เป็นกระแสข่าวความเคลื่อนไหว ที่กษิต ภิรมย์ จะพลาดการติดตามรับรู้ไม่ได้ กับทริปทัวร์กิตติมศักดิ์ บนโรงแรมรีสอร์ตหรูบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา
โนราห์บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา สถานที่ที่ “เทพเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเชื้อเชิญ แม่ทัพนายกองไปฮอลิเดย์ สูดโอโซนฉ่ำปอด 3 วัน 2 คืน
นายทหารใหญ่และครอบครัว กรุ๊ปนี้ ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ.
3 ป.บูรพาพยัคฆ์ หนีไปท่องทะเลโต้คลื่นลมกับ“เทพเทือก”
“ขั้วอำนาจใหม่”ปาร์ตี้
และทริปฮอลิเดย์นั้น มีกระแสข่าวมอร์นิ่งทอล์ก ไม่เป็นทางการ ในวงกาแฟวีไอพี ที่มีข่าวว่า มีการแสดงทีท่าต่อ “คดีนายกษิต”แบบน่าจะเป็นสัญญาณไม่ดีต่อผู้ที่ถูกเอ่ยอ้างถึง!
ทั้ง 3 เสือ ไม่สบอารมณ์ต่อบทบาทของนายกษิต ที่มองว่าเป็นชนวนเหตุของความยุ่งเหยิงของกองทัพ กับปัญหาความตรึงเครียดในพื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหาร บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา
ประกอบกับมีรายงานข่าวจากองทัพ ที่ส่งสัญญาณแรงในการบีบอัด “กษิต”ออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาลในภาพรวมต่อไป
แม้ว่าขณะนี้ ท่ามกลางกระแสกดดัน ทั้งจากคู่อริ ฝ่ายตรงข้ามที่รับรู้ “บัญชีดำของนายใหญ่”จัดชื่อ “กษิต”อยู่ในศัตรูลำดับต้นๆ ที่ต้องกำจัด เพื่อให้เป็นไปตามแผนการกลับเข้าสู่อำนาจ
ในยุทธศาสตร์คืนถิ่น ยุทธการป่วนเมือง
ทั้งจากกระแสข่าว ท่าทีกดดันจาก 3 บิ๊กทหาร 1 คนโตการเมือง ใน“ขั้วอำนาจใหม่”ที่จ้องเด็ดทิ้ง“ใบเสีย” เขี่ยกษิตให้พ้นทาง โละรัฐมนตรีสายล่อฟ้าของรัฐบาล
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้“กษิต”ประกาศกร้าวจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็ด้วย 1 เสียง จาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 แห่งตึกไทยคู่ฟ้า
เมื่อผู้บังคับบัญชาโดยตรงผู้มีอำนาจตัดสินใจ ยังไม่ได้ชี้เป็นชี้ตายใดๆ ในกรณีคดีความและสถานะบนเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ เพียงแต่ส่งซิกให้ทราบว่า “กษิต”จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อจัดการงานสำคัญ จัดประชุมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา
ยื้อการตัดสินใจ เชือด-ไม่เชือด!!
อย่างไรก็ดี จับอาการจากน้ำคำและสุ้มเสียงของคนเป็นนายกฯ ต่อกรณีของกษิต พอจะประเมินได้ว่า ถึงไม่ได้ชัง แต่ก็ไม่ถึงกับปลื้มเหมือนที่เข้ามาเป็น รมต.ใหม่ๆ
โดยในเรื่องคดีการก่อการร้าย น่าจะเป็นเรื่องความชอบธรรมที่อภิสิทธิ์ มองว่านายกษิตชอบธรรมจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป แม้ในระหว่างการใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ด้วยกระแสกดดัน แรงบีบอัดที่ถาโถมเข้ามา โดยเฉพาะ “พลังสีเขียว” กับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ที่มีดีกรีเดือดสำหรับกษิต มากกว่าเรื่อง “คดีก่อการร้าย”
ปมร้อนที่อดีตนักการทูตรายนี้ เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ พร้อมกับข้อมูลลึก เจาะทะลุแก่นในปมความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน จนเรียกเสียงเชียร์อื้ออึง ดังไปถึงพรรคต้นสังกัดประชาธิปัตย์ ตัวช่วยที่ทำให้ได้นั่งเก้าอี้เสนาบดีบัวแก้ว
