ระทึก!
หวั่นกันว่า 17 ส.ค.จะเป็นวัน “พลิกโฉมประเทศไทย” เพราะสองเรื่องสองปมร้อนๆที่ทำให้คนไทยต้องรอติดตามสถานการณ์??
หนึ่ง เป็นวันที่บรรดาลิ่วล้อระบอบทักษิณ “สามเกลอหัวขวด”ระดมพลมาร่วมชุมนุม และส่งตัวแทนเข้ายื่นถวาย“ฎีกาแดง” ปลดเปลื้องความทุกข์ให้นายเหนือหัวที่จรจัดต่างแดน
สอง คดีทุจริตกล้ายาง ที่ เนวิน ชิดชอบ “นายใหญ่บุรีรัมย์”ของคนเสื้อน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย ต้องขึ้นฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สองเรื่องร้อน จะเป็นชนวนทำให้เกิดเหตุวุ่นวายหรือไม่?
เพราะดูจากเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย สำหรับฝ่ายเสื้อแดง แรกเริ่มเดิมที มีกำหนดการยื่น“ฎีกาเถื่อน” มาตั้งแต่ต้นเดือน แต่เปลี่ยนแปลง เพราะซ่อนแผน แฝงเป้าหมายปั่นป่วน?
ต้องการให้มวลชนคนเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุม เผชิญหน้ากับ “ทัพน้ำเงิน”ที่จะมาชุมนุมให้กำลังใจ “นายห้อย” บริเวณใกล้เคียง
“ม็อบชนม็อบ” เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
หากกลุ่มคนเสื้อแดงแค่ยื่นฎีกาเพื่อช่วยนักโทษชายแล้วก็จบ สลายตัวกันไป ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไป แต่จะรับประกันได้อย่างไร หากมีการส่งซิกเปลี่ยนแผน
ที่สำคัญกับคนสีน้ำเงินก็อย่างทีเห็นๆ มาสเตอร์มายด์ ผู้บงการใหญ่ดีกรีฮาร์ดคอร์ไม่แพ้ใคร พร้อมที่จะสั่งให้ลุยเลือดเดือดได้เหมือนกัน
ที่สำคัญ มีความเป็นห่วงสถานการณ์ จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เข้าสู่สถานการณ์พิเศษและฉุกเฉิน พวกแต่ง“เขียว”ที่ รอ“เข้าฮอร์ส” จะไม่ถือโอกาสยกกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์
ปฏิวัติ ยึดอำนาจ!
อย่างไรก็ดี ถ้าประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า ก็ต้องบอกว่า วันที่17สิงหาคมนี้ ยังไม่น่าจะถึงกับเป็นจุดเปลี่ยน พลิกโฉมประเทศไทย หากจะเป็น ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยกแรกๆ สมรภูมิย่อยๆ ของสงครามกลางเมืองรอบใหม่ที่จะมาถึง
จับสัญญาณจาก “กองทัพเสื้อแดง”ที่ นักโทษชาย ส่งซิกให้ระดมรายชื่อช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์พ้นโศก ที่ใครก็มองออกว่า มีวาระแฝง ซ่อนหมากเกมอันตรายไว้ จงใจดึงคนที่ตัวเองมองเป็นศัตรูออกมาจากที่ตั้ง??
อาศัยมวลชนที่ถูกหลอก จูงจมูกให้มาลงชื่อถวายฎีกา ที่เห็นแล้วว่าระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทชัดเจน และไม่เหมาะสม และทั้งที่ผู้รู้หลายฝ่ายก็ออกมตำหนิติติง ทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย ข้าราชการะดับปลัดกระทรวงเข้าชื่อกันคัดค้าน
ยากจะหยุดยั้ง“ทัพแดง” คนเสื้อแดง ที่เขลาเกินกว่าจะรู้เท่าทัน เล่ห์คดกลโกงนักโทษชายใจหยาบ เปิดเกมบ่อนเซาะ เดินยุทธวิธีตามยุทธศาสตร์“ขุดรากถอนโคน”
