ผู้จัดการรายวัน-หลบไม่พ้น"สมชาย" เจอ"อนุพงษ์" ครั้งแรกหลังถูกบีบให้ลาออกทางหน้าจอทีวี ขณะร่วมซ้อมพิธีริ้วกระบวนพระศพพระพี่นางฯ ตอนแรกนั่งห่างกันเกือบวา แต่สุดท้าย"สมชาย" เป็นฝ่ายกระแซะเข้าหา คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ อย่างเซ็งๆ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเจรจาขออยู่ต่ออีกแค่ 2 เดือน ขณะเดียวกันก็ประกาศเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร.3 ยื้อเวลา ขณะที่ลิ่วล้อออกมายุส่ง ไม่ต้องกลัวทหาร อย่ายุบสภา อย่าลาออก ด้านกลุ่มเครือข่ายการเมืองทาสพลังแม้วเร่งระดมพลังกดดันศาลตัดสินคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ เช้าวันที่ 21 ต.ค.นี้
เมื่อเช้าวานนี้ (19 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านแจ้งวัฒนะ มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเข้าร่วมซ้อมริ้วกระบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งในโอกาสนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่เดินทางมาร่วมซ้อมด้วย ก็ได้เดินเข้ามาทักทายนายกรัฐมนตรี ที่นั่งพักบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมกับยกมือไหว้ทักทาย
ภายหลังที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ซ้อมริ้วกระบวนเสร็จสิ้นแล้ว โดยทั้งคู่ได้มีการสนทนาปราศรัยกันอย่างเป็นกันเอง ถึงเรื่องงานพระราชพิธี และฝนฟ้าอากาศที่ตกลงมาในช่วงเช้าทั้งนี้ การพบกันทั้งคู่ ถือเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบเหตุความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนแรก พล.อ.อนุพงษ์ และนายสมชาย ได้นั่งห่างกันในระยะที่เว้นเก้าอี้ไว้ 3-4 ตัว หลังจากนั้น สื่อมวลชนได้มาถ่ายภาพ ทำให้นายกฯ ต้องลุกมานั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับ พล.อ.อนุพงษ์
**อนุพงษ์ไม่พูดเรื่องร้อนกับนายกฯ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวหลังเสร็จสิ้นการซ้อมว่า ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษกับนายสมชาย และไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องใด ส่วนในวันงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ หากมีฝนตกหนักเช่นวันนี้ ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมย้ำจุดยืนกองทัพ ยึดหลักสถาบันพระมหากษัตริย์ และเคียงข้างประชาชนเหมือนเดิม
**"สมชาย"ไม่ตอบคุยอะไรกับผบ.ทบ.
หลังจากนั้นเมื่อเวลา 13.20 น. นายสมชาย เดินทางถึงพระสมุทรเจดีย์ จ.นครปฐม เพื่อร่วมพิธี ห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ หลังเสร็จพิธีนายสมชาย ได้กล่าวว่า ยินดีที่มาร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์วันนี้ ตนโชคดีที่มาเป็นครั้งแรก
ทุกวันนี้มีปัญหาหลายด้าน ตนอยากให้ความสนใจความเป็นอยู่ประชาชนที่เป็นนโยบายชัดเจนของรัฐบาล รัฐบาลนี้มีความชัดเจนในการดูแลคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เรามีปัญหาความแตกแยกทางความคิด แต่รัฐบาลก็มีนโยบายที่จะใช้ความอดทน เพื่อให้คนไทยกลับมารักกัน สามัคคี หันหน้าร่วมกันสมานฉันท์ เพื่อพัฒนาประเทศ และให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ทุกวันนี้เรามีปัญหาความแตกแยกทางความคิด ปัญหาทางการเมือง การที่ประธานรัฐสภามีแนวคิดตั้ง ส.ส.ร. ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ทุกคนยอมรับ และรัฐบาลก็สนับสนุน เพราะเป็นจุดที่จะให้ทุกคนยอมรับกันได้ เมื่อรัฐบาลเข้ามาทำงาน เมื่อมีอุปสรรค รัฐบาลก็ต้องมีสติ เคารพทุกฝ่าย เพราะงานที่รับผิดชอบจะหยุดไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าที่คุยกับ ผบ.ทบ. มีการคุยเรื่องการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เมื่อเช้าคุยเรื่องทั่วๆ ไป
เมื่อถามว่าคุยเรื่องกรณีที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาแสดงความเห็น หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คุยเรื่องทั่วๆไป เมื่อถามว่ามีข่าวต่อรองจะอยู่อีก 2 เดือนก่อนตัดสินใจหรือไม่ นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ที่คุยกับ ผบ.ทบ.เมื่อเช้า ถือเป็นการทำความเข้าใจหรือไม่ นายสมชาย ก็ปฏิเสธที่จะตอบ คำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธีห่มผ้า นายสมชาย ได้ทักทายประชาชน และรับมอบกุหลาบสีแดง ประชาชนตะโกนให้สู้ ๆ อย่าลาออก ยุบสภา เมื่อรถเคลื่อนผ่านประชาชน นายสมชาย ก็ให้จอดรถ และเปิดประตูออกมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
**"สมชาย"เข้าห้องน้ำ 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเวลา 15.10 น. นายสมชาย ได้แวะที่กรมศุลกากร ย่านคลองเตย เพื่อขอตัวเข้าห้องน้ำเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม จากนั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ตนมาแวะเข้าห้องน้ำ เพราะวันนี้ท้องไม่ค่อยดี ตอนกลางวันไม่รู้กินอะไรเข้าไป โดยก่อนหน้านี้ นายสมชายได้แวะรับประทานสุกี้ กับส.ส.ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ในเวลา 12.30 น. ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะใช้แผนดาวกระจายไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ ขณะที่กลุ่ม นปช.ก็จะเคลื่อนไป สตช. ว่าไม่อยากให้มีปัญหามาก เดี๋ยวคล้ายๆว่า เป็นเรื่องของการเมืองเยอะ ทำให้เราต้องติดตามแต่ข่าวการเมือง ทำให้การทำงานไม่ค่อยเต็มที่ เพราะตนมีโปรแกรมหลายอย่างในเรื่องของการทำงาน คิดว่าอยากจะขอร้องทุกฝ่ายว่าให้เห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อย่าทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบ
"จริงๆไอ้เรื่องการชุมนุมของใครต่อใคร ถ้าเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งผมพูดหลายครั้งแล้วว่า มันก็ทำกันได้ แต่ก็ให้เราระมัดระวังหน่อย การแสดงให้อยู่ในกรอบ คือผมก็ทราบว่าทุกฝ่ายก็หวังดีกับบ้านเมือง แต่ว่าทำอะไรก็ไม่อยากให้บ้านเมืองถูกกระทบกระเทือน และประชาชนได้รับความกระทบกระเทือนด้วย" นายสมชาย กล่าว
