ก็แปลก “นักโทษชายทักษิณ” ยังไม่เคยสำนึกสำเหนียก แสดงท่าทีรับรู้ในความผิดที่ตัวก่อกรรมทำเข็ญต่อบ้านต่อเมืองไว้ ยังมีหน้าสะเออะสั่งไพร่ทาสให้เดินเกมรวบรวมรายชื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ
อย่าลืม! ถึงกำแหงแรงเดชอยู่ต่างแดน แต่“นรก”ไม่มีพรมแดน
ตามไปกินกบาลได้ทุกเมื่อ!
แพ็กเกจนี้ ถึงจะออกมาจากปาก นำเสนอโดย “หัวขวดหมายเลข1” วีระ มุสิกพงศ์ ที่เพียรพยายาม“ขายของ” โปรโมชันโดนใจให้นายใหญ่ แลกบำเหน็จรางวัล
แต่จะบอกว่า“นช.แม้ว”ไม่รู้ไม่เห็น เพียงเออออรักษาน้ำใจ เครือข่ายคนเสื้อแดง ก็คงไม่ใช่ เพราะเห็นส่งสัญญาณเร่งเกมเร็วและแรง หวังจะเผด็จศึกให้เป็นไปตามที่ป่าวประกาศ รัฐบาลจะล้มไปภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ตามแผน“ตากสิน1” เร้าเกมไปสู่เป้าหมาย End State
“ทักษิณ”รู้อยู่แก่ใจ รู้เห็นหรือไม่กับแผนที่คิดว่า เพียงแต่แรงสะท้อนกลับไม่เป็นไปตามประสงค์ โดยเฉพาะการทำลายฐานมวลชนของตัวเอง
เมื่อ “เสื้อแดง”บางส่วนชักงงรับประทาน กับยุทธศาสตร์พลิกไปพลิกมา
อีกทั้งอย่าลืมเป็นอันขาด คนในบ้านนี้เมืองนี้ คงไม่มีวันอภัยให้แก่ผู้ ที่ก่อกรรมทำเข็ญบ้านเมืองอย่างสาหัสสากรรจ์
เอาง่ายๆ แค่ญาติพี่น้องคนตาย 2,000 กว่าศพ จากคดีฆ่าตัดตอน ด้วยนโยบายเหวี่ยงแห ผิดพลาด ไม่มีวันยกโทษให้คนชื่อทักษิณเป็นแน่
ทั้งนี้ที่ว่า ยุทธศาสตร์ป่วนเมืองที่นักโทษชายมีคำบัญชาให้เร่งเกมเร็ว ตามแผน“ล้มรัฐ” สังเกตได้จากอีกแนวรบด้านหนึ่ง นอกจากใช้มวลชนเสื้อแดงกวนใจรัฐบาล
คือการอาศัยเครือข่ายพรรคเพื่อไทย “บริษัทการเมือง” ของทักษิณ ที่แม้ว่าสภาฯ กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม และสมัยประชุมหน้าก็เล่นอะไรได้ยาก เพราะเป็นสมัยนิติบัญญัติ ที่พิจารณาแค่กฎหมาย
ขณะที่เกมโละรัฐธรรมนูญ เดินแผนนิรโทษกรรม ฟอกความผิดให้ตัวเอง ก็ชักจะตื้อ เดินหน้าไม่เต็มสูบ
แต่เพื่อไทยก็ต้องเตรียมแต่งตัวให้พร้อมรบ พร้อมร่วมป่วนทุกเมื่อ โดยล้มแนวคิดแยกสลายตัวเป็นหลายค่ายหลายพรรค อำพรางลดการเป็นเป้าทำลายล้าง
เพราะวันนี้ ทักษิณ เลือกแล้วที่จะเดินลุยชนกำแพงโดยด่วนนรก-เพื่อไทย
พรรคที่แม้จะมีหัวหน้าพรรค ก็ยังเทียมๆไม่ใช่ตัวจริง เพื่อไทย ยังคงอยู่ในสภาวะ “ผีหัวขาด”
ชื่อแคนดิเดตที่จะมาเป็นร่างทรงคนใหม่ ทยอยกันเข้ามาเสนอตัว ยืนกุมเป้าให้ “นายจ้าง” คัดเลือก รีครูทนอมินี
โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่า ไม่ว่าจะเป็น “ไดโนเสนาะ เทียนทอง” หัวหน้าคณะ“หินกลิ้ง” กลิ้งไปกลิ้งมา กับ “อินทรีปีกหัก” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้ยังไม่ลดละความทะเยอทะยานอยาก
แม้กระทั่งอดีตนายกฯ“บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่แสดงตัวและลดตัว อยากมาเป็น“ตัวเลือก”ของ“น้องแม้ว” อีกครั้ง
รวมทั้ง“ซุ้ม”มือปืนรับจ้าง อดีตนักรบที่พลิกขั้วกลับไปกลับมา ทั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ที่“เป็ดเหลิม” ดันก้นเข้ามาร่วมวง หวังสยายอิทธิพลคุมพรรค คุมสเบียง
แม้สุดท้ายเชื่อว่า ชื่อเหล่านี้ สำหรับทักษิณ คงให้ค่าเป็นเพียงการดึงมาเป็นพวก ช่วยงาน
มองเป็นเพียงแค่ “ม้ารับใช้”
แต่ที่ถูกเปิดชื่อออกมา และดูน่าจะตรงสเปกนอมีนีรายใหม่ของนายใหญ่ ก็ต้อง “ดร.ตั๊ก” ปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกฯ มาดนักซิ่ง
เป็นดร..หนุ่มที่เข้ามาช่วยงานระบอบทักษิณ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และมีชื่อจะได้เป็นรัฐมนตรีหลายครั้ง มีความรู้ความสามารถ บุคลิกภาพดี พูดจานุ่มนิ่ม นอบน้อม
ที่สำคัญ รู้คุณคน โดยเฉพาะกับ “ทักษิณ” ที่เคยตั้งให้ “ด็อกเตอร์ตั๊ก” เป็นผู้แทนการค้าไทย
อีกทั้งด้วยบุคลิกภาพเตะตา สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น เป็น “ขวัญใจแม่ยก”กองเชียร์สตรีหนาแน่น แม้กระทั่ง “นายหญิง” ก็ยังให้ความ“เอ็นดู”
เป็น“เด็กปั้น”สายตรงที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” สนับสนุน!
แต่ไม่รู้ว่าข่าวรั่ว เป็นของจริงที่ซ่อนไว้ หรือเพราะมีผู้หวังดีประสงค์ร้าย โยนชื่อขึ้นเวที ผลักออกมาล่อเป้ากันก่อน
เหมือนที่มีความพยายามจะปั้น “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คนโปรดของพี่ชาย และนายหญิง ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็น “หัว”ตัวจริง เพราะวางใจได้ โดยเฉพาะเรื่องดูแลบัญชี คุมการอัดฉีด
แต่ตอนนี้น้องสาวทักษิณ “ขวัญใจเสธ.” จำต้องรีบหลบฉากเข้าหลังโรง เกรงจะโดนถล่มเละไปก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
อีกรายที่จู่ๆ ก็มีกระแสข่าวไปข้องแวะกับ “นักโทษชาย” และ “นายหญิงใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า
สมศักดิ์ เทพสุทิน
ทั้งที่รายนี้คือผู้ที่ยกไพร่พล กระโดดหนีจาก“ระบอบทักษิณ”มาก่อนใครพวก โดยตั้งกลุ่ม“มัชฌิมา” ทึ่เคยเลี้ยงดูปูเสื่อไพร่พลนับร้อยราย และท้ายที่สุดเหลือร่วมหัวจมท้ายกันแค่หลักสิบ
โมเดลที่ก๊ก “หมอผีบุรีรัมย์” จะเดินซ้ำรอย ??