ถือว่า เพียงแค่ได้รายชื่อมาอวดตัวว่ามีคนรักคนสนับสนุน เรือนล้าน ก็ถือว่าสำเร็จไปส่วนหนึ่ง และเมื่อยื่นรายชื่อเหล่านั้นถวายฎีกา ก็ถือว่าเสร็จสิ้นพิธีกรรม
“ทักษิณ”บรรลุถึงเป้าหมาย สมประสงค์ดั่งใจแล้ว
คงสั่งถอนทัพกลับที่ตั้ง รอวัน “แดงเดือด”นัดชุมนุมกันต่อไป
สอดคล้องกับความต้องการของแกนนำหัวขวดหัวกล้วย “นักล่ารางวัล”ที่มีงานจัดม็อบบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งวางบิลเบิกค่าใช้จ่ายได้อีกหลายรอบ
ไม่พูดถึงอีกรายนี้ไม่ได้ ที่ไม่พลาดร่วมวงสร้างชื่อ เอาใจ “คุณพ่อ”ที่ดูไบ เสนาะ เทียนทอง ชายเฒ่า ที่อยู่นานเพราะกินข้าว ที่สำรอกสำรากมายังคนเสื้อเหลืองที่คัดค้านการยื่นถวายฎีกาเถื่อน ถึงขั้นขึ้นมึงขึ้นกูกับเรื่องปกป้องเทิดทูนสถาบัน
“แหนมเน่า” รายนี้จำพวกปลิ้นปล้อนกลับกลอก ยามขัดใจกับ “นายใหญ่” ก็ทำฟูมฟาย หอบผ้าหอบผ่อนมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ วันดีคืนดี เขาเอาเก้าอี้ตำแหน่งมาล่อ ก็พลิกกลับไปเลียแข้งเลียขา
คงไม่ใช่เพราะแค่“อยากจนตัวสั่น”อย่างที่หนังสือพิมพ์โปรยหัวข่าว
แต่ที่ตวัดลิ้นเลียแผลบๆ อยากให้เข้าตานักโทษชายกวักมือมาลูบหัว เรียกใช้
ถึงขั้น“กระสัน”กันสุดขีดแล้ว
คำว่าผู้อาวุโส หากไม่สำเหนียกสำนึก รู้ผิดชอบชั่วดี มันก็แค่แก่แบบอยู่ไปวันๆ รอให้เด็กรุ่นหลัง “ถอนหงอก”เท่านั้น!
ขอวกกลับมาว่ากันต่อเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่17สิงหาคม กับท่าทีของ “ทัพเสื้อน้ำเงิน” ของเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองระดับกลางที่สร้างเนื้อสร้างตัวรอเป็นใหญ่ในปฐพี
คดีกล้ายาง ที่คนโตบุรีรัมย์ติดคดี พร้อมกับบรรดาอดีตรัฐมนตรีชื่อดังอีกหลายรายร่วมชะตากรรม รอลุ้นคำพิพากษาเช่นเดียวกัน
งานนี้ออกได้หลายหน้า ทั้งยกฟ้อง พิพากษาให้ไม่ผิด หรือ โดนโทษต้องเดินคุกกันครบทีม
หรือทางที่สามที่สี่ อย่างการโดนโทษมีความผิด แต่ให้รอลงอาญาไว้ ก็เคยมีกรณีคำพิพากษาในกรณี ป.ป.ช.ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง
หรืออาจมีกรณีศาลสั่งเลื่อนการพิจารณาพิพากษาคดี เลี่ยงเหตุร้อน
แต่ไม่ว่าจะออกหน้าไหน ถือเป็นเรื่องที่ต้องจับตา คดีกล้ายางจะส่งผลกระทบต่อการเมือง ในทุกทางที่ออก โดยหากนายเนวิน และพวกพ้องโดนโทษ ก็ต้องจับตากันไม่กะพริบ “สีน้ำเงิน”ที่พลิกขั้วหนีระบอบทักษิณมา จะสวิงข้างกลับไปขั้วเดิมหรือไม่
รัฐบาลประชาธิปัตย์มีหวังพังพาบก่อนกำหนด!
หรือหากพ้นผิดหลุดโทษ ไม่ว่าจะด้วยคำพิพากษา หรือเพียงแค่โทษรอลงอาญา
“เนวิน”ก็จะเหมือนปลดชนัก กลายเป็น“เสือติดปีก” ยากลำบากในการควบคุม ฉุดความทะเยอทะยาน ในการสร้าง “ขั้วอำนาจใหม่” ที่จะเป็นปัญหาไม่แพ้ทัพนักโทษชาย
ที่สำคัญย่อมเป็นประเด็นที่ “คนเสื้อแดง”จ้องเอาไปขยายผล ในประเด็น “สองมาตรฐาน” จุดพลุโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย
คดีกล้ายาง ออกแบบไหนก็วุ่น!
