นายกฯ ตรวจเยี่ยมมาเฟียสนามบินสุวรรณภูมิ กำชับให้เร่งแก้ปัญหาก่อนสรุปเป็นรายงานชี้แจงสถานทูต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว เตือนเสื้อแดงให้ยื่นฎีกาอย่างสงบสันติ ยันให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ซ้ำเติมภาพลักษณ์บ้านเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์”
วันนี้ (16 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงราคาน้ำมันตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น เป็นที่คาดการณ์มาตั้งแต่ต้นว่าราคาตลาดโลกที่ลดลงเหลือบาร์เรลละ 30-40 เหรียญถือเป็นภาวะไม่ปกติ โดยตัวเลขที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรลน่าจะเป็นอัตราที่ปกติ จึงได้มีเก็บเงินเข้ากองทุนสะสมไว้ก่อนหน้านี้ จนกระทั่งราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นมาอยู่ในระดับ 70-80 เหรียญต่อบาร์เรลในอนาคต ก็จะไม่กระทบต่อราคาน้ำมันดีเซล เพราะเราจะไม่ให้กองทุนน้ำมันมาเป็นภาระของประชาชน และสามารถใช้เงินสำรองที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้มาปรับลดเพดานลงมาได้ลิตรละ 2 บาท เพื่อไม่ให้ไปแตะที่ 30 บาท ทำให้ไม่กระทบต่อการขนส่งหรือต้นทุนการผลิต นอกจากนี้จะมีการตรึงราคาน้ำมันเอ็นจีวีหรือก๊าซหุงต้มไปถึงเดือนสิงหาคมปีหน้า อีกทั้งจะมีการช่วยเหลือค่าติดตั้งให้กับรถแท็กซี่ที่ต้องการจะเปลี่ยนจากการใช้ก็าซแอลพีจีมาเป็นเอ็นจีวี
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงตัวเลขการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีว่า คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลง แต่ยังน้อยกว่าในประเทศอื่นๆ ที่มีการปรับลดลงมากกว่านี้ แต่อุปสรรคปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนค่อนข้างมากและที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ คือ มีกลั่นแกล้งนักท่องเที่ยว การรีดไถ ปัญหาไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน โดยในช่วงที่สองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมยอมรับว่า จากการสอบถาม ประชาชนคนไทย 80-90 เปอร์เซ็นต์ยังต้องการใช้สนามบินดอนเมือง เพราะมีความสะดวกในเรื่องการเดินทางมากกว่า แต่เมื่อการบินไทยอ้างว่าเพื่อลดต้นทุนได้บางประการก็ถือว่าเป็นเรื่องกิจการภายในของบริษัทที่รัฐบาลต้องปล่อยให้เป็นเรื่องการบริหารภายใน
หลังจากได้เดินตรวจเยี่ยมร้านค้าที่ได้รับการร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งว่าได้ลักขโมยของแต่ได้รับการยืนยันเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยมีภาพวงจรปิดบบันทึกได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมีเจตนาขโมยและนำสินค้าออกจากร้านจริง จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสถานีตำรวจภูธรย่อยราชาเทวะ ภายในอาคารสนามบินและได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินกระบวนการให้เสร็จสิ้นภายใน สภ.ย่อยแห่งนี้ โดยไม่ต้องนำตัวผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติไปสอบสวนที่อื่นอีก เพื่อสร้างความโปร่งใส โดยอาจติดต่อสถานทูตหรือมีล่ามอาชีพประจำสถานี และไม่อยากให้มีล่ามอาสาสมัครเล่น เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวในภายหหลัง
นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวตำหนิจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระของนักท่องเที่ยวที่มีการทำงานซ้อนกันระหว่างกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ซึ่งถือว่ามีจุดตรวจถี่เกินไปและใช้ในลักษณะของการสุ่มตรวจซึ่งถือว่าไม่ได้อำนวยในเรื่องของความสะดวกสบายเท่าที่ควร จึงขอให้รวมเป็นจุดเดียวโดยไม่ต้องสุ่มตรวจบ่อย ซึ่งในต่างประเทศก็มีเพียงจุดเดียวโดยให้กรมศุลกรกรเป็นแม่งานหลัก หลังจากนั้นได้เดินไปเยี่ยมสายพานลำลียงกระเป๋าผู้โดยสารขาออก ซึ่งได้รับการร้องเรียนว่ามีทรัพย์สินสูญหาย โดยได้ถูกรีดกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องบินได้รับทราบปัญหาว่า ได้มีจ้างบริษัทเอกชนมาจัดแจงกระเป๋าในระหว่างลำเลียง ซึ่งต้นเหตุทำให้กระเป๋าเสียหายและทรัพย์สินสูญหายและได้จับภาพการกระทำความผิดและได้ไล่ออกไปแล้วหลายราย ซึ่งนายกได้จึงกำชับว่าจะต้มยองเป็นผู้รับผิดชอบด้วย สำหรับปัญหาลักเล็กขโมยน้อยพอรับได้ แต่อย่าให้เกิดเป็นกระบวนการอันนี้เสียหาย หลังจากไปตรวจบริเวณจุดรับส่งผู้โดยสารหรือสถานีจอดรถแท็กซี่
เป็นที่น่าสังเกตว่า การลงตรวจพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิถึง 3 ชั่วโมง นายกฯ ได้กำชับว่าจะต้องไม่สูญเปล่าหลังจากได้มอบนโยบายในการแก้ปัญหาไปแล้ว แต่ละหน่วยงานจะต้องมีบทสรุปว่าได้แก้ไขปัญหาไปแล้วอย่างไร เพื่อจะได้รวบรวมและทำเป็นหนังสือชี้แจงสถานทูต รวมทั้งบริษัทท่องเที่ยวว่าปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนมา ได้รับการดูแบจากรัฐบาลไทยไปแล้วอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่อไป
นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวตอนหนึ่งถึงการเคลื่อนไหวเพื่อยื่นถวายฎีกาขอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ว่า การแสดงออกไม่ว่าของกลุ่มคนฝ่ายไหนในวันพรุ่งนี้ ขอให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายหากมีเรื่องของความรุนแรงรัฐบาล จำเป็นต้องใช้กฏหมายดำเนินการอย่างเคร่งครัด หากมีความพยายามก่อเหตุวุ่นวายจะยิ่งทำให้าพลักษณ์เสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก ขอให้ทุกฝ่ายใช้สิทธิอยู่บนพื้นฐานความสงบ
