ไม่ว่าก้าวย่างต่อไปจะเป็นเช่นใด บรรลุถึงวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่การประกาศฉันทามติร่วมกันของกลุ่มคนเสื้อเหลือง พันธมิตรฯ ที่เห็นพ้องในการตั้งพรรคการเมือง
น่าจะถูกต้อง และจำเป็นจริงๆ กับสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้
ถึงที่สุดหากเรื่องจำนวน ปริมาณ จะไม่บรรลุเป้าประสงค์ เพียงขอให้ได้คนคุณภาพ เข้าไปต่อสู้ในวงการการเมืองน้ำครำ ที่ถึงเวลาที่ต้องใช้ “น้ำดี”เข้าไปเจือจางชำระล้างสิ่งปฏิกูลกันแล้ว
ไปคอยทำหน้าที่เป็น “ก้างขวางคอ” คอยขวางทางพวกจอมสูบพันธุ์ดูด ไม่ให้งาบกันสะดวก ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมากแล้ว
เพราะวันนี้บ้านเมืองที่ส่อว่า กลุ่มคนเสื้อเหลืองจะเตะหมูเข้าปากหมาอีกคำรบ มีแนวโน้มจะต้องผิดหวังอีกครั้งกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคแกนนำรัฐบาลที่เอาเข้าจริงก็หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์โดยเฉพาะการ “สมานฉัน”
“สมานฉัน” กอดคอกันกิน ไม่ต่างจากระบอบทักษิณ
โปรเจกต์ใหญ่ที่กำลังรอไฟเขียว ทั้งรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน มูลค่ารวมนับแสนล้านบาท หรือโครงการดูแลราคาสินค้าการเกษตรของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งข้าวโพด ข้าว และอื่นๆ ที่จะตามมา
ผลสรุปใกล้จะออกมาในแบบร่วมวงโต๊ะจีน อะไรที่หยวนได้ก็หยวนกันไป ส่วนเผือกก้อนที่ร้อนจัด จำเป็นก็ชะลอไว้ก่อน
วิน วิน บุฟเฟ่ต์คาบิเนต โดยเดชไอ้ห้อย และฤทธิ์มฤตยูดำ?
จึงต้องวัดใจนายกฯ ที่ขึ้นชื่อว่ามือสะอาด หากถึงเวลาต้องเลือก หากจะต้องตาย จะตายอย่างไม่มีโอกาสได้ “เกิด”อีกเลย หรือเลือกที่จะหมดลมหายใจบนเก้าอี้อย่างสง่า อยู่ที่ว่า “โอบามาร์ค”พร้อมจะ Change หรือไม่
“นายกฯ มือใหม่” หัวใจประชาชน จริงหรือเปล่า??
แต่ที่กำลังยุ่งยากไม่แพ้กัน ก็ต้องกลุ่มคนในระบอบเหลี่ยมจัดทักษิณ ทั้งพรรคเพื่อไทย บริษัทการเมืองนอมีนีของอดีตนายกฯ รวมทั้ง “ทัพเสื้อแดง” กลุ่มนักรบรับจ้าง ถ้ามีให้รวย-ก็จะสู้
ไม่ประมาท แต่ก็ไม่ต้องใส่ใจให้มาก “ม็อบเสื้อแดง”ที่ว่ากำลังอ่อนล้าโรยแรง ถึงวันนี้เชื่อว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่จำผลงานดิบ เถื่อน ถ่อย ไม่ลืม และคงไม่ปล่อยให้ออกมาอาละวาดเผาบ้านเผาเมืองกันอีกแน่
ที่พยายามปลุกเร้า ประกาศก่อม็อบเร็วๆ นี้ ก็เพียงเพื่อเรียกเสบียงจาก “นายใหญ่” มาเติมไฟที่กำลังมอดเชื้อ ของพวกหัวขวด หวังอิ่มไม่เลิก หลอกกินมหาเศรษฐีหน้าโง่ไปวันๆ
เวลานี้ที่เป็นปัญหาใหญ่ของ“นายใหญ่” ในแนวทางการต่อสู้ด้วยพรรคการเมือง ที่เวลานี้พรรคเพื่อไทย ต้องรีบหาร่างทรงใหม่ มาสวมหัว
โดยยุทธศาสตร์เดิมนั้น เล็งคนที่พอไว้ใจได้ เอา ส.ส.ในพรรคขึ้นเชิดให้ทำตามใบสั่ง แบบ“จ้างมาเจ็บ” ป้องกันความเสี่ยงหากมีเหตุฉุกเฉิน กวาดล้างภาค 3
แผนนี้ของทักษิณ จนถึงวันนี้ยังหาคนมารับจ้างไม่ได้ จนกระทั่ง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ลาออกไปแล้ว ต้องกลับมานั่งที่เดิมไปก่อน และต้องเลื่อนประชุมการหาประมุขพรรคออกไป
ด้วยเพราะหลายรายชื่อ ยังไม่ตรงสเปก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งคนที่เบื่อๆ อยากๆ ยึกยักๆ อย่า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, “เจ๊มิ่ง”มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ขณะที่หลายรายเสนอตัวว่าพร้อม ก็ยังชื่อชั้นไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น พีรพันธุ์ พาลุสุข วิทยา บุรณศิริ หรือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
