xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ผวา ตร.โจรเด็กทักษิณจ้องป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - แกนนำพันธมิตรฯ เตือนผู้ชุมนุมยึดหลักอหิงสาปักหลักอยู่ในทำเนียบ ระวัง นปช.เตรียมก่อเหตุวุ่นวายเพื่อหวังให้เกิดการเผชิญหน้า ไม่ไว้วางใจ ตร.เรียกร้องทหารเข้ามาดูแลความสงบ ชี้ “สล้าง” อย่าข่มขู่ยึดทำเนียบคืน เมินเงื่อนไข “สมชาย” ต่ออายุนั่งนายกฯ พันธมิตรฯ แจกซีดีเซ็นทรัลเวิลด์ แฉ “ตำรวจฆ่าประชาชน” ด้านพลตรี จำลอง ชี้ ท่าที ของ ผบ.ทบ. ที่ออกรายกการทางช่อง 3 ไม่ได้เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะใส่เครื่องแบ และมีทั้ง 4 เหล่าทัพร่วม "สนธิ" ยกรามเกียรติ์ตอน "นนทุก" ไม่ทำตามสัตย์สร้างความเดือดร้อนจนถูกพระนารายณ์กำจัด มาเปรียบเทียบการเมืองปัจจุบัน พร้อมเรียกร้องให้พี่น้องมาฟังคำพิพากษาชี้ชะตา "ทักษิณ" พร้อมกัน เตือนก่อเหตุป่วนวันนี้ “สมเกียรติ” ขึ้นเวทีหาดใหญ่แฉเส้นทางโกง “แม้วส่วนผบ.ทหารเรือคุยรู้ดีว่าทหารควรทำอะไร "เทพไท" ถอนหงอก "เสนาะ" ห่วงนองเลือดทำไมไม่ถอนตัวจากรัฐบาล “วรินทร์” ยื่นหนังสือขอดูมติ ครม.6 ต.ค.

วานนี้ (20 ต.ค.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเตือนว่า ในช่วง 1-2 วันนี้อาจเกิดเหตุความวุ่นวายในบ้านเมือง เนื่องจากทราบข่าวว่าแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นเพื่อกดดันการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยาตกเป็นจำเลย โดยพันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าไม่ต้องการเพิ่มกระแสการเผชิญหน้า ดังนั้น พันธมิตรฯ จะติดตามเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล

นายพิภพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเมื่อวานนี้เพื่อแจกวีซีดีประจานเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังทำร้ายประชาชน ไม่ได้เป็นการกดดันใคร เป็นเพียงการเดินทางไปแจกเอกสารและซีดีให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่มีการปะทะกัน

“ต่อจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดูแลไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า เพราะทราบว่าฝ่าย นปช.จะเป็นผู้เริ่มก่อกวนก่อน แต่เมื่อตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ และส่วนหนึ่งพันธมิตรฯไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเห็นว่าทหารควรออกมาดูแลความเรียบร้อยในช่วงนี้ และผมไม่ทราบว่า พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ออกมาข่มขู่พันธมิตรฯ และประชาชนได้อย่างไร การที่บอกว่าจะนำตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามายึดทำเนียบฯคืน ถือเป็นการขู่ที่ผิดกฎหมาย และเห็นว่า พล.ต.อ.สล้าง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพของตำรวจถูกมองในทางเสียหายมากขึ้น และตำรวจไม่มีสิทธิที่จะสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำการชุมนุมด้วยสันติวิธี” นายพิภพ กล่าว

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขอเวลาทำงานให้กับบ้านเมืองร่วมกับผู้นำเหล่าทัพอีก 2 เดือน นายพิภพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ ดังนั้น พันธมิตรฯ เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิที่จะขอทำงานต่อไปได้อีก นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะความรับผิดชอบทางการเมือง ควรลาออกทันที เพราะในวันนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งให้ตำรวจยุติการทำร้ายประชาชน