**ยันเดินหน้าส.ส.ร.3
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนเรื่องของการตั้ง ส.ส.ร.3 นั้นหลายฝ่ายเห็นด้วย ทั้งท่านประธานวุฒิสภา และประธานสภา ที่เชิญทุกฝ่ายเข้าไปร่วม ซึ่งตอนนั้นที่ตนเข้าไปร่วมเป็นเพียงแต่หนึ่งในหลายๆฝ่าย ในฐานะผู้ทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แล้วก็ตอนที่ตนไปตอนนั้น ทุกคนก็อยู่ร่วมกัน เราคิดว่ามันเป็นทางออก โดยที่ท่านประธานสภา ท่านก็เป็นผู้นัด ผู้เชิญ เราก็เห็นว่าก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และวันนี้(20 ต.ค.) ตนก็จะไปร่วมตามปกติ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งรัฐบาลเป็นแต่เพียงว่า ให้ความสนับสนุนแนวทางนั้น จากนั้นก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งทางสมาชิกวุฒิสภา ที่ท่านประธานวุฒิสภา ก็บอกว่าน่าจะเป็นหนทางออกที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาไหมเพราะแค่เริ่มต้นฝ่ายค้านก็ไม่ร่วมแล้ว นายสมชาย ตอบว่า ตนไม่ทราบขั้นตอนของท่าน แต่ตอนที่ตนเข้าไปประชุมครั้งแรก ก็เห็นท่านก็ยังโอเคอยู่ เมื่อถามว่าแต่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าท่านนายกฯ เคยพูดในที่ประชุมว่า ถ้าเกิดว่าถ้ามีใครไม่เห็นด้วย ก็อาจจะพักไว้ก่อน แต่ทำไมถึงไปดำเนินการต่อ นายสมชาย นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนตอบว่า คือ ตอนนั้นวันนั้นที่คุยกัน ทุกคนก็เห็นด้วยกันแล้ว ตนก็ไม่มีประสงค์ที่จะไปโต้แย้ง หรือว่าทำให้เกิดประเด็นกับใครทั้งสิ้น ก็ให้คิดกันว่า อะไรที่เป็นทางออกที่ดี
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องทำหนังสือเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาร่วมหรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า เป็นเรื่องที่ประธานสภาต้องดำเนินการ ต้องไปถามท่าน แต่คราวก่อนที่เข้าไปก็ดูโอเคทุกพรรค เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนท่าทีและบอกว่ารัฐบาลควรยุบสภามากกว่า นายสมชาย ตอบว่า ก็ช่วยกันคิดก็แล้วกัน ว่าอะไรมันดี ไม่ดีจริงหรือเปล่า เมื่อถามว่าถึงกระแสข่าวว่า นายกขอเวลาอีก 2 เดือน กับกองทัพในการทำงาน นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบ และรีบขึ้นรถออกไปทันที
** ผบ.ทอ.ย้ำทหารไม่เลือกข้าง
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.อ. อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมด้วยภริยา ได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ ท้าวสุรีนารี หลังเดินทางกลับจากงานทอดกฐินสามัคคีของกองทัพอากาศ ที่ จ.บุรีรัมย์ และได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุผ่านสื่อว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน คงจะต้องลาออก เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้หลายฝ่าย ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว
ส่วนการที่พันธมิตรฯ พยายามให้ทหารเลือกข้างนั้น ทหารจะต้องอยู่ในกรอบ และอยู่ในบทบาทที่ทหารสามารถกระทำได้ จึงไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นไปมากกว่านี้
"แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ฝ่ายทหารได้เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่า ทหารจะไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และจะช่วยดูแลทุกฝ่าย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนกรณีการพูดของผู้บัญชาการทหารบก เป็นความคิดเห็นส่วนตัว" ผบ.ทอ.กล่าว
**ลิ่วล้อเชียร์ไม่ยุบสภาไม่ลาออก
รท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า การที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตัดสินใจไม่ลาออกจากตำแหน่ง และไม่ประกาศยุบสภา ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้องกับท่าทีของพรรค เพราะในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีการพูดคุย และวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ดังกล่าวก่อนที่จะมีมติที่ประชุม และส่งไปให้นายสมชาย ซึ่งทางพรรคเห็นว่า ปัจจุบันรัฐบาลมี 3 แนวทางที่สามารถทำได้ 1. ลาออก 2. ยุบสภา 3.ไม่ทำอะไรทั้งสองอย่าง เพราะมีวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ และการที่นายสมชาย ไม่ลาออกและไม่ยุบสภา พร้อมทั้งประกาศว่าเพราะต้องทำ 3 ภารกิจหลักของประเทศให้แล้วเสร็จนั้น ถือเป็นการอยู่เพื่อทำหน้าที่ที่สำคัญ
ขณะเดียวกัน ก็จะมีการตั้งกระบวนการปฏิรูปการเมืองรอบใหม่ มีการตั้งส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไข และยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการหาทางลงให้การเมืองไทยแบบนุ่มนวล หรือที่เรียกว่า Soft Landing คือไม่ใช่การทิ้งความรับผิดชอบ แต่ต้องอยู่เพื่อทำภารกิจสำคัญ เพราะฉะนั้นการไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่ใช่การดื้อด้าน ดึงดันแต่อย่างใด
ส่วนที่บอกให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบ ขอเรียนว่า การอยู่ในหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ได้มาโดยความชอบธรรมจากประชาชน ตรงนี้ก็ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ การที่นายกฯ ยังไม่ทิ้งหน้าที่ ไม่ทำให้การเมืองไทยอยู่ในภาวะเครื่องบินตก หรือ Crash ก็เป็นการทำหน้าที่แสดงความรับผิดชอบที่สำคัญทางหนึ่ง
รท.กุเทพ กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายสมชาย ไม่ลาออกเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนบงการให้สู้ต่อนั้น ถือว่าเป็นการสร้างจินตนาการเชื่อมโยง แต่เป็นเพราะพรรคมีมติให้นายกฯ ทำภารกิจสำคัญให้แล้วเสร็จ รวมทั้งการตั้งส.ส.ร. หลังจากนั้นนายสมชาย จะตัดสินใจอย่างไร ก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนให้เลือกตั้งใหม่ ก็เป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองได้มาก