ไม่แน่ใจว่าจะเป็น“ข่าวปล่อย”จากผู้ที่ต้องการ“ปล่อยข่าว” ด้วยหวังดีประสงค์ร้าย และเป้าหมายเพื่อการ“เสี้ยม”ให้สองเสือแดนสิงห์พรรคภูมิใจไทย แตกคอกัน
แต่หากเป็นการข่าวปล่อย “สมศักดิ์” ลังเลจะกลับบ้านเก่า หานายใหญ่ คนปล่อยข่าวก็น่าจะนกรู้ อ่านทางเก่ง
เพราะหากจับอาการเจ้าพ่อสุโขทัยยามนี้ แม้ “สงบนิ่ง” แต่ “ร้อนรน” อยู่ภายใน ในยามที่ต้องกลายเป็น “หุ้นส่วนเสียงข้างน้อย” ในพรรคภูมิใจไทย ที่ตัวเองตั้งมา
นั่นก็เป็นไปตามสูตรคณิตศาตร์การเมือง คนเยอะ-ทุนเยอะ ย่อมเสียงดังกว่า
เมื่อต้องพึ่งพาสาย “เนวิน”จุนเจืออัดฉีดเป็นหลัก ขณะที่กองกำลัง และคลังส่วนตัวของสมศักดิ์ มีไม่มากมาย ก็ต้องยอมสยบ
ที่สำคัญ วันนี้ของ “สมศักดิ์” กำลังย่ำแย่เข้าไปใหญ่ พรรคพวกลดน้อยถอยลง แม้กระทั่งอดีตมือขวา พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่เคยผลักดันให้เป็น รมช.พาณิชย์ ในยุครัฐบาลสมัครมาแล้ว
ก็ผิดใจกันด้วยเรื่องโควตารมต. และ“ส่วนแบ่ง”โปรเจกต์ข้าว เลยแพ้แรงดูด“ซาละเปาสีแดง”
พาพวก ย้ายเข้ากลุ่ม“ชากังราว –วังบัวบาน”ในพรรคเพื่อไทย ของ“วราเทพ รัตนากร -เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เสร็จเหลี่ยมไปเรียบร้อย
ไม่เท่านั้นกับงานของพรรคสีน้ำเงินต้นสังกัด ตั้งแต่ประโคมข่าว จัดคาราวานเปิดตัวผู้สมัคร จนกระทั่งลงปูพรมสีน้ำเงิน ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนคร ถึงจะมี "พรทิวา นาคาศัย" รมว.พาณิชย์ในเครือไปร่วมลงแรงแข็งขัน
แต่สำหรับตัวของ “สมศักดิ์” รีบไป รีบกลับ ไม่กล้าทาบรัศมีของพี่ใหญ่ตัวจริง
ทำตัวเป็นเพียง“แขกรับเชิญ”
มิหนำซ้ำ ที่ออกมาเล่นบทขึงขังไม่พอใจ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้จะตรงกับส่วนลึกโดยเฉพาะความอึดอัดคับข้องใจ ด้วยกระทรวงพาณิชย์ ถูกแตะเบรก สั่งชะลอโครงการอยู่เรื่อย โดยมีบิ๊กบอส ภูมิใจไทย “ส่งซิก” สะกิดให้ออกมาห้าว
แต่ผลพวงที่ได้รับจากการท้าทายผู้นำ “สมศักดิ์” กลับเจอหนักกว่า
ฟีดแบ็กจาก “นายกฯหน้าหล่อ” ที่เริ่มตั้งหลักได้ จากความพ่ายแพ้ในการประลองยุทธ์กับขั้ว“สีแดง”ในจังหวัดสกลนคร ของพรรคภูมิใจไทย สถานการณ์ที่เป็นอยู่ นายกฯโอบามาร์ค มองออก ไม่ว่าใครก็ย่อม “แหยงทักษิณ”
ยุทธศาสตร์ใหม่ “รวมกันเราอยู่” ทุกขั้วพรรคร่วมรัฐบาลต่างเห็นพ้อง จึงเปิดโอกาสให้ “อภิสิทธิ์” ที่ถูกขี่ถูกขย่มมาครึ่งค่อนปี ได้“เอาคืน”บ้างแล้ว
“ถ้าทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่”
ไม่เฉพาะ“ก๊กเนวิน” ที่ต้องสยบอย่างราบคาบ ยอมร่วม“ทนอยู่” โดยไม่กล้าแหยมกล้าสวนกับพายุอารมณ์ของนายกฯ แม้แต่“สมศักดิ์” และพวก ก็ต้องยิ้มแหยๆ
โครงการแก้ปัญหาสินค้าการเกษตร ทั้งการรับจำนำ ระบายสต๊อกข้าว เรื่องข้าวโพด มันสำปะหลัง “นายกฯมาร์ค”ว่าไง ว่าตามกัน
อีกทั้งสัญญาณไม่สู้ดี มีมาให้ “โคบาลสุโขทัย” รับรู้เป็นระยะๆ
ศัตรูจ้องล่อมีอยู่รอบทิศ!
