xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊เพ็ญ” โผล่จากหลืบ! ยังเหิมเกริม จาบจ้วงไม่เลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรภพ เพ็ญแข ปราศรัย ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันเสาร์ที่ 11 ต.ค. 2551
ผู้จัดการออนไลน์ – “เจ๊เพ็ญ” ทอล์กโชว์ปาหี่กลางเวทีธันเดอร์โดม ระบุ “สมัคร” ป่วยเพราะโดนวางยา เผยรับจ็อบ “แม้ว” มาเป็น รมต.เพราะต้องการยึดช่อง 11 มาเป็นกระบอกเสียง บิดเบือนพระดำรัสเชื้อพระวงศ์ โจมตีพันธมิตรฯ-เอเอสทีวี ไม่หยุด ระบุ ไม่คุยกับแกนนำแต่จะคุยกับ “เจ้าของพันธมิตรฯ” ที่แท้จริง

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ในรายการความจริงวันนี้ ภาคพิเศษ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ และอดีตกรรมการพรรคบริหารไทยรักไทย อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ร่วมกันจัดงาน “ความจริงวันนี้ ภาคพิเศษ”

ขณะเดียวกัน ในหมู่ของผู้ขึ้นเวทีก็ยังปรากฏ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นไปด้วยความล่าช้า นอกจากนี้ ก็ยังมีคดี “บุกบ้านป๋า” ทำลายทรัพย์สินสาธารณะบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ติดตัวอยู่ด้วย แม้เวลาผ่านมานานกว่า 1 ปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ดำเนินเรื่องต่อ

นายจักรภพ เพ็ญแข เปิดตัวบนเวทีด้วยการขับร้องเพลง “ขอให้เหมือนเดิม” แต่งคำร้องโดย พรพิรุณ ทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน ของวงสุนทราภรณ์ ต่อไปนี้เป็นเนื้อหาการปราศรัยของนายจักรภพ ที่ยังเต็มไปด้วยเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมทางทีมงานผู้จัดการออนไลน์จึงขอเรียบเรียงมานำเสนอดังนี้

“กราบสวัสดีพี่น้องร่วมชีวิตทุกท่านครับ วันนี้มาเพื่อจะบอกว่า กลับมาแล้วครับพี่น้องครับ ความจริงที่หายไป ไม่ได้หายสาบสูญนะครับ ขณะนี้มันเป็นภารกิจปีนภูเขา ขณะที่มีท่านวีระ ท่าน ส.ส.จตุพร ท่านโฆษกณัฐวุฒิ พี่ก่อแก้ว และผู้ที่ร่วมกันสร้างพีทีวี และรายการความจริงวันนี้ ท่านปีนป่ายให้พี่น้องได้เห็น มันต้องมีคนทำภารกิจเจาะโคนภูเขาด้วยครับ แต่มาถึงวันนี้ไปมัวแต่เจาะอย่างเดียวไม่พอแล้ว

“บ้านเมืองมาถึงจุดใหม่ที่มีคนเขาตั้งคำพังเพย พี่น้องเคยได้ยินไหมครับว่า “ปรุงอาหารถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย” นี่มันบ้านเมืองของความบ้าคลั่งแล้ว พี่น้องลองนึกถึงคำพูดที่ออกข่าวไปตอนท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นตำแหน่งไปเพราะรายการทำกับข้าว เมืองไทยใน “มือของใครบางคน” มันลดขนาดลงถึงตรงนั้นแล้วครับพี่น้องครับ

“ผมจึงไม่แปลกใจว่าวันนี้พี่น้องเสื้อแดงมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทั้งในธันเดอร์โดมและมากกว่านี้สองเท่าภายนอก เพื่อมาทวงประเทศคืนใช่ไหมครับพี่น้องครับ (เสียงเฮ) นี่คือประเทศของเรา แต่ว่าแย่งชิงอำนาจจากฝ่ายเลือกตั้ง ไม่ได้ลืมตามองโลก ไม่ได้ลืมตามองประเทศ ไม่ได้มองตาพี่น้องประชาชนแต่ละคน ว่าเขามีความรู้ความเข้าใจ เขาไม่ใช่ผู้อาศัยเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่เข้าใจหรืออย่างไร”

บิดเบือนคำพระเทพฯ โวพันธมิตรฯอ้างสถาบัน

ต่อมานายจักรภพได้กล่าวถึงเหตุการณ์ช่วงรัฐบาลนายสมัคร และ เบื้องหลังทางการเมืองที่นายสมัครถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งจากกรณีเป็นลูกจ้างรายการชิมไปบ่นไป ขณะที่ศาลอุทธรณ์ยกเลิกหมายจับข้อหากบฏของแกนนำพันธมิตรฯ 9 คน