รท.กุเทพ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันหลายคนก็มีหลายความคิดเห็นแต่ก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของอาจารย์ และศิษย์เก่าสถาบันนิด้า ที่ออกมาประณามหยามเหยียด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ศิษย์เก่านิด้า มีการบอกว่า จะมีการถอดถอนออกจากศิษย์เก่า ซึ่งนิด้าเป็นสถาบันที่สอนเรื่องการบริหารการพัฒนาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเมือง นิด้า ตั้งมาตั้งแต่ปี 2505 ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แต่ระยะหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างมาก ทั้งนี้สถาบันนิด้ามีศิษย์เก่าเยอะมากเช่นเดียวกับคนในพรรคพลังประชาชน หลายคนรวมทั้งตนก็จบจากนิด้า และอาจารย์ ที่เดินทางขึ้นเครื่องบินไป ไหนมาไหนได้ ก็เพราะได้รับจากค่าหน่วยกิตที่เก็บแพงมาก เรามีความรู้สึกว่าอาจารย์นอกจากจะไม่ให้กำลังใจลูกศิษย์แล้วยังจะมาเข่นฆ่าทำลายอีก และอธิการบดี คนปัจจุบันเคยเป็น สนช.พอปฏิวัติ ก็ได้ตำแหน่ง ขอเรียนว่า อย่าไปหลงเพลินกับตำแหน่ง หากมีความเห็นการเมืองอย่างไรก็ว่าไป แต่ไม่ควรมาประณามหยามเหยียดศิษย์เก่าอย่างนั้น เพราะเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ก็ไม่ควรถึงขั้นมาไล่ถอดถอน คนในพรรคพลังประชาชน ที่เป็นศิษย์เก่านิด้าก็ลำบากใจเหมือนกัน ว่าเรามีค่าควรเป็นลูกศิษย์นิด้าหรือไม่
**"อ๋อย"ยุ"สมชาย"ไม่ต้องกลัวทหาร
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ออกมากดดันรัฐบาลทางทีวี ว่า ถ้อยคำหลายส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกพูด ไม่สามารถตีความได้ เช่น คำว่า "หากมีการนองเลือดจริง คงเป็นการหยุดใช้อำนาจ แต่ไม่ใช่การทำรัฐประหาร" และคำว่า "ทุกเหล่าทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน" คำพูดดังกล่าว ไม่สามารถทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เป็นการส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
ส่วนกระแสข่าวนายกรัฐมนตรี พบกับผู้บัญชาการทหารบก โดยขอเวลาทำงาน 2 เดือน และจะตัดสินใจทางการเมืองนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการตกลงกันอย่างไร แต่เห็นว่าหากนายกรัฐมนตรี จะลาออก ต้องไม่ลาออกเพราะถูกกดดัน หรือไม่ใช่มาจากการกลัวกองทัพ เพราะหากนายกรัฐมนตรีลาออก คนจะมองว่าประเทศไทยมีการใช้อำนาจเผด็จการ และมีความล้าหลัง เหมือนกับประเทศพม่า หรือแอฟริกา ซึ่งนานาชาติจะไม่ยอมรับ
นอกจากนี้ การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะเป็นทางออกหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การมี ส.ส.ร.ถือเป็นทางออก แต่เมื่อถึงเวลานั้น นายสมชาย คงไม่อยู่แล้ว และอาจไม่ใช่รัฐบาลนี้ เพราะถึงตอนนั้นคดียุบพรรคคงมีผลแล้ว
**ไม่เชื่อ"สมชาย"ขออยู่อีก2 เดือน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อเจรจาต่อรองขอทำงานอีกไม่เกิน 2 เดือน เพื่อจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสร็จสิ้น และตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจึงยุบสภาหรือลาออก โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นเพียงรายงานข่าวไม่ปรากฏข้อมูลชัดเจน ซึ่งตนยังไม่มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าไม่ทราบเรื่องรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทุบที่ประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกับ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน และยังไม่มีการสอบถามจากพ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด
**ลิ่วล้อไข่แม้วพ่นสีต้านพธม.ทั่วชัยภูมิ
วานนี้ (19 ต.ค.) ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทั่วทั้ง 7 อำเภอดังกล่าว โดยมีกลุ่มมือมืดนำสีสเปรย์สีแดง ตระเวนออกพ่นข้อความต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, ขับไล่ คมช.ออกไป และให้กำลังใจตำรวจตามราวสะพาน กำแพงบริเวณทางเข้าชุมชน, หมู่บ้าน, วัด ที่เป็นจุดโดดเด่น มีประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมาก และพบเห็นได้ง่าย ซึ่งมีบางชุมชน บางหมู่บ้านที่ประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ได้พากันนำสีเทามาพ่นหรือทาทับเพื่อลบข้อความดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ยังเหลือข้อความดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจุดสำคัญๆ ตามกำแพงบ้านเครือญาติ และหัวคะแนน ของ ส.ส.พปช.ในพื้นที่หลักๆ ประจำแต่ละอำเภอ เช่น เขตอำเภอเมืองชัยภูมิ มีการพ่นข้อความต่านพันธมิตรฯ ที่ทางบริเวณเข้าหมู่บ้านมรกต หัวสะพาน ถ.โนนไฮเมืองเก่า ต.ในเมือง อ.เมือง, บริเวณกำแพงบ้านเครือญาติ ของ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.พปช.เขต 2 และ บริเวณทางเข้าชุมชนโนนสมอ เขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ อยู่ห่างที่ทำการพรรคพลังประชาชน ของ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ไม่ถึง 600 เมตร เป็นต้น
**แฉหลอกครูอีสาน-เหนือร่วมกดดันศาล
มีรายงานข่าวจากวงการครู เปิดเผยว่า ได้มีการเคลื่อนไหวระดมนำข้าราชการครู ระดับ 7 ในพื้นที่ภาคเหนือ และ อีสานเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันกำหนดนัดพิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยในพื้นที่ภาคอีสานได้ใช้เครือข่ายจัดตั้ง "สมาพันธ์ครูภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" ซึ่งมีฐานใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น โดยได้ประสานกับเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งมีองค์กรครูในชื่อต่างๆ ตามแต่ละพื้นที่ เช่น ที่บุรีรัมย์ใช้ชื่อว่า สมาคมผู้ประกอบอาชีพครู, สมาพันธ์ครูจังหวัดต่างๆ เป้าหมายจะมีข้าราชครูที่ส่งผลงานและยังไม่ผ่านเขตละประมาณ 100 คน ไปร่วมกันสำแดงพลังเพื่อขอกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทบทวนวิธีการและผลการประเมินใหม่
