xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณผอมลง แกนนำเสื้อแดงอ้วนขึ้น

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เป็นที่น่ายินดีว่า 17 สิงหาคม 2552 ไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ไม่มีการรัฐประหารเงียบ ซึ่งเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะฝ่ายการเมือง สื่อมวลชน และประชาชนได้มีความรู้เท่าทันถึง “ขบวนการชุบมือเปิบ” ที่คอยหวังสถานการณ์รุนแรงที่ถูกสร้างขึ้นแล้วจัดการรัฐประหารเพื่อล้มกระดานความผิดทั้งหลายในอดีตทั้งหมด

ฝ่ายนักโทษชายทักษิณมีโอกาสได้รับประโยชน์หากเกิดการรัฐประหารที่ตกลงกันได้ ด้วยอิสรภาพที่ต้องการรอดพ้นจากคดีความทั้งหลายที่พะรุงพะรังรอบตัวอยู่ รวมไปถึงทรัพย์สินที่ถูกอายัดกว่า 73,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสที่จะได้อำนาจรัฐกลับคืนมาได้ในท้ายที่สุด

ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่แตกหน่อออกมาจากเครือข่ายของพรรคไทยรักไทย ที่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลนายสมัคร และรัฐบาลนายสมชาย ก็ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการล้มคดีความต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมกับรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ทั้งคดีกล้ายาง คดีหวยบนดิน คดีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ฯลฯ

ฝ่ายกลุ่มอำนาจใหม่ก็ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการล้มกระดานได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคาดหวังที่จะล้มคดีการเข่นฆ่าสังหารประชาชน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และอาจพ่วงการล้มคดีรุมฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 เข้าไปได้อีกด้วย และยังมีโอกาสสวมเข้าสู่อำนาจได้ทันทีหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐในปัจจุบัน

คน 3 กลุ่มนี้ จึงยอมดิ้นเพื่อเอาตัวรอดด้วยทุกวิถีทาง และมีโอกาสที่จะอาศัยสถานการณ์เช่นนี้หลอกใช้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา

ฝ่ายนักโทษชายทักษิณ และญาติๆ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ต้องการให้นักโทษชายทักษิณ กลับมาประเทศไทยอย่างไร้มลทิน และไม่ต้องการที่จะรับผิดในคดีความใดๆ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้มีเพียงกรณีเดียวคือ เกิดรัฐาธิปัตย์ ซึ่งมาจากการรัฐประหารเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้

นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนตั้งข้อสงสัยว่า นักโทษชายทักษิณกำลังให้มวลชนคนเสื้อแดงเสี่ยงเผชิญหน้ากับความรุนแรง และหลอกให้เชื่อว่าหากเกิดความรุนแรง นักโทษชายทักษิณจะกลับมาประเทศไทยยืนเคียงข้างกับคนเสื้อแดงเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย เหมือนกับที่นักโทษชายทักษิณได้เคยโฟนอินและวิดีโอลิงก์พูดปลุกปั่นมวลชนคนเสื้อแดงก่อนหน้านี้

30 มีนาคม 2552 “พี่น้องครับวันนี้พี่น้องไม่ต้องห่วงผม หลายคนเป็นห่วง ไม่ต้องห่วง ผมเอาตัวรอด แต่ผมห่วงพี่น้องครับ บอกพี่น้อง ผมบอกพี่น้องได้เลยนะครับ ถ้าเมื่อไหร่เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯ ทันที”

8 เมษายน 2552 “อย่ากลับบ้านมือเปล่า เราต้องหอบประชาธิปไตยไปสัมผัส ไปลูบๆ คลำๆ เพื่อให้เห็นว่านี่คือสิ่งที่เราไปแสวงมาเพื่อลูกหลานเรา”

ท้ายที่สุดในบทเรียนราคาแพงที่สุดของคนเสื้อแดงคือ นักโทษชายทักษิณไม่กลับมา!

แต่ไม่มีใครโง่ไปกว่าใคร แกนนำคนเสื้อแดงบางส่วนก็ไม่ได้หลงกลเกมที่จะพาคนไปตายหรือเอาตัวเองไปเข้าเสี่ยงชีวิต จึงได้ตัดสินใจมอบตัวและสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552

จุดเปลี่ยนประเทศไทยที่ล่อแหลมได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 และไม่อาจที่จะเอื้ออำนวยหวนกลับมาได้อีก

ไม่ต่างอะไรกับการเคลื่อนไหวเพื่อถวายฎีกา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2552 ก็ถือเป็นความล้มเหลวอีกครั้งของนักโทษชายทักษิณ ในคำถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษที่ไม่มีวันช่วยทักษิณได้จริง

“ข้าพระพุทธเจ้าจึงกราบบังคมทูลถวายฎีกา เพื่อทรงพระกรุณาอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปีนั้นเสีย เพื่อจักได้อิสรภาพกลับมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาททำประโยชน์ต่อแผ่นดิน ผู้ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของเขา”

นักโทษชายทักษิณ ที่หนีคดีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่กระทำในพระปรมาภิไธย ไม่สำนึกผิดในความผิดของตัวเอง แถมยังไม่ยื่นถวายฎีกาด้วยตัวเองหรือญาติพี่น้อง ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่า “เป็นการถวายฎีกาเพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่สามารถหวังผลทางกฎหมายใดๆ ได้”

ต่อให้สมมติว่าหาหนทางในการไม่เอาผิดในคดีที่ดินรัชดฯ ได้ จะแน่ใจได้หรือว่าจะแก้ไขคดีอาญาที่รออยู่ข้างหน้าอีกนับสิบคดีได้หรือ?

กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงบางคน ก็ยังอยากมีชีวิตเพื่อใช้เงินที่หามาได้ จึงไหวตัวทันที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงเพื่อล้มกระดานของคนบางกลุ่ม จึงรีบจัดกิจกรรมในลักษณะรีบสลายตัว ลดเงื่อนไขเป็นเหยื่อความรุนแรง เพราะสถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงบางคนยิ่งได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น

ส่วนที่คิดว่าจะได้แต้มทางการเมืองในการเดินหมากนี้ ก็กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อตัวเลขคุยโวโอ้อวดว่ามีรายชื่อถวายฎีกาเพื่อช่วยทักษิณกว่า 5 ล้านชื่อ ซึ่งไม่รู้ว่าแถลงเพื่อหลอกรับประทานใคร? ได้หายไปเฉยๆ เหลือเพียง 3 ล้านกว่ารายชื่อ ซึ่งหมายถึงว่าคะแนนเสียง 13 ล้านเสียงของพรรคพลังประชาชนได้หายไปวูบ ทั้งๆ ที่ ส.ส.ได้รณรงค์ล่ารายชื่อกันอย่างเต็มที่ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา

1 เดือนที่ผ่านมาของคนเสื้อแดง ยังไม่เท่ากับการรณรงค์ล่ารายชื่อของกระทรวงมหาดไทย ที่ได้สำแดงพลังคนคัดค้านการถวายฎีกาโดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ กลับมีคนเข้าร่วมลงรายชื่อกว่า 10 ล้านคน ตามมาด้วยข้าราชการ นักวิชาการ และบุคคลสำคัญทั่วประเทศ ได้ออกมาคัดค้านอย่างหนัก จนกลายเป็นกระแสและความไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง ดังที่ปรากฏแล้วในผลสำรวจความเห็นของประชาชนจากสำนักโพลล์ทุกค่าย

ยังไม่นับว่าตัวเลข 3 ล้านกว่ารายชื่อของคนเสื้อแดงนั้น ก็ยังเป็นที่สงสัยอยู่ว่าเป็นตัวเลขจริงหรือไม่ และรายชื่อประชาชนเหล่านั้นได้รู้ตัวหรือไม่ หรือถูกว่าจ้างมาหรือไม่ ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบในท้ายที่สุด

ส่วนที่ต้องเสียแต้มทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง ก็เพราะว่าความไม่สนใจระเบียบและกฎหมายการถวายฎีกา สำนักราชเลขาธิการจึงออกแถลงการณ์โดยทันทีว่าจะส่งต่อให้รัฐบาลตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

สำนักราชเลขาธิการ ไม่ปล่อยเวลาแม้แต่ชั่วโมงเดียวให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นำเหตุการณ์การรับเอกสารยื่นถวายฎีกาไปหาเสียงหรือโฆษณาชวนเชื่อใดๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำเสื้อแดงได้ถลำลึกไปลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะยุติการเคลื่อนไหวทันที หลังจากได้ยื่นหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ

เป็นจังหวะพอเหมาะพอดี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาในคดีกล้ายางออกไปเป็นวันที่ 21 กันยายน 2552 จึงทำให้เงื่อนไขการปะทะของมวลชนสีน้ำเงินและมวลชนสีแดงได้หายไปอีก

เพียงเท่านี้ความสงบก็กลับคืนมาสู่สังคมไทยอีกครั้ง เมื่อเงื่อนไขความรุนแรงไม่เกิดขึ้น แถมยังมี “สัญญาณพิเศษ” บางประการ ที่ทำให้กองทัพรับรู้ได้ว่าการรัฐประหารไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้สำเร็จ คนอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ย่อมไม่มีทางที่จะกล้าถลำไปเล่นเกมเสี่ยงกับกลุ่มอำนาจใหม่ได้

ยิ่งใกล้ฤดูกาลโผโยกย้ายข้าราชการ กองทัพคงไม่อยากถูกล้วงลูกทลายโผเหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานี้

มิหนำซ้ำฝ่ายกลุ่มอำนาจใหม่ที่ล้มเหลวแผนรุมฆ่านายสนธิ และกำลังถูกรุกไล่อย่างหนักจนไม่สามารถได้รับแรงสนับสนุนและแนวร่วมอย่างเพียงพอเพื่อเปลี่ยนอำนาจรัฐได้

ส่วนฝ่ายแกนนำเสื้อแดงบางคนหวังหลอกรับประทานงบประมาณจากฝ่ายทักษิณต่อไป และยังอยากเสวยสุขในทรัพย์สินที่ได้เหล่านั้น ชุมนุมเท่าไรก็ไม่มีวันชนะ รบเท่าไรก็ไม่มีวันแตกหัก ยืดเยื้อยาวนาน สร้างกิจกรรมไปเรื่อยๆ หลอกให้ทักษิณประทับใจน้ำตาไหลพราก แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้

นักโทษชายทักษิณ ยังคงต้องหนีคุกอยู่ในต่างประเทศต่อไป!

26 สิงหาคม 2552 นี้ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 89 ปี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คนเสื้อแดงก็จะมีการจัดกิจกรรม “ดำทั้งแผ่นดิน” เพื่อเลี้ยงไข้สร้างความหวังให้ทักษิณหลงเชื่อว่าจะกลับมาได้ด้วยกิจกรรมในลักษณะแบบนี้อีกไปเรื่อยๆ

จึงไม่แปลกใจที่การทำวิดีโอลิงก์ล่าสุดของนักโทษชายทักษิณจะซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางตรงกันข้ามแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนดูอ้วนพีขึ้นทุกวันทุกคืน

ทักษิณยังต้องถูกสูบไปอีกนาน!

กำลังโหลดความคิดเห็น