“อยากจะเล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองนี้ ซึ่งหวังว่าจะเป็นคำอธิบายส่วนหนึ่ง เพราะผมทราบดีว่าพี่น้องประชาชนในขณะนี้กำลังอึดอัดขัดใจเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ ไม่อยากจะยอมอีกแล้วใช่ไหมครับ” นายจักรภพกล่าวพร้อมระบุว่า ขณะนี้เครือข่ายการสื่อสารของพวกตนนั้นกว้างขวางมาก โดยไม่จำเป็นต้องสื่อสารจากภายใน แต่สื่อสารจากภายนอกประเทศก็ได้

ต่อมานายจักรภพได้หยิบเอาบทพระราชทานสัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อสื่อต่างชาติซึ่งสื่อมวลชนไทยนำมาแปลและถ่ายทอดต่อจนก่อให้สังคมเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก โดยนายจักรภพกล่าวว่า (อ่านข่าว : ชี้ชัด “ข่าวสด” อ้างเบื้องสูง หวังผลการเมืองไม่สมควร)

“ในการแถลงข่าวนั้นเองครับพี่น้องที่เคารพ สื่อมวลชนอเมริกันที่เขาไม่ได้เข้าใครออกใคร เขาไม่ได้ทำตัวเป็นข้าทาสระบอบอำมาตยาธิปไตย เขาก็ตั้งคำถาม” นายจักรภพกล่าวบิดเบือนบทให้สัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพฯ และนำมากล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ อีก โดยอ้างว่า เพราะฉะนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ตั้งแต่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จนถึงพิธีกรบนเวทีพันธมิตรฯ อย่าง น.ส.อัญชลี ไพรีรัก อย่าได้อ้างอิงถึงสถาบันฯ อีกเป็นอันขาด พร้อมเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีออกมาจัดการกับพันธมิตรฯ โดยด่วนที่อ้างว่าทำเพื่อสถาบันฯ

“พี่น้องครับถ้าผมเป็นพันธมิตรฯ นี่ ผมก็อยากจะเป็นต่อ เพราะแหย่เข้าไปแล้วยังได้ผล ผู้มีอำนาจบางคนยังมองไม่เห็นว่าความจริงเขาจูงจมูกตัวเองอยู่อย่างไร ยังไม่เข้าใจว่าม้าใช้ที่ใช้อยู่นี้ มันโจรชัดๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ เราแก้ปัญหาอะไรต่างๆ ไม่ได้หรอกครับ มีนักวิชาการออกมาเสนอการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ บอก 70-30 คนนั้นบอกอย่างนี้ คนนี้บอกอย่างนั้น

“รัฐบาลใช้มาตรการสากลในการสลายการชุมนุม ทุกประเทศในโลกเขาใช้กันทั้งนั้น ก็บอกว่าจะเป็นทรราช ใช้ความรุนแรงจนเกินไป สื่อมวลชนก็รายงานตามกันมา ล่าสุดนี่กองทัพบกก็ทำท่าจะไปร่วมวงศ์ไพบูลย์กับเขาด้วย คำว่ากองทัพบกผมหมายถึงผู้บัญชาการคนเดียวละครับ ทหารในกองทัพเขารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เอาเป็นว่าขณะนี้ใครก็ตามที่คิดว่าจะเล่มเกมพันธมิตรฯ เดินอย่างพันธมิตรฯ ก็เชิญตามสบาย แต่ขอให้รู้แล้วกันว่า กำลังลงเรือในลำที่กำลังจมไปสู่ขุมนรก ... เลือกเอา ทางสวรรค์ ทางนรก ชัดเจนอยู่แล้ว แค่ปลายจมูก ยกเว้นว่าจะมีอวิชชามาบดบังจนกระทั่งไม่มีทั้งสติ ไม่มีทั้งปัญญา ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมัน นรกใครขุมไหนลงกันไปเอง” อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้มีคดีหมิ่นติดตัวอยู่กล่าว พร้อมกับกล่าวว่า นายสนธิ หลอกพระ หลอกเจ้า หลอกประชาชน

ด่า “การเมืองใหม่” พ่อมึงเหรอ ชี้แค่เครื่องมืออำมาตย์

นายจักรภพกล่าวต่อถึงข้อเสนอการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้รับการตอบสนองจากสังคมในวงกว้าง ทั้ง นพ.ประเวศ วะสี นายอานันท์ ปันยารชุน อธิการบดี สื่อมวลชน และนักวิชาการทั่วประเทศว่าเป็นข้อเสนะที่ไร้สาระและล้าหลัง

