคนเสื้อแดงตามต่างจังหวัด แต่คราวนี้ถึงขั้นโฟนอินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ถือว่าเป็นการหาทางระบายความอัดอั้น และเร่งเร้าสถานการณ์ เพราะเคยมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังป่วยหนัก เป็นมะเร็ง ทำให้ต้องดำเนินการสร้างสถานการณ์ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยประเด็นนี้ เกี่ยวข้องกับการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันเกิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งนอกจาก มีการนัดแนะกันแต่งกายชุดดำแล้ว ยังมีการนำดอกไม้จันทน์ ทำพิธีเผาพริกเผาเกลืออีกด้วย ทั้งๆที่ มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายฝ่ายออกมาท้วงติงว่าไม่เหมาะสม แต่กลุ่มคนเสื้อแดงก็พยายามจะเดินหน้าทำต่อไป
สำหรับกรณีการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในบ่ายวันที่ 30 ส.ค.นี้ นายประพันธ์กล่าวว่า มีกระแสข่าวรายงานว่า ที่จ.เชียงใหม่หรือจ.อุดรธานี ซึ่งเป็นฐานกำลังสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว โดยเชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยืดเยื้อ จะปักหลักชุมนุมขับไล่รัฐบาล ด้วยการไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ลาออก ด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่อ้างว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากความไม่ชอบธรรม
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า ประเด็นนี้ตนเห็นด้วย เพราะชัดเจนแล้วตอนนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเร่งเกมมากขึ้น ถึงขั้นโฟนอินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งต่อจากนี้ ขอให้จับตาดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามเดินหน้าทำให้เกิดกระบวนการนิรโทษกรรม เพื่อลบล้างความผิดของตนเอง รวมทั้งเพื่อพยายามดึงเงินที่ถูกยึดกลับคืนมาด้วย ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยชี้แจงว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่ปี จากที่เคยมีเงินหลักหมื่นล้าน กลายเป็นหลักหลายแสนล้าน แล้วยังไม่แจ้งต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งถือว่ามีความผิด ดังนั้น อยากให้ประชาชน ลองคิดดูว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ รวยมาได้อย่างไร
นางสาวอัญชะลีกล่าวต่อประเด็นนี้ว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เคยให้ 2 เหตุผลที่ทำการปฏิวัติรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเรื่องปัญหาการทุจริต คอรัปชั่นและการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ตนอยากถามพ่อแม่พี่น้องว่า รัก พระเจ้าอยู่หัว" หรือไม่ ถ้ารักต้องหยุดทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะ "พระเจ้าอยู่หัว" เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ท่านทำเพื่อประโยชน์ของประเทศมาตลอด ทำไมปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วง "พระเจ้าอยู่หัว" ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ปาก พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ามีความจงรักภักดี แต่ปล่อยให้บรรดาลิ้วล้อจาบจ้วง "พระเจ้าอยู่หัว" ด้วยการบิดเบือนข้อมูลผ่านทางวิทยุชุมชน ทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งแจกใบปลิวต่างๆ จึงไม่อยากให้คนไทยตกเป็นเครื่องมือในการกระทำดังกล่าว
นางสาวอัญชะลีกล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมายังร้านก๋วยเตี๋ยววัดดงมูลเหล็ก ว่าตอนนี้อยู่ที่ประเทศมอนเตนิโกร และได้พูดโจมตีถึง นายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยได้ โดยโทษว่ารัฐบาลชุดนี้ ทำสนามการค้ากลายเป็นสนามเด็กเล่น ดูถูกสารพัด พร้อมทั้งโกหกคนเสื้อแดงว่า เพิ่งกลับมาจากยุโรป ทั้งที่จริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีวีซ่าเข้าอังกฤษ แล้วจะเดินทางไปยุโรปได้อย่างไร จึงขอให้พี่น้องชาวอีสานหากต้องการฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้
นางสาวอัญชะลีกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวถึงการทำโทรทัศน์ 100 ช่อง และการจัดรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตด้วยตนเอง ว่า การกระทำดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการชิงพื้นที่สื่อในประเทศไทย โดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญ
จากนั้น นายประพันธ์เปิดประเด็นกรณีที่สื่อมวลชนไทยประโคมข่าว สำนักข่าวแถวหน้าของโลกอย่างรอยเตอร์ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวถ่วง ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่เดินหน้า เพราะพยายามทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติด้วยการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไม่หยุดหย่อน
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า มีข้อมูลระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักลงทุนเข้ามาทำธุรกิจรองจากสิงคโปร์เท่านั้นเอง แต่เนื่องจากปัญหากลุ่มคนเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวทางการเมืองไม่หยุด จึงทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ถอนเงินลงทุนออกจากประเทศไทยไป