แต่ต้องยอมรับว่า 6 เดือนบนเก้าอี้ “กษิต”แผ่วลงไปอย่างน่าใจหาย
ทั้งภาพรวมในนโยบายเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ไม่เร่าร้อนอย่างที่เคยเปิดปูมเจาะประเด็น หนำซ้ำบทบาทของกษิตในระยะหลังกับกรณีปราสาทพระวิหารยังน้อยลงไป
แม้แต่เกิดกรณีความตึงเครียดพื้นที่ชายแดน ที่นายสุเทพยกคณะแม่ทัพนายกองไปเจรจากับ สมเด็จฯ ฮุนเซ็น เพื่อคลายสถานการณ์ร้อน ไม่ปรากฏร่างเงาของกษิตตามคณะไปด้วย ทั้งที่ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ควรจะเป็นกลจักรสำคัญ เคลียร์ความขัดแย้ง
แต่จุดสังเกต และน่าจะชี้ให้เห็นถึงความไว้วางใจที่นายกฯ อภิสิทธิ์มีให้นายกษิต เริ่มลดน้อยถอยลงก็จากกรณีการประชุม ครม.เพื่อพิจารณาการยื่นข้อคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และในคราวนั้น กษิตเป็นเสียงหลักที่ทักท้วง
อีกทั้งเมื่อถึงคราวต้องปฏิบัติตามมติ ครม.ส่งตัวแทนไปยื่นเรื่องประสานประเทศต่างๆ ในที่ประชุมยูเนสโก ที่เมืองเซบีญา ประเทศสเปน ก็เป็น สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมอบหมาย
เป็นการทำหน้าที่แทน และก็ประสบความล้มเหลวกลับมา ที่อภิสิทธิ์มองว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ“กษิต” ใส่เกียร์ว่างจากงานที่รับผิดชอบ และย่อมเป็นส่วนสำคัญ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งของนายอภิสิทธิ์
เพราะอย่าลืมว่า กับประเด็นปราสาทพระวิหาร อภิสิทธิ์ ในสมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้จับประเด็นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ อย่างจริงจังด้วยตัวเอง
“อภิสิทธิ์”ก็ย่อมอยากจะเห็นการปฏิบัติในสิ่งที่พูดไว้ในสมัยที่ยังไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และก็มีความหวังกับผู้รู้ลึกรู้จริง เข้าใจในปัญหาอย่างกษิต
แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง ที่อาจด้วยเพราะสถานการณ์เปลี่ยน คนเปลี่ยน
นายกฯ ก็อาจจำเป็นตัว“เปลี่ยนตัว”??
อย่างไรก็ดี ที่เป็นข้อสังเกตหนึ่ง ที่ทำให้ กษิต ต้องตั้งรับกระแสกดดัน แรงต่อต้าน ไม่ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป หลายเรื่องที่ถาโถมในวันนี้ ก็เพราะความเป็นตัวของตัวเองของกษิตเอง
โดยเฉพาะความเป็นนักการทูตสไตล์อินดี้ ฉีก และแหวกแนว เอกลักษณ์ที่ไม่ลอกเลียนใคร
ภาษาดอกไม้ในแบบฉบับของนักการทูตทั่วไป กษิตไม่ถนัด แต่เชี่ยวชาญ“ถือขวาน” ไว้ “ผ่าซาก”
พร้อมจามเจาะเฉาะแหลกทุกผู้ที่ราวี
การโพล่งโผงผาง กลายมาเป็นกับดัก ที่ทำให้ “กษิต”ต้องติดบ่วงในวันนี้
ไม่เฉพาะวาจาเผ็ดร้อน “กุ๊ย” หรือการให้สัมภาษณ์แสดงทีท่าต่อการร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ “อาหารดี ดนตรีไพเราะ” ที่เป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมโดนถล่มจากฝ่ายตรงข้าม
แต่ที่สะท้อนภาพ อาจจะเห็น“ปลาหมอ” ต้องถึงคราวเป็นไปเพราะปาก ที่ไม่ระวัดระวังในการเอ่ยถึงเรื่องคดีความ ที่เคยพูดชัดว่า พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าถูกหมายเรียกและต้องไปขึ้นศาล
คำพูดเป็นนาย “กษิต” จะพังก็เพราะวจีวาจานั่นเอง