“พี่น้องที่เคารพครับ ผมไม่อยากพูดหยาบคาย แต่การเมืองใหม่นั้น การเมืองพ่อมึงหรือไง การเมืองใหม่ที่ไหนถอยหลังกลับไปสู่ระบบที่ประชาชนไม่มีส่วนรวม การเมืองใหม่คือการเมืองที่ก้าวหน้าคือประชาชนต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นๆๆ ถ้าหากร่วมระดับชาติแล้วต้องร่วมระดับท้องถิ่น ถ้าร่วมระดับท้องถิ่นแล้วต้องมีการถ่วงดุลกับผู้มีอำนาจ เพราะรัฐบาลทุกชุดไม่ว่าจะรัฐบาลชุดพรรคเรา พรรคใครหรือพรรคไหนก็ตาม มีข้อบกพร่องติดตัวด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครดีวิเศษทั้งหมด แต่ต้องมีระบบการเมืองที่คอยถ่วงดุล ทำให้คนชั่วจริงๆ ต้องเผยโฉมออกมา การเมืองใหม่ที่เขาเสนอมานั้นเป็นการเมืองระบบอุปถัมภ์” นายจักรภพกล่าวบิดเบือนข้อเสนอการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ เพราะ การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะใช้ระบบการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งเสนอให้มีสภาประชาชนที่ประชาชนมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

ปีนเกลียว“บิ๊กจิ๋ว”อัดเสียจริต

จากนั้นนายจักรภพได้กล่าว วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่างรุนแรง กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. โดยกล่าวว่า

“แต่ผมต้องขออนุญาตตำหนิกระบวนการของเราเองในพรรคด้วยที่จะเชิญใครต่อใครเข้ามา ขอเสนอตรงนี้ว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีต่อไปก่อนจะทูลเกล้านั้น ควรจะมีการตรวจสอบสุขภาพจิตของรองนายกฯ และรัฐมนตรีด้วย เพราะมีแต่คนเสียจริตเท่านั้นที่จะบอกว่า ไปการเมืองใหม่ชนิดแต่งตั้งเถอะ มีแต่คนเสียจริตเท่านั้นที่จะบอกว่ามายึดอำนาจกันเถอะเพื่อจะแก้ปัญหาใหม่ ส้วมสกปรกจะล้างให้สะอาด มันต้องเอาน้ำสะอาดมาล้าง ไม่ใช่เอาน้ำส้วมอื่นมาล้าง” นายจักรภพกล่าวเชิดชูตัวเอง และ กลุ่ม นปช.

โวรับงานยึด “สื่อ” ทำสำเร็จแล้ว

นายจักรภพกล่าวต่อด้วยว่า ตนขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสนามหลวงส่งตนมาเป็นรัฐมนตรี โดยมีภารกิจที่ได้ทำแล้วในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรีที่ดูแลสื่อก็คือ การยึดสื่อจากมือเผด็จการมาเป็นของตัวเองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย

“ภารกิจที่ผมรับสนามหลวงเข้าไปทำในฐานะรัฐมนตรีที่ดูแลสื่อภาครัฐ คือ เข้าไป “ยึด” สื่อเผด็จการคืนมาเป็นของฝ่ายประชาธิปไตยครับ นั่นคือภารกิจผม ไม่งั้น (รายการ) ความจริงวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างนี้ครับ นี่ผมไม่ได้พูดเกี่ยวกับตัวผมเอง ผมหมายความว่าเพราะเรามีธงอย่างนี้ ท่านนายกฯ สมัครท่านสนับสนุน ครม.อื่นท่านสนับสนุนและก็มีคนเก่งอย่าง ท่านวีระ ส.ส.จตุพร และโฆษกณัฐวุฒิ ไปเป็นเนื้อทำให้ประชาธิปไตยมันกลับคืนมาสู่พี่น้องประชาชน อย่างน้อยคืนละ 45 นาที อย่างแท้จริง” อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ จอมจาบจ้วงกล่าว

พร้อมกันนั้นได้กล่าวด้วยว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถรักษารายการความจริงวันนี้ให้อยู่ในจอช่องเอ็นบีทีต่อไปได้ ก็อย่าเป็นรัฐบาลต่อไปเลย

เตรียมขยายแนวร่วม “ความเท็จวันนี้”