ทั้งนี้ก่อนถึงวันการชุมนุมยื่นฎีกาของคนเสื้อแดง และวันตัดสินคดีกล้ายาง มีกระแสข่าวถึงการจัดตั้งระดมพลคนเสื้อสีน้ำเงิน เข้าเมืองกรุงเพื่อให้กำลังใจนักการเมืองคนดังจากแดนอีสานใต้ ที่หน้าศาลฎีกาเช็กยอดกันทะลุถึง2หมื่นคน
จำนวนเท่านี้ หากต้องปะทะกับ “คนเสื้อแดง”ที่ฝ่ายข่าว สันติบาลประเมินอย่างต่ำๆ จากหัวเมืองของระบอบทักษิณไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ดาหน้าเข้าประจัญบานกันเมื่อไหร่ก็เละเมื่อนั้น
ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใด ในเมื่อประเมินแล้ว มวลชน“คนเสื้อแดง”หลังยื่นฎีกาบรรลุเป้าหมาย มีแนวโน้มสลายตัวไว้รอลุยรอบใหม่
จึงไม่ควรที่คนเสื้อน้ำเงินจะระดมกันเข้ามายั่วยุ ลุยบู๊กันในวันนี้
เข้าใจดีว่าการล่ารายชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกา ที่คนในเครือข่าย เฟรนด์ออฟเนวิน รัฐมนตรีในคาถา จะร่วมด้วยช่วยกันระดมรายชื่อได้หลายล้าน ถือว่าเป็นประโยชน์ ทำให้นักโทษชายได้สำนึก คนไทยที่ลั่นเสียง “กูไม่เอามึง”ก็ไม่น้อย
เพียงเท่านี้ ก็น่าจะพอกับความตั้งใจดี ในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รัก และก็ถือว่าขยับในบทในเกมที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถนัด ที่ต้องขอขอบคุณ
แต่หาก “เนวิน” ไม่หยุดเพียงเท่านี้ เลือกที่จะกดปุ่มระดมไพร่พลเข้าชนสู้ แบบบ้าดีเดือดตามที่ตัวเองถนัด ก็เป็นเรื่องที่ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะควรตระหนัก และพึงระวังเป็นอย่างยิ่ง
ได้ใจชื้น เมื่อมีข่าวนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่หลงมนต์คาถาหมอผีแบบไม่ลืมหูลืมตา โดยสั่ง “ติดเบรก”ม็อบสีน้ำเงิน ที่จัดทัพไว้พร้อม เพราะเคยเห็นเป็นบทเรียนมาแล้ว ทั้งจากสมัยอดีตนายกฯหน้าเหลี่ยม พังเพราะฮาร์ดคอร์
และที่ผ่านมาหยกๆ จากเหตุการณ์ม็อบเสื้อน้ำเงิน ออกโรงลุยกับม็อบเสื้อแดง ระหว่างการประชุมอาเซียนซัมมิตที่พัทยา จนเหตุการณ์บานปลาย จน “อภิสิทธิ์”เกือบเอาตัวไม่รอด
บางครั้งสิ่งที่“เนวิน”แสดงความ “หวังดี” อาจมีเป้า “ประสงค์ร้าย”แฝงเร้น!!
ม็อบชนม็อบ เกมใต้ดิน ไม่ใช่ทางออกแน่ สิ่งที่จัดการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความปั่นป่วนวุ่นวายที่หากจะมีขึ้น คงต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
เชื่อว่า หากไม่มีเกียร์ว่าง เกียร์ถอย ดับเครื่อง หรือวางยา เหมือนคราวสงกรานต์ทมิฬที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอยู่สามารถรับมือไหว และสามารถร้องขอความร่วมมือจากกองทัพมาช่วยเสริมกำลังปฏิบัติการในพื้นที่ได้
บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎมีเกณฑ์ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ ตรงนี้ไม่ขอสนับสนุนการใช้การปฏิบัติ “นอกแบบ” เกมม็อบชนม็อบ ลุยรบกันใต้ดิน
หรือมีวาระแฝง หวังดี ประสงค์ร้าย จ้องป่วนให้ล้มกระดานการเมือง
จัดตั้งกองกำลัง “โจร” เพื่อปราบ “โจร” ยิ่งจะ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เกิดขึ้น และเปิดช่องให้บางฝ่ายได้เดินเข้าสู่อำนาจบนซากปรักหักพังตามแผน
ถึงตรงนี้ จึงต้องขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งฝ่ายตำรวจ หรือทหารที่หากถูกร้องขอให้เสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ต้องเคารพในศักดิ์ศรีและรักใน“เครื่องแบบ”ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปสวมเสื้อสีใดปฏิบัติหน้าที่
ที่สำคัญ พึงตะหนักให้มากกับภารกิจในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น “ตำรวจของพระเจ้าอยู่หัว” เป็น “ทหารของพระเจ้าอยู่หัว”กันทุกผู้ทุกนาม
อย่าปล่อยให้ขบวนการโจร ไม่ว่าฝ่ายใดมาใช้กลเกม ย่ำยีบีฑาแผ่นดินไทยของเราให้พินาศย่อยยับไปกว่านี้อีกเลย!!