ไหนจะคนร่วมพรรค ที่ยังไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน อดีตลูกน้องที่แปรพักตร์ ที่รู้ทางรู้เส้นสนกลในกันดี เอาข้อมูลไปให้ฝ่ายตรงข้ามเชือด ไหนจะพรรคแกนนำรัฐบาล ที่จำฝังใจในรอยแค้น
เห็นได้ว่า หลังออกมาปะฉะดะนายกฯไม่กี่วัน มีข่าวหลายเรื่องที่ไม่เป็นมงคล ล้วนแล้วสะเทือนมาถึงตัว
ไล่ตั้งแต่การประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่มี “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน มีการพิจารณาอนุมัติให้คดีทุจริต โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ งบฯ 770 ล้านบาท
และโครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่สมัยที่ "อนงค์วรรณ เทพสุทิน" เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ
“ฝายแม้ว” ของ “เมียสมศักดิ์” เข้าข่าย “คดีพิเศษ”
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น มีข่าวร้อนๆ จากป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อดีตเลขาธิการ สปส. ในความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในโครงการเช่าจัดหาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศแรงงาน มูลค่า 2,800 ล้านบาท
เชือดบิ๊กข้าราชการ คอมพ์ฉาว สปส.
เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวอะไรกับ “สมศักดิ์” ถ้าไม่ใช่เลขาธิการ สปส. ในสมัยที่นายสมศักดิ์ นั่งเก้าอี้รมว.แรงงาน และไม่ใช่เลขาธิการ สปส. ที่ชื่อ “ไพโรจน์” ที่ปัจจุบันเข้าสู่วงการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย
มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ในการสนับสนุนของ “สมศักดิ์”
สองข่าวร้อนๆ เกี่ยวกับคนใกล้ตัว มาถึงหูไล่เลี่ยกันแบบนี้ เชื่อว่า ต่อให้ห้าวหาญฮึกเหิมยังไง วันนี้“โคบาลสุโขทัย” ก็คงคึกไม่ออก!!
อย่าลืม! ถึงกำแหงแรงเดชอยู่ต่างแดน แต่“นรก”ไม่มีพรมแดน
ตามไปกินกบาลได้ทุกเมื่อ!
แพ็กเกจนี้ ถึงจะออกมาจากปาก นำเสนอโดย “หัวขวดหมายเลข1” วีระ มุสิกพงศ์ ที่เพียรพยายาม“ขายของ” โปรโมชันโดนใจให้นายใหญ่ แลกบำเหน็จรางวัล
แต่จะบอกว่า“นช.แม้ว”ไม่รู้ไม่เห็น เพียงเออออรักษาน้ำใจ เครือข่ายคนเสื้อแดง ก็คงไม่ใช่ เพราะเห็นส่งสัญญาณเร่งเกมเร็วและแรง หวังจะเผด็จศึกให้เป็นไปตามที่ป่าวประกาศ รัฐบาลจะล้มไปภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ตามแผน“ตากสิน1” เร้าเกมไปสู่เป้าหมาย End State
“ทักษิณ”รู้อยู่แก่ใจ รู้เห็นหรือไม่กับแผนที่คิดว่า เพียงแต่แรงสะท้อนกลับไม่เป็นไปตามประสงค์ โดยเฉพาะการทำลายฐานมวลชนของตัวเอง
เมื่อ “เสื้อแดง”บางส่วนชักงงรับประทาน กับยุทธศาสตร์พลิกไปพลิกมา
อีกทั้งอย่าลืมเป็นอันขาด คนในบ้านนี้เมืองนี้ คงไม่มีวันอภัยให้แก่ผู้ ที่ก่อกรรมทำเข็ญบ้านเมืองอย่างสาหัสสากรรจ์