รายงานแจ้งต่อว่า มีการรับปากว่าจะมีผู้สนับสนุนค่ายานพาหนะครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เกินนั้นให้แต่ละคนออกค่ายานพาหนะเอง โดยสายอีสานให้ไปรวมกันที่หอประชุมคุรุสภา กทม.ในเช้าวันที่ 21 ต.ค.นี้
ขณะที่ทางสายเหนือมีรายงานจากสมาพันธ์ครูเชียงใหม่ว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับรองผู้อำนวยการเขตการศึกษาเขต 1 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่าใกล้ชิดกับนักการเมืองในรัฐบาล และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายการเมือง ได้ประสานงานรวบรวมข้าราชครูระดับ7 และยังไม่ได้ทำผลงานขอตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษระดับ8 ให้ไปรวมพลังชุมนุม เรียกร้องขอเลื่อนตำแหน่งจากระดับ 7 เป็นระดับ 8 โดยไม่ต้องทำผลงาน โดยนัดหมายรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในเช้าวันที่ 21 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หากข้าราชการกลุ่มนี้ได้รับการพิจารณาผลงานผ่านเกณฑ์จะได้เงินตอบแทนค่าวิทยฐานะจากเดิม 3,500 บาทเพิ่มเป็น 5,600 บาททันที โดยมีการปล่อยข่าวภายในว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นที่รับทราบจากฝ่ายการเมืองที่ไฟเขียวเบื้องต้นแล้วว่าจะมีการประกาศเกณฑ์การพิจารณาผลงานเลื่อนวิทยฐานะใหม่ โดยจะมีการปล่อยให้ผ่านล็อตใหญ่เพียงแต่จะต้องมีการชุมนุมของครูให้เห็นเสียก่อน เพื่อที่ฝ่ายการเมืองจะได้นำเป็นข้ออ้างไปแก้ไขหลักเกณฑ์ต่อไป
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวมีรายงานชัดเจนว่าเครือข่ายผู้สนับสนุนรัฐบาลได้เตรียมระดมมวลชนจำนวนมากชุมนุมกันในวันดังกล่าวด้วยเพื่อที่จะเคลื่อนไปกดดันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ที่กำหนดพิพากษาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
**นปช.เหนือขยับระดมพลเข้ากรุง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า นปช.ได้เริ่มมีการเตรียมการเพื่อจะระดมกำลังประชาชนเข้าไปชุมนุมร่วมกับกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพฯอย่างขนานใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้วันที่ 13 ต.ค.เคยมีการระดมพลไปแล้วครั้งหนึ่งโดยนักการเมืองในเขตเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 เชียงรายมีการเกณฑ์ชาวบ้านจากพื้นที่ ต.เวียง อ.เมือง หรือในเขตเทศบาลนครเชียงราย ประมาณ 60 คน นั่งรถตู้ 2 คันออกจากบริเวณซอย 18 มิถุนา ถนนพหลโยธินสายใน ซึ่งมีรายงานว่ามีนักการเมืองคนเดียวกัน เป็นคนเกณฑ์และจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้กับชาวบ้าน
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าได้มีคนในเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีนายสมพงษ์ กูลวงษ์ เป็นนายกเทศมนตรีและเป็นลูกหม้อคนสนิทของนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คอยอำนวยความสะดวกในการจัดหารถและสถานที่ขึ้นรถด้วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่เดินทางไปทั้งหมด ถูกเกณฑ์ให้ไปเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯที่แจกวีซีดีและสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในการปราบประชาชนของตำรวจบริเวณสวนลุมพินี กรุงเทพฯ
น.ส.จิรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย กล่าวว่า ภายหลังหารือกันแล้วกลุ่มและเครือข่ายมีมติว่าจะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.เชียงรายไปจนถึงก่อนวันที่ 1 พ.ย.นี้โดยจะรณรงค์ให้มีการให้กำลังใจทหารที่ถูกกดดันจากหลายฝ่ายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
นอกจากนี้ กลุ่มยังจะรณรงค์ในเรื่องสำคัญ คือ การต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารของกองกำลังบางฝ่ายที่อาจจะก่อการขึ้น เนื่องจากเห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและทางองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ก็เฝ้ามองประเทศไทยว่าจะแก้ไขปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างไรและหากเราปฏิวัติรัฐประหารก็จะขาดความน่าเชื่อถือในสายตาของยูเอ็นและนานาชาติได้
"จากนั้นวันที่ 1 พ.ย.จะมีการระดมพลคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ เพื่อเดินทางไปสมทบกันที่กรุงเทพฯ โดยจะไปรวมตัวกับเครือข่ายประชาชน เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป" น.ส.จิรนันท์ กล่าว และว่า
ทั้งนี้ ก่อนจะเดินทางไปกรุงเทพฯ ทางกลุ่มคงจะใช้รถกระจายเสียงรณรงค์ ในเรื่องการต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารไปทั่วเมืองเชียงราย รวมทั้งจัดตั้งวิทยุชุมชนเพื่อรณรงค์กิจกรรมเนื่องจากที่ผ่านมาเราเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยุผ่านทางวิทยุของเว็บไซต์เสรีชน ซึ่งคงเข้าไม่ถึงประชาชนทั่วไป
ขณะที่มีอีกกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดตรงกันข้าม กลับแพร่กระจายเสียงวิทยุชุมชนคลื่น 89 เมกะเฮิร์ตใน อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีข้อความที่ไม่เหมาะสมและกระจายเสียงการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาโดยตลอด ดังนั้น คลื่นใหม่ของพวกเราคงจะใช้สำหรับชี้แจงการกระจายเสียงของคลื่นดังกล่าวหรืออาจจะชนในช่องเดียวกันเลยถ้าเป็นไปได้
รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงในเชียงใหม่ หลายหน่วยแจ้งตรงกันว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แกนนำ นปช.จากเชียงใหม่ และอีกหลายพื้นที่ได้เดินทางไปหารือกันที่ จ.เชียงราย พื้นที่ฐานเสียงของนักการเมืองใหญ่ พปช.ด้วย เพื่อหารือกันถึงแนวทางการเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีได้ข้อสรุปดังกล่าวออกมา
เมื่อเช้าวานนี้ (19 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางออกจากบ้านพักย่านแจ้งวัฒนะ มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเข้าร่วมซ้อมริ้วกระบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งในโอกาสนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่เดินทางมาร่วมซ้อมด้วย ก็ได้เดินเข้ามาทักทายนายกรัฐมนตรี ที่นั่งพักบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมกับยกมือไหว้ทักทาย
ภายหลังที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ซ้อมริ้วกระบวนเสร็จสิ้นแล้ว โดยทั้งคู่ได้มีการสนทนาปราศรัยกันอย่างเป็นกันเอง ถึงเรื่องงานพระราชพิธี และฝนฟ้าอากาศที่ตกลงมาในช่วงเช้าทั้งนี้ การพบกันทั้งคู่ ถือเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบกได้ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบเหตุความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนแรก พล.อ.อนุพงษ์ และนายสมชาย ได้นั่งห่างกันในระยะที่เว้นเก้าอี้ไว้ 3-4 ตัว หลังจากนั้น สื่อมวลชนได้มาถ่ายภาพ ทำให้นายกฯ ต้องลุกมานั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับ พล.อ.อนุพงษ์
**อนุพงษ์ไม่พูดเรื่องร้อนกับนายกฯ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวหลังเสร็จสิ้นการซ้อมว่า ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษกับนายสมชาย และไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องใด ส่วนในวันงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ หากมีฝนตกหนักเช่นวันนี้ ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมย้ำจุดยืนกองทัพ ยึดหลักสถาบันพระมหากษัตริย์ และเคียงข้างประชาชนเหมือนเดิม
**"สมชาย"ไม่ตอบคุยอะไรกับผบ.ทบ.
หลังจากนั้นเมื่อเวลา 13.20 น. นายสมชาย เดินทางถึงพระสมุทรเจดีย์ จ.นครปฐม เพื่อร่วมพิธี ห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ หลังเสร็จพิธีนายสมชาย ได้กล่าวว่า ยินดีที่มาร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์วันนี้ ตนโชคดีที่มาเป็นครั้งแรก
ทุกวันนี้มีปัญหาหลายด้าน ตนอยากให้ความสนใจความเป็นอยู่ประชาชนที่เป็นนโยบายชัดเจนของรัฐบาล รัฐบาลนี้มีความชัดเจนในการดูแลคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เรามีปัญหาความแตกแยกทางความคิด แต่รัฐบาลก็มีนโยบายที่จะใช้ความอดทน เพื่อให้คนไทยกลับมารักกัน สามัคคี หันหน้าร่วมกันสมานฉันท์ เพื่อพัฒนาประเทศ และให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ทุกวันนี้เรามีปัญหาความแตกแยกทางความคิด ปัญหาทางการเมือง การที่ประธานรัฐสภามีแนวคิดตั้ง ส.ส.ร. ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ทุกคนยอมรับ และรัฐบาลก็สนับสนุน เพราะเป็นจุดที่จะให้ทุกคนยอมรับกันได้ เมื่อรัฐบาลเข้ามาทำงาน เมื่อมีอุปสรรค รัฐบาลก็ต้องมีสติ เคารพทุกฝ่าย เพราะงานที่รับผิดชอบจะหยุดไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าที่คุยกับ ผบ.ทบ. มีการคุยเรื่องการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เมื่อเช้าคุยเรื่องทั่วๆ ไป
เมื่อถามว่าคุยเรื่องกรณีที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาแสดงความเห็น หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คุยเรื่องทั่วๆไป เมื่อถามว่ามีข่าวต่อรองจะอยู่อีก 2 เดือนก่อนตัดสินใจหรือไม่ นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ที่คุยกับ ผบ.ทบ.เมื่อเช้า ถือเป็นการทำความเข้าใจหรือไม่ นายสมชาย ก็ปฏิเสธที่จะตอบ คำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธีห่มผ้า นายสมชาย ได้ทักทายประชาชน และรับมอบกุหลาบสีแดง ประชาชนตะโกนให้สู้ ๆ อย่าลาออก ยุบสภา เมื่อรถเคลื่อนผ่านประชาชน นายสมชาย ก็ให้จอดรถ และเปิดประตูออกมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
**"สมชาย"เข้าห้องน้ำ 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเวลา 15.10 น. นายสมชาย ได้แวะที่กรมศุลกากร ย่านคลองเตย เพื่อขอตัวเข้าห้องน้ำเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม จากนั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ตนมาแวะเข้าห้องน้ำ เพราะวันนี้ท้องไม่ค่อยดี ตอนกลางวันไม่รู้กินอะไรเข้าไป โดยก่อนหน้านี้ นายสมชายได้แวะรับประทานสุกี้ กับส.ส.ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ในเวลา 12.30 น. ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะใช้แผนดาวกระจายไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ ขณะที่กลุ่ม นปช.ก็จะเคลื่อนไป สตช. ว่าไม่อยากให้มีปัญหามาก เดี๋ยวคล้ายๆว่า เป็นเรื่องของการเมืองเยอะ ทำให้เราต้องติดตามแต่ข่าวการเมือง ทำให้การทำงานไม่ค่อยเต็มที่ เพราะตนมีโปรแกรมหลายอย่างในเรื่องของการทำงาน คิดว่าอยากจะขอร้องทุกฝ่ายว่าให้เห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อย่าทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบ
"จริงๆไอ้เรื่องการชุมนุมของใครต่อใคร ถ้าเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งผมพูดหลายครั้งแล้วว่า มันก็ทำกันได้ แต่ก็ให้เราระมัดระวังหน่อย การแสดงให้อยู่ในกรอบ คือผมก็ทราบว่าทุกฝ่ายก็หวังดีกับบ้านเมือง แต่ว่าทำอะไรก็ไม่อยากให้บ้านเมืองถูกกระทบกระเทือน และประชาชนได้รับความกระทบกระเทือนด้วย" นายสมชาย กล่าว