“อย่าให้ใครหน้าไหนมาถอดรายการเป็นอันขาดเชียวนะครับ ไม่ใช่เพราะรายการความจริงวันนี้ดีเลิศประเสริฐศรี แต่ความจริงวันนี้เป็นรายการที่พยายามจะบอกว่าเจ้าของประเทศ ท่านยังไม่ได้รับข้อมูลอะไรบ้าง เขาปกปิดอะไรท่านอยู่บ้าง นั่นคือจุดประสงค์ นั่นคือเจตนา ซึ่งในขณะนี้ผมก็คิดว่าคงจะต้องบอกกันให้ชัดเจนแล้วล่ะครับว่า ความจริงวันนี้นอกจากจะอยู่ด้วยตลอดไปแล้ว เห็นจะต้องขยายในทางต่างๆ มากขึ้นล่ะครับ” นายจักรภพกล่าว

พร้อมกล่าวว่า ดังนั้นอย่าแปลกใจว่าทำไมตนจึงได้ดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพียงช่วงสั้นๆ หรือประมาณ 3 เดือนเท่านั้น จากนั้นจึงกล่าวเชิดชู นายสมัครว่าเป็นคนที่ไม่ยอมต่ออำนาจนอกระบบ

“นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ได้ตั้งตนเองอยู่ในหลักการที่ถูกต้องไม่ยอมต่ออำนาจที่ไม่เป็นธรรมและความบิดเบือนต่างๆ จนตัวท่านเองต้องได้รับข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ไม่ควรจะได้รับ อย่างเช่น เรื่องการหมิ่นประมาทรองผู้ว่าฯ” นายจักรภพกล่าวพร้อมบิดเบือนด้วยว่ากรณีจัดซื้อรถดับเพลิงนั้น นายสมัครไม่ได้เกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่นายสมัครเป็นคนลงนามในสัญญาในวันสุดท้ายก่อนที่จะพ้นตำแหน่งซึ่งไม่สมควร พร้อมกันนั้นนายจักรภพยังกล่าวถึง กรณีนายสมัคร ถูกถอดจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากทำรายการชิมไปบ่นไปนั้นไม่เห็นผิดตรงไหน ทั้งๆ ที่การกระทำของนายสมัครนั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นเป็นความผิดในเชิงมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน

เชิดชู “หมัก สมุนทรราช” ทำถูกทุกอย่าง

“ผมขอยืนยันนะครับว่าที่ท่านนายกสมัคร ประสบเหตุดังนี้เพราะท่านคิดต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม คือ อำมาตยาธิปไตยครับ ขณะนี้ท่านนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ มีข่าวต่างๆ ออกมามากมาย ผมไปหาท่านเมื่อวานนี้ แต่เมื่อวานไม่ได้คุย คุยกับภรรยาท่าน คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช แล้วพี่น้องทราบไหมครับ นอกจากท่านนายกฯ สมัคร จะป่วย ภรรยาท่านคือ คุณหญิงสุรัตน์ ก็ป่วยนอนอยู่ห้องข้างเคียงกันด้วย เพราะความเครียดทำให้โรคเบาหวานของท่านกำเริบ” อดีตแกนนำนปก.เปิดเผย

“นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการสวนกลับฝ่ายพันธมิตรฯ และไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมนั้น ท่านทำถูกทุกประการ เพียงแต่มีคนยื่นขามาขัดขาท่านเท่านั้น” นายจักรภพกล่าว พร้อมว่า พวกตนซาบซึ้งในการกระทำของนายสมัคร เพราะนายสมัครเป็นผู้บังกระสุนให้กับพวกตัวเอง และจะต้องรำลึกถึงบุญคุณของนายสมัครตลอดไป

เพ้อเจ้อ “หมัก” ถูกวางยา

นายจักรภพ กล่าวต่อว่า พวกตนกำลังสงสัยว่านายสมัครอาจถูกใครปองร้าย จึงต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.บำรุงราษฎร์ และตนกำลังสืบหาสาเหตุอยู่

“ขณะนี้เริ่มมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เราเกิดข้อสงสัยว่า ท่านนายกสมัครนั้นอาจจะไม่ได้ป่วยปกติ แต่มีคนลอบทำร้ายท่าน เพราะฉะนั้นในขณะนี้ผมจะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อีกเป็นจำนวนมากทั่วโลก ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง จะเผยโฉมหน้าของใครอีกหลายคนว่าในบ้านเมืองนี้มันใจดำอำมหิตกันขนาดไหน”

ระดมมวลชนค้ำ“ระบอบทักษิณ”