เอาง่ายๆ แค่ญาติพี่น้องคนตาย 2,000 กว่าศพ จากคดีฆ่าตัดตอน ด้วยนโยบายเหวี่ยงแห ผิดพลาด ไม่มีวันยกโทษให้คนชื่อทักษิณเป็นแน่
ทั้งนี้ที่ว่า ยุทธศาสตร์ป่วนเมืองที่นักโทษชายมีคำบัญชาให้เร่งเกมเร็ว ตามแผน“ล้มรัฐ” สังเกตได้จากอีกแนวรบด้านหนึ่ง นอกจากใช้มวลชนเสื้อแดงกวนใจรัฐบาล
คือการอาศัยเครือข่ายพรรคเพื่อไทย “บริษัทการเมือง” ของทักษิณ ที่แม้ว่าสภาฯ กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม และสมัยประชุมหน้าก็เล่นอะไรได้ยาก เพราะเป็นสมัยนิติบัญญัติ ที่พิจารณาแค่กฎหมาย
ขณะที่เกมโละรัฐธรรมนูญ เดินแผนนิรโทษกรรม ฟอกความผิดให้ตัวเอง ก็ชักจะตื้อ เดินหน้าไม่เต็มสูบ
แต่เพื่อไทยก็ต้องเตรียมแต่งตัวให้พร้อมรบ พร้อมร่วมป่วนทุกเมื่อ โดยล้มแนวคิดแยกสลายตัวเป็นหลายค่ายหลายพรรค อำพรางลดการเป็นเป้าทำลายล้าง
เพราะวันนี้ ทักษิณ เลือกแล้วที่จะเดินลุยชนกำแพงโดยด่วนนรก-เพื่อไทย
พรรคที่แม้จะมีหัวหน้าพรรค ก็ยังเทียมๆไม่ใช่ตัวจริง เพื่อไทย ยังคงอยู่ในสภาวะ “ผีหัวขาด”
ชื่อแคนดิเดตที่จะมาเป็นร่างทรงคนใหม่ ทยอยกันเข้ามาเสนอตัว ยืนกุมเป้าให้ “นายจ้าง” คัดเลือก รีครูทนอมินี
โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่า ไม่ว่าจะเป็น “ไดโนเสนาะ เทียนทอง” หัวหน้าคณะ“หินกลิ้ง” กลิ้งไปกลิ้งมา กับ “อินทรีปีกหัก” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้ยังไม่ลดละความทะเยอทะยานอยาก
แม้กระทั่งอดีตนายกฯ“บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่แสดงตัวและลดตัว อยากมาเป็น“ตัวเลือก”ของ“น้องแม้ว” อีกครั้ง
รวมทั้ง“ซุ้ม”มือปืนรับจ้าง อดีตนักรบที่พลิกขั้วกลับไปกลับมา ทั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ที่“เป็ดเหลิม” ดันก้นเข้ามาร่วมวง หวังสยายอิทธิพลคุมพรรค คุมสเบียง
แม้สุดท้ายเชื่อว่า ชื่อเหล่านี้ สำหรับทักษิณ คงให้ค่าเป็นเพียงการดึงมาเป็นพวก ช่วยงาน
มองเป็นเพียงแค่ “ม้ารับใช้”
แต่ที่ถูกเปิดชื่อออกมา และดูน่าจะตรงสเปกนอมีนีรายใหม่ของนายใหญ่ ก็ต้อง “ดร.ตั๊ก” ปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกฯ มาดนักซิ่ง
เป็นดร..หนุ่มที่เข้ามาช่วยงานระบอบทักษิณ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และมีชื่อจะได้เป็นรัฐมนตรีหลายครั้ง มีความรู้ความสามารถ บุคลิกภาพดี พูดจานุ่มนิ่ม นอบน้อม
ที่สำคัญ รู้คุณคน โดยเฉพาะกับ “ทักษิณ” ที่เคยตั้งให้ “ด็อกเตอร์ตั๊ก” เป็นผู้แทนการค้าไทย
อีกทั้งด้วยบุคลิกภาพเตะตา สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น เป็น “ขวัญใจแม่ยก”กองเชียร์สตรีหนาแน่น แม้กระทั่ง “นายหญิง” ก็ยังให้ความ“เอ็นดู”
เป็น“เด็กปั้น”สายตรงที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” สนับสนุน!