**ยันเดินหน้าส.ส.ร.3
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนเรื่องของการตั้ง ส.ส.ร.3 นั้นหลายฝ่ายเห็นด้วย ทั้งท่านประธานวุฒิสภา และประธานสภา ที่เชิญทุกฝ่ายเข้าไปร่วม ซึ่งตอนนั้นที่ตนเข้าไปร่วมเป็นเพียงแต่หนึ่งในหลายๆฝ่าย ในฐานะผู้ทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แล้วก็ตอนที่ตนไปตอนนั้น ทุกคนก็อยู่ร่วมกัน เราคิดว่ามันเป็นทางออก โดยที่ท่านประธานสภา ท่านก็เป็นผู้นัด ผู้เชิญ เราก็เห็นว่าก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และวันนี้(20 ต.ค.) ตนก็จะไปร่วมตามปกติ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งรัฐบาลเป็นแต่เพียงว่า ให้ความสนับสนุนแนวทางนั้น จากนั้นก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งทางสมาชิกวุฒิสภา ที่ท่านประธานวุฒิสภา ก็บอกว่าน่าจะเป็นหนทางออกที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาไหมเพราะแค่เริ่มต้นฝ่ายค้านก็ไม่ร่วมแล้ว นายสมชาย ตอบว่า ตนไม่ทราบขั้นตอนของท่าน แต่ตอนที่ตนเข้าไปประชุมครั้งแรก ก็เห็นท่านก็ยังโอเคอยู่ เมื่อถามว่าแต่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าท่านนายกฯ เคยพูดในที่ประชุมว่า ถ้าเกิดว่าถ้ามีใครไม่เห็นด้วย ก็อาจจะพักไว้ก่อน แต่ทำไมถึงไปดำเนินการต่อ นายสมชาย นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนตอบว่า คือ ตอนนั้นวันนั้นที่คุยกัน ทุกคนก็เห็นด้วยกันแล้ว ตนก็ไม่มีประสงค์ที่จะไปโต้แย้ง หรือว่าทำให้เกิดประเด็นกับใครทั้งสิ้น ก็ให้คิดกันว่า อะไรที่เป็นทางออกที่ดี
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องทำหนังสือเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาร่วมหรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า เป็นเรื่องที่ประธานสภาต้องดำเนินการ ต้องไปถามท่าน แต่คราวก่อนที่เข้าไปก็ดูโอเคทุกพรรค เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนท่าทีและบอกว่ารัฐบาลควรยุบสภามากกว่า นายสมชาย ตอบว่า ก็ช่วยกันคิดก็แล้วกัน ว่าอะไรมันดี ไม่ดีจริงหรือเปล่า เมื่อถามว่าถึงกระแสข่าวว่า นายกขอเวลาอีก 2 เดือน กับกองทัพในการทำงาน นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบ และรีบขึ้นรถออกไปทันที
** ผบ.ทอ.ย้ำทหารไม่เลือกข้าง
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.อ. อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมด้วยภริยา ได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ ท้าวสุรีนารี หลังเดินทางกลับจากงานทอดกฐินสามัคคีของกองทัพอากาศ ที่ จ.บุรีรัมย์ และได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุผ่านสื่อว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน คงจะต้องลาออก เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้หลายฝ่าย ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว
ส่วนการที่พันธมิตรฯ พยายามให้ทหารเลือกข้างนั้น ทหารจะต้องอยู่ในกรอบ และอยู่ในบทบาทที่ทหารสามารถกระทำได้ จึงไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นไปมากกว่านี้
"แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ฝ่ายทหารได้เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่า ทหารจะไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และจะช่วยดูแลทุกฝ่าย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนกรณีการพูดของผู้บัญชาการทหารบก เป็นความคิดเห็นส่วนตัว" ผบ.ทอ.กล่าว
**ลิ่วล้อเชียร์ไม่ยุบสภาไม่ลาออก
รท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า การที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตัดสินใจไม่ลาออกจากตำแหน่ง และไม่ประกาศยุบสภา ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้องกับท่าทีของพรรค เพราะในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีการพูดคุย และวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ดังกล่าวก่อนที่จะมีมติที่ประชุม และส่งไปให้นายสมชาย ซึ่งทางพรรคเห็นว่า ปัจจุบันรัฐบาลมี 3 แนวทางที่สามารถทำได้ 1. ลาออก 2. ยุบสภา 3.ไม่ทำอะไรทั้งสองอย่าง เพราะมีวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ และการที่นายสมชาย ไม่ลาออกและไม่ยุบสภา พร้อมทั้งประกาศว่าเพราะต้องทำ 3 ภารกิจหลักของประเทศให้แล้วเสร็จนั้น ถือเป็นการอยู่เพื่อทำหน้าที่ที่สำคัญ
ขณะเดียวกัน ก็จะมีการตั้งกระบวนการปฏิรูปการเมืองรอบใหม่ มีการตั้งส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไข และยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการหาทางลงให้การเมืองไทยแบบนุ่มนวล หรือที่เรียกว่า Soft Landing คือไม่ใช่การทิ้งความรับผิดชอบ แต่ต้องอยู่เพื่อทำภารกิจสำคัญ เพราะฉะนั้นการไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่ใช่การดื้อด้าน ดึงดันแต่อย่างใด
ส่วนที่บอกให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบ ขอเรียนว่า การอยู่ในหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ได้มาโดยความชอบธรรมจากประชาชน ตรงนี้ก็ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ การที่นายกฯ ยังไม่ทิ้งหน้าที่ ไม่ทำให้การเมืองไทยอยู่ในภาวะเครื่องบินตก หรือ Crash ก็เป็นการทำหน้าที่แสดงความรับผิดชอบที่สำคัญทางหนึ่ง
รท.กุเทพ กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายสมชาย ไม่ลาออกเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนบงการให้สู้ต่อนั้น ถือว่าเป็นการสร้างจินตนาการเชื่อมโยง แต่เป็นเพราะพรรคมีมติให้นายกฯ ทำภารกิจสำคัญให้แล้วเสร็จ รวมทั้งการตั้งส.ส.ร. หลังจากนั้นนายสมชาย จะตัดสินใจอย่างไร ก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนให้เลือกตั้งใหม่ ก็เป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองได้มาก