รายหลังนี้แฮปปี้อยู่กับเก้าอี้รองประธานสภาฯ ทำงานใกล้ชิดพ่อของบิ๊กพรรค“สีน้ำเงิน”
และกับรายชื่อ โอฬาร ไชยประวัติ คนในพรรคก็ไม่รับ เพราะวางตัวเองเป็นชนชั้นที่สูงเกินกว่าจะมาคลุกคลีตีโมง ส.ส. คุมเด็กทักษิณไม่อยู่แน่
รวมทั้ง พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ เข้าสเปกในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายก็แผลเหวอะหวะ ด้วยปมเงินๆ ทองๆ และความเป็นคนชอบ“เสี่ยง” รวมทั้งบทนายหน้าที่ดินปากช่อง
ส่วนคนนอก นักธุรกิจ นักโทษชายยังต้องเสาะแสวงหาอีกพักใหญ่ เพราะหลายรายที่หมายตา ก็มาโดดหนี ไม่เสี่ยงเป็นเป้าไปด้วย ส่วนที่เสนอตัว อย่าง“เจ้าสัว”บางราย ก็ยังไม่ใช่เนื้อแท้ และไม่ได้เป็นผู้แทนฯ ตามเงื่อนไขที่คนในพรรคร้องขอ
ส่วนเครือญาติ ก็อย่างที่รู้ งานนี้งานใหญ่ ที่ไม่อยากให้พี่ๆ น้องๆ ต้องมาเจ็บแทน แม้บางรายขมีขมันจะมาช่วยงาน และยังตัดชื่อออกจากแคนดิเดตไม่ได้ หากจำเป็นก็อาจเป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร หรือคนมีสีคนกันเอง มีบารมีอย่าง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร พล.อ.ประชา พรหมนอก พล.อ.ชัชจ์ กุลดิลกฯลฯ เหล่านี้รอเทียบเชิญอยู่ด้วยใจระทึก
แต่ “คนมีสี” หรือ “เคยมีสี”ที่ทักษิณอยากได้จริงๆ ต้อง“สีเขียว”
เพราะมองว่า ศัตรูสำคัญที่ต้องสู้กันในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะในภาคอีสาน คือพรรคภูมิใจไทย ของคนเคยรัก เนวิน ชิดชอบ ที่ทักษิณสุดแค้นที่ถูกหักหลัง
เป็นพรรคสีน้ำเงิน ที่มี “พลังสีเขียว”ที่มีเพื่อน ตท.10 หักเหลี่ยมโหด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วมกับขุนพลบูรพาพยัคฆ์ เป็นเปลือกหอยที่ห่อหุ้มรัฐบาลสีฟ้าประชาธิปัตย์ และ ฉายฉาบอยู่กับพรรคภูมิใจไทย
จนถูกจับตาว่าเป็นขั้วอำนาจใหม่ เป็นเป้าหมายสำหรับนักโทษชายที่แค้นฝังหุ่น และต้องหาทางชำระแค้น
และจะเห็นได้กับการเลือกตั้งซ่อมในจังหวัดสกลนคร และศรีสะเกษ ที่พรรคเพื่อไทยลุยหนัก ถึงขั้นที่พี่น้องตระกูลชินฯ ต้องระดมไพร่พลไปลงพื้นที่ เสบียงกรังอัดฉีดเต็มพิกัด ด้วยคำสั่ง ส่งตรงมา งานนี้“แพ้ไม่ได้”
เพื่อไม่ให้ระส่ำระสายไปมากกว่านี้ ป้องกันเหตุ “เลือดไหลออก” เพราะหากประสบความพ่ายแพ้ ส.ส.ที่ถูกพรรคสีน้ำเงิน “ตกเขียว”จากการเช็คยอด เตรียมแปรพักตร์ชิ่งหนีหลายสิบราย
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จึงมีความสำคัญ เพื่อตรึงกระแส ดึงลูกทัพไว้ให้ได้
ส่วนเรื่อง “หัว”ที่ว่าจะหา“คนมีสี”มีบารมี มาสวมเสียบพรรคเพื่อไทยนั้น ที่ว่ามาแรงสองราย “บิ๊กจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และรองนายกฯ สมัยทักษิณครองเมือง รวมทั้ง พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10
สำหรับ “บิ๊กจิ๋ว”อีกตำรับ “ทหารเฒ่า” มีความเป็นไปได้สูง เพราะด้วยชื่อชั้นบารมีที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะ ส.ส.มองว่า “พ่อใหญ่”ยังขายได้ในภาคอีสาน
นอกจากนี้ยังแพรวพราวในชั้นเชิง รู้เส้นสนกลใน ช่องเจาะระบอบอำมาตย์อันแข็งแก่ง ที่กำลังไล่ล่านักโทษชายหัวซุกหัวซุน เป็นอีกตัวเลือกตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ที่วันนี้ หน.เพื่อไทยไม่ใช่แค่ช่วยหาหนทางกลับบ้าน แต่ต้องช่วยให้พ้นเงื้อมมือมัจจุราชด้วย