แต่ไม่รู้ว่าข่าวรั่ว เป็นของจริงที่ซ่อนไว้ หรือเพราะมีผู้หวังดีประสงค์ร้าย โยนชื่อขึ้นเวที ผลักออกมาล่อเป้ากันก่อน
เหมือนที่มีความพยายามจะปั้น “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คนโปรดของพี่ชาย และนายหญิง ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็น “หัว”ตัวจริง เพราะวางใจได้ โดยเฉพาะเรื่องดูแลบัญชี คุมการอัดฉีด
แต่ตอนนี้น้องสาวทักษิณ “ขวัญใจเสธ.” จำต้องรีบหลบฉากเข้าหลังโรง เกรงจะโดนถล่มเละไปก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
อีกรายที่จู่ๆ ก็มีกระแสข่าวไปข้องแวะกับ “นักโทษชาย” และ “นายหญิงใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า
สมศักดิ์ เทพสุทิน
ทั้งที่รายนี้คือผู้ที่ยกไพร่พล กระโดดหนีจาก“ระบอบทักษิณ”มาก่อนใครพวก โดยตั้งกลุ่ม“มัชฌิมา” ทึ่เคยเลี้ยงดูปูเสื่อไพร่พลนับร้อยราย และท้ายที่สุดเหลือร่วมหัวจมท้ายกันแค่หลักสิบ
โมเดลที่ก๊ก “หมอผีบุรีรัมย์” จะเดินซ้ำรอย ??
ไม่แน่ใจว่าจะเป็น“ข่าวปล่อย”จากผู้ที่ต้องการ“ปล่อยข่าว” ด้วยหวังดีประสงค์ร้าย และเป้าหมายเพื่อการ“เสี้ยม”ให้สองเสือแดนสิงห์พรรคภูมิใจไทย แตกคอกัน
แต่หากเป็นการข่าวปล่อย “สมศักดิ์” ลังเลจะกลับบ้านเก่า หานายใหญ่ คนปล่อยข่าวก็น่าจะนกรู้ อ่านทางเก่ง
เพราะหากจับอาการเจ้าพ่อสุโขทัยยามนี้ แม้ “สงบนิ่ง” แต่ “ร้อนรน” อยู่ภายใน ในยามที่ต้องกลายเป็น “หุ้นส่วนเสียงข้างน้อย” ในพรรคภูมิใจไทย ที่ตัวเองตั้งมา
นั่นก็เป็นไปตามสูตรคณิตศาตร์การเมือง คนเยอะ-ทุนเยอะ ย่อมเสียงดังกว่า
เมื่อต้องพึ่งพาสาย “เนวิน”จุนเจืออัดฉีดเป็นหลัก ขณะที่กองกำลัง และคลังส่วนตัวของสมศักดิ์ มีไม่มากมาย ก็ต้องยอมสยบ
ที่สำคัญ วันนี้ของ “สมศักดิ์” กำลังย่ำแย่เข้าไปใหญ่ พรรคพวกลดน้อยถอยลง แม้กระทั่งอดีตมือขวา พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่เคยผลักดันให้เป็น รมช.พาณิชย์ ในยุครัฐบาลสมัครมาแล้ว
ก็ผิดใจกันด้วยเรื่องโควตารมต. และ“ส่วนแบ่ง”โปรเจกต์ข้าว เลยแพ้แรงดูด“ซาละเปาสีแดง”
พาพวก ย้ายเข้ากลุ่ม“ชากังราว –วังบัวบาน”ในพรรคเพื่อไทย ของ“วราเทพ รัตนากร -เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เสร็จเหลี่ยมไปเรียบร้อย
ไม่เท่านั้นกับงานของพรรคสีน้ำเงินต้นสังกัด ตั้งแต่ประโคมข่าว จัดคาราวานเปิดตัวผู้สมัคร จนกระทั่งลงปูพรมสีน้ำเงิน ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนคร ถึงจะมี "พรทิวา นาคาศัย" รมว.พาณิชย์ในเครือไปร่วมลงแรงแข็งขัน
แต่สำหรับตัวของ “สมศักดิ์” รีบไป รีบกลับ ไม่กล้าทาบรัศมีของพี่ใหญ่ตัวจริง
ทำตัวเป็นเพียง“แขกรับเชิญ”
มิหนำซ้ำ ที่ออกมาเล่นบทขึงขังไม่พอใจ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้จะตรงกับส่วนลึกโดยเฉพาะความอึดอัดคับข้องใจ ด้วยกระทรวงพาณิชย์ ถูกแตะเบรก สั่งชะลอโครงการอยู่เรื่อย โดยมีบิ๊กบอส ภูมิใจไทย “ส่งซิก” สะกิดให้ออกมาห้าว