รท.กุเทพ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันหลายคนก็มีหลายความคิดเห็นแต่ก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของอาจารย์ และศิษย์เก่าสถาบันนิด้า ที่ออกมาประณามหยามเหยียด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ศิษย์เก่านิด้า มีการบอกว่า จะมีการถอดถอนออกจากศิษย์เก่า ซึ่งนิด้าเป็นสถาบันที่สอนเรื่องการบริหารการพัฒนาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเมือง นิด้า ตั้งมาตั้งแต่ปี 2505 ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แต่ระยะหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างมาก ทั้งนี้สถาบันนิด้ามีศิษย์เก่าเยอะมากเช่นเดียวกับคนในพรรคพลังประชาชน หลายคนรวมทั้งตนก็จบจากนิด้า และอาจารย์ ที่เดินทางขึ้นเครื่องบินไป ไหนมาไหนได้ ก็เพราะได้รับจากค่าหน่วยกิตที่เก็บแพงมาก เรามีความรู้สึกว่าอาจารย์นอกจากจะไม่ให้กำลังใจลูกศิษย์แล้วยังจะมาเข่นฆ่าทำลายอีก และอธิการบดี คนปัจจุบันเคยเป็น สนช.พอปฏิวัติ ก็ได้ตำแหน่ง ขอเรียนว่า อย่าไปหลงเพลินกับตำแหน่ง หากมีความเห็นการเมืองอย่างไรก็ว่าไป แต่ไม่ควรมาประณามหยามเหยียดศิษย์เก่าอย่างนั้น เพราะเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ก็ไม่ควรถึงขั้นมาไล่ถอดถอน คนในพรรคพลังประชาชน ที่เป็นศิษย์เก่านิด้าก็ลำบากใจเหมือนกัน ว่าเรามีค่าควรเป็นลูกศิษย์นิด้าหรือไม่
**"อ๋อย"ยุ"สมชาย"ไม่ต้องกลัวทหาร
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ออกมากดดันรัฐบาลทางทีวี ว่า ถ้อยคำหลายส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกพูด ไม่สามารถตีความได้ เช่น คำว่า "หากมีการนองเลือดจริง คงเป็นการหยุดใช้อำนาจ แต่ไม่ใช่การทำรัฐประหาร" และคำว่า "ทุกเหล่าทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน" คำพูดดังกล่าว ไม่สามารถทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เป็นการส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
ส่วนกระแสข่าวนายกรัฐมนตรี พบกับผู้บัญชาการทหารบก โดยขอเวลาทำงาน 2 เดือน และจะตัดสินใจทางการเมืองนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการตกลงกันอย่างไร แต่เห็นว่าหากนายกรัฐมนตรี จะลาออก ต้องไม่ลาออกเพราะถูกกดดัน หรือไม่ใช่มาจากการกลัวกองทัพ เพราะหากนายกรัฐมนตรีลาออก คนจะมองว่าประเทศไทยมีการใช้อำนาจเผด็จการ และมีความล้าหลัง เหมือนกับประเทศพม่า หรือแอฟริกา ซึ่งนานาชาติจะไม่ยอมรับ
นอกจากนี้ การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะเป็นทางออกหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การมี ส.ส.ร.ถือเป็นทางออก แต่เมื่อถึงเวลานั้น นายสมชาย คงไม่อยู่แล้ว และอาจไม่ใช่รัฐบาลนี้ เพราะถึงตอนนั้นคดียุบพรรคคงมีผลแล้ว
**ไม่เชื่อ"สมชาย"ขออยู่อีก2 เดือน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อเจรจาต่อรองขอทำงานอีกไม่เกิน 2 เดือน เพื่อจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสร็จสิ้น และตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจึงยุบสภาหรือลาออก โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นเพียงรายงานข่าวไม่ปรากฏข้อมูลชัดเจน ซึ่งตนยังไม่มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าไม่ทราบเรื่องรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทุบที่ประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกับ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน และยังไม่มีการสอบถามจากพ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด
**ลิ่วล้อไข่แม้วพ่นสีต้านพธม.ทั่วชัยภูมิ
วานนี้ (19 ต.ค.) ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทั่วทั้ง 7 อำเภอดังกล่าว โดยมีกลุ่มมือมืดนำสีสเปรย์สีแดง ตระเวนออกพ่นข้อความต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, ขับไล่ คมช.ออกไป และให้กำลังใจตำรวจตามราวสะพาน กำแพงบริเวณทางเข้าชุมชน, หมู่บ้าน, วัด ที่เป็นจุดโดดเด่น มีประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมาก และพบเห็นได้ง่าย ซึ่งมีบางชุมชน บางหมู่บ้านที่ประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ได้พากันนำสีเทามาพ่นหรือทาทับเพื่อลบข้อความดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ยังเหลือข้อความดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจุดสำคัญๆ ตามกำแพงบ้านเครือญาติ และหัวคะแนน ของ ส.ส.พปช.ในพื้นที่หลักๆ ประจำแต่ละอำเภอ เช่น เขตอำเภอเมืองชัยภูมิ มีการพ่นข้อความต่านพันธมิตรฯ ที่ทางบริเวณเข้าหมู่บ้านมรกต หัวสะพาน ถ.โนนไฮเมืองเก่า ต.ในเมือง อ.เมือง, บริเวณกำแพงบ้านเครือญาติ ของ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.พปช.เขต 2 และ บริเวณทางเข้าชุมชนโนนสมอ เขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ อยู่ห่างที่ทำการพรรคพลังประชาชน ของ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ไม่ถึง 600 เมตร เป็นต้น
**แฉหลอกครูอีสาน-เหนือร่วมกดดันศาล
มีรายงานข่าวจากวงการครู เปิดเผยว่า ได้มีการเคลื่อนไหวระดมนำข้าราชการครู ระดับ 7 ในพื้นที่ภาคเหนือ และ อีสานเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันกำหนดนัดพิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยในพื้นที่ภาคอีสานได้ใช้เครือข่ายจัดตั้ง "สมาพันธ์ครูภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" ซึ่งมีฐานใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น โดยได้ประสานกับเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งมีองค์กรครูในชื่อต่างๆ ตามแต่ละพื้นที่ เช่น ที่บุรีรัมย์ใช้ชื่อว่า สมาคมผู้ประกอบอาชีพครู, สมาพันธ์ครูจังหวัดต่างๆ เป้าหมายจะมีข้าราชครูที่ส่งผลงานและยังไม่ผ่านเขตละประมาณ 100 คน ไปร่วมกันสำแดงพลังเพื่อขอกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทบทวนวิธีการและผลการประเมินใหม่