ต่อมา นายประพันธ์ได้กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ว่า การรวมตัวครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพราะแกนนำคนเสื้อแดงประเมินสถานการณ์แล้วว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังอ่อนแรง เสถียรภาพไม่มั่นคง อีกทั้งมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งถูกปัญหาอื่นๆ รุมเร้า อาทิ กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. กรณีความขัดแย้งระหว่าง นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กรณีการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งเรื่องพวกนี้จะทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูถดถอย แกนนำคนเสื้อแดง จึงใช้โอกาสนี้หาทางขับไล่รัฐบาล เพราะได้ใจจากการนัดชุนนุมยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งที่ผ่านมา มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก
นายประพันธ์กล่าวต่อถึงประเด็นสำคัญที่เชื่อมโยงกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นว่า สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือ เรื่องการสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่ขณะนี้กำลังงวดจนใกล้สาวถึงตัวผู้บงการ จึงทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังการลอบยิงนายสนธิ กลัวความผิดจึงคิดไปรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงกระทำการบางอย่าง โดยใช้การชุมนุมครั้งนี้ ก่อให้เกิดความวุ่นวาย โดยสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง จะได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง
“คดีต่างๆ กำลังเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีลอบยิงนายสนธิ หรือจะเป็นการสอบสวนกรณีการสลายชุมนุมพันธมิตรฯ ในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับคนมีอำนาจในบ้านเมืองทั้งสิ้น” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามโจมตี พล.อ.เปรม นั้น ถือเป็นเรื่องการบิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยาฯ ทั้งที่จริงๆ แล้ว เป็นความต้องการโยนบาปไปให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เพื่อกลบความผิดในการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้การบริหารเกิดความผิดพลาด เนื่องจากมีการทุจริต คอรัปชั่นในบ้านเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม แต่อย่างใด แต่บรรดาลิ้วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามโยงองคมนตรีไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง รวมถึงดึงสถาบันเบื้องสูงเข้ามาพัวพัน
“เดิมที พล.อ.เปรม ให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ ทำงานมาโดยตลอด แต่ช่วงหลังๆ มานี้ พล.อ.เปรม รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นปัญหาต่อบ้านเมือง จึงไม่ให้การสนับสนุน ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โกรธ พล.อ.เปรม ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนดีจริง ต้องรับฟังความเห็นจากผู้ใหญ่ ไม่ใช่ผูกใจเจ็บ คิดว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ทั้งที่ตัวเองบริหารประเทศล้มเหลวเอง” นายประพันธ์ กล่าว
จากนั้น นายชัชวาลย์ได้กล่าวถึงประเด็นที่ชาวอีสานรักและเทิดทูน พ.ต.ท.ทักษิณ มากเป็นพิเศษว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยถาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องใช้เงินเท่าไหร่ซื้อใจคนอีสาน พล.อ.ชวลิต ตอบว่า ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท แต่ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ ว่าได้คะแนนเสียง ต้องใช้เงินมากถึง 8,000 ล้านบาท ดังนั้น พวกนักการเมืองจึงชอบดูถูกว่า มีเงิน 10,000 ล้านบาท ก็สามารถซื้อใจคนอีสานได้แล้ว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทุ่มเงินซื้อใจคนอีสานเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังหว่านเงินซื้อคนภาคเหนือด้วย เพราะคิดว่าหากซื้อใจคน 2 ภาคนี้ได้แล้วจะชนะการเลือกตั้งแน่นอน
“คนพวกนี้จะล่อลวงคนด้วยข้อมูลผิดๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว คนอีสานเป็นคนที่ตื่นตัวทางการเมือง แต่เพราะไม่มีพรรคการเมืองให้เลือก ถ้าหากจะให้พูดกันตรงๆ คือ คนอีสานไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจาก ที่ผ่านมาผลงานไม่เข้าถึงใจคนอีสาน เพราะ ส.ส.ประชาธิปัตย์ไม่ใช่นักสู้แท้จริง ชาวอีสานชอบนักสู้ ดังนั้น ต้องแก้ปัญหา ทำให้ชาวอีสานมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องใช้นักการเมืองที่เป็นปากเป็นเสียงให้แก่ประชาชนได้” นายชัชวาลย์กล่าว
จากนั้นพิธีกรทั้ง 3 คนได้ร่วมพูดคุยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ยืนยันจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. โดยประเด็นนี้นายชัชวาลย์กล่าวว่า เรื่องนี้มีความพยายามจากอีกฝ่ายที่ต้องการให้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งหากดูจากประวัติแล้ว พบว่า พล.ต.อ.จุมพล มีความสนิทชิดเชื้อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างดี โดยสอดคล้องกับคำพูดก่อนหน้านี้ของ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่า พล.ต.อ.จุมพล เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ใจให้ออกหน้ามาต่อต้านเหตุการณ์ปฏิวัติ 17 กันยาฯ รวมทั้งตอน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ดึง พล.ต.อ.จุมพล ขึ้นมาเป็น ผบ.สำนักข่าวกรอง ทั้งที่จริงๆแล้ว ตำแหน่งนี้ไม่เคยปรากฏว่า มีการดึงเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาทำหน้าที่ดังกล่าวได้
“ข่าวบอกว่ามีเงินไหลจำนวน 270 ล้านบาท ไหลมาจากตะวันออกกลาง เพื่อช่วยให้ พล.ต.อ.จุมพล สมใจอะไรบ้างอย่าง ซึ่งหากนายอภิสิทธิ์ปล่อยให้ พล.ต.อ.จุมพล ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ไม่เพียงแต่จะทำให้ นายอภิสิทธิ์เสียหน้าในฐานะผู้นำแล้ว ยังทำให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะที่อันตรายสุดในชีวิต ซึ่งนับถอยหลังเวลาได้เลย” นายชัชวาลย์ กล่าว