ต่อมานายจักรภพ ได้กล่าวโจมตีด้วยว่า ขณะนี้ฝ่ายพันธมิตรฯ และ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังฝ่ายพันธมิตรฯ นั้นกำลังเล่นเกมทำลายประเทศชาติบ้านเมืองอย่างสาหัส ในขณะที่โลกเศรษฐกิจกำลังรวนทั้งโลก และอ้างด้วยว่า รัฐมนตรีทำงานไม่ได้เพราะมีพันธมิตรฯ คอยโห่ไล่ ดังนั้นตนจึงเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยของระบอบทักษิณนั้นจะมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวอีกไม่ได้แล้ว แต่จะต้องมาจากมวลชนที่มีการจัดตั้งด้วย

“เพราะฉะนั้น อย่าได้มาบอกว่าการได้มาซึ่งประชาธิปไตยจะต้องมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะบัดนี้รู้แล้วว่า การเลือกตั้งนั้นไม่พอ ต้องการเลือกตั้งบวกด้วยมวลชนที่มีความรู้เกี่ยวกับประเทศของท่านเหล่านั้นเอง ถึงจะรักษาประชาธิปไตยได้ ซึ่งพวกเราจะเดินในทิศทางนี้” นายจักรภพระบุ พร้อมกล่าวว่า พวกตนกำลังขยายแนวร่วมสื่อออกไป โดยพร้อมจะรับนักข่าวที่อยู่ตามสื่อหลักต่างๆ ที่ต้องการจะมาทำสื่อตามอุดมการณ์ร่วมกับตน

อ้างพระดำรัสสมเด็จพระเทพฯ อีก

ขณะเดียวกันได้กล่าวโจมตีว่า เอเอสทีวีนั้นหากินอยู่กับความไม่รู้ อยู่กับความเชื่อของคน โดยใช้การโฆษณาชวนเชื่อว่า ฝ่าย นปช. และทักษิณ อยู่ตรงข้ามกับสถาบันระดับสูงเท่านั้น โดยเมื่อได้ฟังคำของสมเด็จพระเทพฯ แล้ว เอเอสทีวีก็คงไม่เหลือจุดขายอีกต่อไป

“เมื่อได้ฟังพระดำรัสสมเด็จพระเทพแล้ว ไอ้จุดขายพันธมิตรฯ และเอเอสทีวีก็ควรจะหมดไป เหลือแต่จุดตายเท่านั้น หมดแล้วข้ออ้างทั้งหลาย เพราะที่คนเขายังอุตส่าห์ไปยืนกับพันธมิตรฯ เพราะเขานึกว่าสถาบันได้รับอันตรายจริงๆ ซึ่งความจริงเป็นเรื่องโกหกของฝ่ายนี้โดยสิ้นเชิง นี่แหละครับบ้านเมืองอยู่กันอย่างนี้” นายจักรภพระบุพร้อมอ้างว่า ถ้าบทพระดำรัสดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็จะมีคนมาอยู่กับฝ่าย นปช.อีกค่อนประเทศ ดังนั้น รัฐบาลนายสมชายจึงไม่ต้องออกและไม่ต้องยุบสภา

เหิมจะคุยกับ “เจ้าของพันธมิตร”

ทั้งนี้มีรายงานข่าวด้วยว่า นายจักรภพ ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ในการจัดงานชมรมคนเสื้อแดงวันนี้ไม่มีเจตนาให้ปะทะหรือประชันกับกลุ่มพันธมิตร แต่ต้องการให้คนที่รักประชาธิปไตย ได้แสดงพลัง ซึ่งพบว่ามีผู้ให้การตอบรับมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมย้ำว่าการชุมนุมในวันนี้ไม่มีกิจกรรมใดที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ทั้งนี้เห็นว่า ปัญหาทางการเมืองในขณะนี้เลยจุดที่จะใช้ความสมานฉันท์ เนื่องจากว่า พบความไม่เป็นธรรมในสังคมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกระบวนการยุติธรรม

ส่วนคำถามที่ว่า การเจรจาเพื่อยุติการดำเนินการของกลุ่มพันธมิตรนั้น นายจักรภพกล่าวว่า ต้องคุยกับคนที่เป็น “เจ้าของพันธมิตร” อย่างแท้จริงไม่ใช่แกนนำ พร้อมทั้งเห็นว่า ขณะนี้ประเทศยังมีจุดอ่อนที่ต้องรีบแก้ไขและเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว

ผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาด ที่นายจักรภพ ระบุว่าตำรวจใช้วิธีสากลในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
กำลังโหลดความคิดเห็น