รายงานแจ้งต่อว่า มีการรับปากว่าจะมีผู้สนับสนุนค่ายานพาหนะครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เกินนั้นให้แต่ละคนออกค่ายานพาหนะเอง โดยสายอีสานให้ไปรวมกันที่หอประชุมคุรุสภา กทม.ในเช้าวันที่ 21 ต.ค.นี้
ขณะที่ทางสายเหนือมีรายงานจากสมาพันธ์ครูเชียงใหม่ว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับรองผู้อำนวยการเขตการศึกษาเขต 1 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่าใกล้ชิดกับนักการเมืองในรัฐบาล และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายการเมือง ได้ประสานงานรวบรวมข้าราชครูระดับ7 และยังไม่ได้ทำผลงานขอตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษระดับ8 ให้ไปรวมพลังชุมนุม เรียกร้องขอเลื่อนตำแหน่งจากระดับ 7 เป็นระดับ 8 โดยไม่ต้องทำผลงาน โดยนัดหมายรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในเช้าวันที่ 21 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หากข้าราชการกลุ่มนี้ได้รับการพิจารณาผลงานผ่านเกณฑ์จะได้เงินตอบแทนค่าวิทยฐานะจากเดิม 3,500 บาทเพิ่มเป็น 5,600 บาททันที โดยมีการปล่อยข่าวภายในว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นที่รับทราบจากฝ่ายการเมืองที่ไฟเขียวเบื้องต้นแล้วว่าจะมีการประกาศเกณฑ์การพิจารณาผลงานเลื่อนวิทยฐานะใหม่ โดยจะมีการปล่อยให้ผ่านล็อตใหญ่เพียงแต่จะต้องมีการชุมนุมของครูให้เห็นเสียก่อน เพื่อที่ฝ่ายการเมืองจะได้นำเป็นข้ออ้างไปแก้ไขหลักเกณฑ์ต่อไป
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวมีรายงานชัดเจนว่าเครือข่ายผู้สนับสนุนรัฐบาลได้เตรียมระดมมวลชนจำนวนมากชุมนุมกันในวันดังกล่าวด้วยเพื่อที่จะเคลื่อนไปกดดันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ที่กำหนดพิพากษาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
**นปช.เหนือขยับระดมพลเข้ากรุง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า นปช.ได้เริ่มมีการเตรียมการเพื่อจะระดมกำลังประชาชนเข้าไปชุมนุมร่วมกับกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพฯอย่างขนานใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้วันที่ 13 ต.ค.เคยมีการระดมพลไปแล้วครั้งหนึ่งโดยนักการเมืองในเขตเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 เชียงรายมีการเกณฑ์ชาวบ้านจากพื้นที่ ต.เวียง อ.เมือง หรือในเขตเทศบาลนครเชียงราย ประมาณ 60 คน นั่งรถตู้ 2 คันออกจากบริเวณซอย 18 มิถุนา ถนนพหลโยธินสายใน ซึ่งมีรายงานว่ามีนักการเมืองคนเดียวกัน เป็นคนเกณฑ์และจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้กับชาวบ้าน
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าได้มีคนในเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีนายสมพงษ์ กูลวงษ์ เป็นนายกเทศมนตรีและเป็นลูกหม้อคนสนิทของนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คอยอำนวยความสะดวกในการจัดหารถและสถานที่ขึ้นรถด้วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่เดินทางไปทั้งหมด ถูกเกณฑ์ให้ไปเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯที่แจกวีซีดีและสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในการปราบประชาชนของตำรวจบริเวณสวนลุมพินี กรุงเทพฯ
น.ส.จิรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย กล่าวว่า ภายหลังหารือกันแล้วกลุ่มและเครือข่ายมีมติว่าจะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.เชียงรายไปจนถึงก่อนวันที่ 1 พ.ย.นี้โดยจะรณรงค์ให้มีการให้กำลังใจทหารที่ถูกกดดันจากหลายฝ่ายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
นอกจากนี้ กลุ่มยังจะรณรงค์ในเรื่องสำคัญ คือ การต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารของกองกำลังบางฝ่ายที่อาจจะก่อการขึ้น เนื่องจากเห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและทางองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ก็เฝ้ามองประเทศไทยว่าจะแก้ไขปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างไรและหากเราปฏิวัติรัฐประหารก็จะขาดความน่าเชื่อถือในสายตาของยูเอ็นและนานาชาติได้
"จากนั้นวันที่ 1 พ.ย.จะมีการระดมพลคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ เพื่อเดินทางไปสมทบกันที่กรุงเทพฯ โดยจะไปรวมตัวกับเครือข่ายประชาชน เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป" น.ส.จิรนันท์ กล่าว และว่า
ทั้งนี้ ก่อนจะเดินทางไปกรุงเทพฯ ทางกลุ่มคงจะใช้รถกระจายเสียงรณรงค์ ในเรื่องการต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารไปทั่วเมืองเชียงราย รวมทั้งจัดตั้งวิทยุชุมชนเพื่อรณรงค์กิจกรรมเนื่องจากที่ผ่านมาเราเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยุผ่านทางวิทยุของเว็บไซต์เสรีชน ซึ่งคงเข้าไม่ถึงประชาชนทั่วไป
ขณะที่มีอีกกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดตรงกันข้าม กลับแพร่กระจายเสียงวิทยุชุมชนคลื่น 89 เมกะเฮิร์ตใน อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีข้อความที่ไม่เหมาะสมและกระจายเสียงการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาโดยตลอด ดังนั้น คลื่นใหม่ของพวกเราคงจะใช้สำหรับชี้แจงการกระจายเสียงของคลื่นดังกล่าวหรืออาจจะชนในช่องเดียวกันเลยถ้าเป็นไปได้
รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงในเชียงใหม่ หลายหน่วยแจ้งตรงกันว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แกนนำ นปช.จากเชียงใหม่ และอีกหลายพื้นที่ได้เดินทางไปหารือกันที่ จ.เชียงราย พื้นที่ฐานเสียงของนักการเมืองใหญ่ พปช.ด้วย เพื่อหารือกันถึงแนวทางการเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีได้ข้อสรุปดังกล่าวออกมา