ที่น่าสนใจมากกว่านั้น นอกจากท่าทีไม่เด่นชัด จะชี้เป็นชี้ตายนายกษิต ของนายกฯ อยู่ที่การเป็นแนวร่วมขั้วอำนาจใหม่ ที่ส่งแรงบีบ รมว.ต่างประเทศ ของ“เทพเทือก”
เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ หาก “เทพเทือก”เออออข้อเสนอ สละรัฐมนตรีรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์
เพราะที่กษิตเข้ามาร่วมค่ายชายคาพรรคประชาธิปัตย์ ในเครือข่ายของเขา ด้วยเพราะสัมพันธภาพอันดีที่มีต่อกัน ด้วยเพราะ“กษิต”มีน้องชายที่สนิทสนมกับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
“เอ๊ด ภิรมย์”เอ็นจีโอภาคสิ่งแวดล้อม คือเพื่อนรักเพื่อนเกลอของ “เทพเทือก”เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาด้วยกัน
โดยสมัยเรียนนั้น บ้านของ พล.ร.ท.สมภพ ภิรมย์ ผู้เป็นพ่อของ “เอ๊ด”และ“กษิต” ก็มี“ เทพเทือก”เป็นแขกขาประจำแวะเวียนไปอาศัยหลับนอนกินอยู่ ด้วยเพราะจากเชียงใหม่ไปสุราษฎร์ฯ รวดเดียว สำหรับ “สุเทพ”ถือว่าไกลและเหนื่อยเกินไป
จนเรียกได้ว่า ครั้งหนึ่ง“สุเทพ” คือสมาชิกรายหนึ่งของครอบครัว“ภิรมย์” ที่บ้านย่านสะพานควาย
ฉะนั้น หากจำเป็นที่“เทพเทือก”จะออกเสียงเชียร์ให้เชือดคนที่เคยคุ้นเคย สมาชิกบ้านที่เคยพึ่งพาอาศัย ก็คงต้องเพราะมีเหตุผลจำเป็น
เลี่ยงลงดาบไม่ได้ จำต้องลืมข้าวแดงแกงร้อน!
ในระหว่างที่ยังไม่ชัดเจนใดๆ ต้องขอมองข้ามช็อต หากนายกฯ อภิสิทธิ์ เลือกที่จะปรับเปลี่ยน รมว.ต่างประเทศ ในวันใดวันหนึ่ง
หาก“กษิต”พ้นไป แล้วใครจะมา?
เริ่มขยับจนจับความเคลื่อนไหวได้ ชื่อแรก เกียรติ สิทธีอมร ที่ขณะนี้มีตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย ปลอบใจหลังจากแห้วเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ เชี่ยวชาญการค้าการขาย ที่สำคัญได้รับการสนับสนุนจาก “นายหัวชวน หลีกภัย” ผู้อาวุโส ปชป.
แต่ด้วยเพราะสไตล์วันแมนโชว์ มีความมั่นใจในตัวเองสูงจนเกินไป อาจส่งผลต่อ รูปแบบการทำงานเป็นทีม ที่อภิสิทธิ์ต้องลังเล คิดหนักในการมอบหัวโขนให้
อีกรายที่เคยเป็นแคนดิเดต ชิงเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศมาแล้ว ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.ระบบสัดส่วนที่เชี่ยวชาญการต่างประเทศอีกราย แต่ด้วยเพราะหากเลือกรายนี้ ก็อาจเป็นการสืบทอดเก้าอี้ “สายล่อฟ้า” อยู่ในข่ายโดนถล่มจากฝ่ายต่อต้าน
ที่สำคัญ ด้วยการที่ไกรศักดิ์ มีท่าทีแข็งกร้าวต่อรัฐบาลทหารพม่า จนมีข่าวถูกขึ้นแบล็กลิสต์“บัญชีดำหม่อง” ในยามที่ต้องเดินแนวทางสมานฉันท์กับประเทศต่างๆ จึงทำให้เขามีโอกาสน้อย เพราะอภิสิทธิ์คงไม่อยากปิดประเทศเลิกคบหากับเพื่อนบ้าน
อีกรายที่แม้ไม่ป็อปปูลาร์วงกว้าง แต่มาแรง ด้วยลูกขยัน โดยเฉพาะบท “นักล่า”การเดินเกมไล่บี้นักโทษชายทักษิณ ชื่อของ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศ จึงได้รับการจับตาว่าอาจได้เลื่อนขั้น เป็นเจ้ากระทรวงบัวแก้วรายใหม่
อย่างไรก็ตาม ลับจากวงในประชาธิปัตย์ ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ อาจจำเป็นต้องหันไปใช้บริการ“คนนอก” ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาตัว เฟ้นเลือกให้ดีที่สุด ในตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญที่ถือว่าเป็น“หน้าตาของประเทศ”
ไม่ให้ใช้สิ้นเปลืองเหมือนกระดาษทิชชู่ อย่างที่ผ่านมา!!