สำหรับ “บิ๊กจิ๋ว”เองก็ไม่รังเกียจที่จะคัมแบ็กมาช่วยงานนักโทษชาย ถึงขั้นให้คนใกล้ชิดเปิดประเด็นเอง จะด้วยเพราะแสวงหาอำนาจไม่รู้จบ และจริงใจรับงาน หรือมีวาระแฝงอื่นใด คนอย่างขงเบ้งแห่งกองทัพบก อ่านได้ไม่ง่ายในชั้นเดียว
จึงเป็นอีกประเด็นระแวงที่นักโทษชาย ยังไม่เชื่อใจเต็มร้อยกับ“บิ๊กจิ๋ว” ที่ขันอาสาจะมาช่วยงานอีกครั้ง ที่อาจเป็นเพียงเพราะต้องการบันไดเพื่อกลับสู่วงจรอำนาจ และมีแผนพาสชั้นไปอีกขั้น
ข้อสงสัยในเป้าหมายซ่อนเร้น โดยรู้กันกับอำมาตย์ใหญ่ เพื่อมาแฝงตัวคุมสภาพพรรคเพื่อไทย และจัดการสลายระบอบทักษิณให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยหวังบำเหน็จรางวัล การผลักดันไปสู่เก้าอี้ใหญ่ที่ใฝ่ฝันสูงสุด
ดังนั้นทหารแก่รายนี้ ต้องรอการกลั่นกรอง เอกซเรย์กันละเอียดอีกพักใหญ่
ส่วน พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวง ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ เพราะนอกจากความเป็น ตท.10 “เพื่อนตาย”ของทักษิณแล้ว ในช่วงรัฐบาลร่างทรงสมัคร ก็ถูกส่งให้ไปเป็นหัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม
และถ้าจำกันได้ ในช่วงการรัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549 เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ที่มีกำลังในมือทั้งกรมอากาศโยธิน กรมทหารราบ และกรมปฏิบัติการพิเศษ คอมมานโด ทอ.
ว่ากันว่า สุเมธ เป็นเพื่อน ตท.10 คนสุดท้ายที่ยอมแพ้ สั่งให้คอมมานโด ทอ.“วางอาวุธ” ยุติแผน เคลื่อนกำลังต่อต้านรัฐประหารทีหลังสุด จน“ได้ใจ”ทักษิณ มาตั้งแต่นั้น
จนวันนี้ พล.อ.อ.สุเมธ ก็เสนอตัวที่จะเข้ามาช่วยงานเพื่อนในพรรคเพื่อไทย ทันทีที่ได้รับการร้องขอ พร้อมที่จะลาออกจากราชการ ก่อนเกษียณตุลาฯ นี้ เพื่อมาทำงานการเมือง
ว่ากันว่าถึงเวลานี้ การพูดคุยระหว่าง เพื่อนกับเพื่อน คืบหน้าไปได้มากพอสมควร หาก “เคาะ”เมื่อไหร่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะแจ้งให้หมู่คนพรรคเพื่อไทยรับทราบอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจเต็ม ตัวจริง!
ณ วันนี้ถึงความเป็นไปได้ยัง 50-50 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเรียกใช้บริการเพื่อนรัก ถึงแม้ไม่มีไฟเขียว แต่วันนี้สำหรับ พล.อ.อ.สุเมธ ไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคร่างทรง ไม่ว่าจะจุดไหนตำแหน่งใดเขาก็พร้อมช่วยเพื่อน
และที่ต้องจับตา ตท.10 ที่เคยเฟื่องฟูในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ทั้ง พล.อ.พรชัย กรานเลิศ พล.ท.ไตรรงค์ อินทรทัต พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต พล.ท.มนัส เปาริก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัพ หรือ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ที่อยู่พรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
เมื่อถึงวัน ว. เวลา น. ของเกมตะลุมบอน รัฐบาลเริ่มออกอาการซวนเซ บริหารงานผิดพลาด แก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
“สีเขียว”แผงนี้ที่ตีตราสีแดงเด่นชัด ย่อมถูกเพื่อนเรียก “ทักษิณ”ขอใช้บริการในการต่อกรกับ “สีเขียว”ที่อุ้มชูรัฐบาลสีฟ้า พรรคประชาธิปัตย์ และจับขั้วใหม่อยู่กับค่ายสีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย
ด้วยยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ใช้ “ทหาร” ชน“ทหาร”