แต่ผลพวงที่ได้รับจากการท้าทายผู้นำ “สมศักดิ์” กลับเจอหนักกว่า
ฟีดแบ็กจาก “นายกฯหน้าหล่อ” ที่เริ่มตั้งหลักได้ จากความพ่ายแพ้ในการประลองยุทธ์กับขั้ว“สีแดง”ในจังหวัดสกลนคร ของพรรคภูมิใจไทย สถานการณ์ที่เป็นอยู่ นายกฯโอบามาร์ค มองออก ไม่ว่าใครก็ย่อม “แหยงทักษิณ”
ยุทธศาสตร์ใหม่ “รวมกันเราอยู่” ทุกขั้วพรรคร่วมรัฐบาลต่างเห็นพ้อง จึงเปิดโอกาสให้ “อภิสิทธิ์” ที่ถูกขี่ถูกขย่มมาครึ่งค่อนปี ได้“เอาคืน”บ้างแล้ว
“ถ้าทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่”
ไม่เฉพาะ“ก๊กเนวิน” ที่ต้องสยบอย่างราบคาบ ยอมร่วม“ทนอยู่” โดยไม่กล้าแหยมกล้าสวนกับพายุอารมณ์ของนายกฯ แม้แต่“สมศักดิ์” และพวก ก็ต้องยิ้มแหยๆ
โครงการแก้ปัญหาสินค้าการเกษตร ทั้งการรับจำนำ ระบายสต๊อกข้าว เรื่องข้าวโพด มันสำปะหลัง “นายกฯมาร์ค”ว่าไง ว่าตามกัน
อีกทั้งสัญญาณไม่สู้ดี มีมาให้ “โคบาลสุโขทัย” รับรู้เป็นระยะๆ
ศัตรูจ้องล่อมีอยู่รอบทิศ!
ไหนจะคนร่วมพรรค ที่ยังไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน อดีตลูกน้องที่แปรพักตร์ ที่รู้ทางรู้เส้นสนกลในกันดี เอาข้อมูลไปให้ฝ่ายตรงข้ามเชือด ไหนจะพรรคแกนนำรัฐบาล ที่จำฝังใจในรอยแค้น
เห็นได้ว่า หลังออกมาปะฉะดะนายกฯไม่กี่วัน มีข่าวหลายเรื่องที่ไม่เป็นมงคล ล้วนแล้วสะเทือนมาถึงตัว
ไล่ตั้งแต่การประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่มี “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน มีการพิจารณาอนุมัติให้คดีทุจริต โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ งบฯ 770 ล้านบาท
และโครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่สมัยที่ "อนงค์วรรณ เทพสุทิน" เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ
“ฝายแม้ว” ของ “เมียสมศักดิ์” เข้าข่าย “คดีพิเศษ”
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น มีข่าวร้อนๆ จากป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อดีตเลขาธิการ สปส. ในความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในโครงการเช่าจัดหาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศแรงงาน มูลค่า 2,800 ล้านบาท
เชือดบิ๊กข้าราชการ คอมพ์ฉาว สปส.
เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวอะไรกับ “สมศักดิ์” ถ้าไม่ใช่เลขาธิการ สปส. ในสมัยที่นายสมศักดิ์ นั่งเก้าอี้รมว.แรงงาน และไม่ใช่เลขาธิการ สปส. ที่ชื่อ “ไพโรจน์” ที่ปัจจุบันเข้าสู่วงการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย
มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ในการสนับสนุนของ “สมศักดิ์”
สองข่าวร้อนๆ เกี่ยวกับคนใกล้ตัว มาถึงหูไล่เลี่ยกันแบบนี้ เชื่อว่า ต่อให้ห้าวหาญฮึกเหิมยังไง วันนี้“โคบาลสุโขทัย” ก็คงคึกไม่ออก!!