พันธมิตรฯ แจกซีดีเซ็นทรัลเวิลด์

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ ที่พร้อมใจใส่เสื้อเหลือง-ถือมือตบ สัญลักษณ์พันธมิตรฯ พร้อมด้วยรถบรรทุก 1 คัน และเครื่องขยายเสียง เดินทางไปยังหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย เพื่อไปแจกจ่ายวีซีดีเวอร์ชันใหม่ ที่มีเนื้อหาแสดงถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปที่ ย่านสีลม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนที่ผ่านไปผ่านมา อย่างมาก ซึ่งจะไปแยกตัวสิ้นสุดที่บริเวณสวนลุมพินี

ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้เริ่มเคลื่อนขบวนตั้งเเต่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ มาตามถนนราชดำริ โดยผ่านห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายเเห่ง และพนักงานบริษัทเอกชนจำนวนมากได้ให้ความสนใจมารับแจก วีซีดีและะหนังสือ "ตำรวจฆ่าประชาชน" จำนวนมาก

เมื่อขบวนได้เคลื่อนผ่าน การไฟฟ้านครนครหลวง (กฟน.) มีพนักงาน กฟน. ได้นำมือตบ มาตบเเสดงความยินดีกับพันธมิตรฯ และเมื่อได้เคลื่อนมาบริเวณถนนวิทยุ เเละผ่านสถานฑูต หลายเเห่ง เช่น สถานฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย หรือสถานฑูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมาคุ้มกันหน้าสถานฑูต อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯส่วนใหญ่ยังได้นำหนังสือ เเละวีซีดี ไปยื่นให้กับตำรวจในเเต่ละหน้าสถานฑูตด้วย ทั้งยังได้เเจกจ่ายให้กับชาวต่างชาติ ตลอด 2 ฝั่งทางอีกด้วย

ร้องทหารทำบ้านเมืองให้สงบ         

         เมื่อเวลา 21.30 น.พลตรี จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยกล่าวถึงบรรดานายทหารกับตำรวจทั้ง 4 เหล่าทัพที่ออกสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย ขณะเดียวกัน พันธมิตรฯไม่ได้เรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติ แต่ต้องการให้ทหารนั้นทำให้บ้านเมืองสงบสุข

          ทั้งนี้นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีนั้น ทำท่าทีเมินเฉยต่อกองทัพ ทั้งๆที่ท่าทีของ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ) ที่กล่าวในรายการนั้น ไม่ได้เป็นความเห็นส่วนตัวเลย เพราะใส่เครื่องแบบทหารและมีทั้ง 4 เหล่าทัพ พร้อมกันหมด ซึ่งไม่ควรที่จะมาแก้ตัวว่าเป็นความเห็นส่วนตัว

          โดยเรียกร้องไปถึงนายสมชายว่าที่ไม่ยอมลาออกนั้น จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอลง ขณะที่ตำรวจก็เป็นจำเลยคดีที่ร้ายแรงอยู่เช่นกัน และยังทำให้รัฐบาลพะวงอยู่กับเรื่องของการประคองตัวเองเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ตามมาอย่างแน่นอนคือเรื่องของปัญหาทางเศรษฐกิจ

          พลตรี จำลอง ยังกล่าวด้วยว่า ทางแกนนำมีมติที่จะรื้อเวทีพันมิตรฯที่สะพานมัฆวานเพื่อเปิดทางให้แก่ขบวนเสด็จ ในพระราชพิธีที่กำลังจะมาถึง

อัดอนุพงษ์เมินนปก.จาบจ้วง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตร ที่ทำเนียบฯ โดยกล่าวถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่า คนที่มือเปื้อนเลือดไม่มีสิทธิ์มาทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติพระพี่นาง เพราะคนที่ฆ่าประชาชนจะไม่มีสิทธิจัดงานพระศพ

จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงเรื่องรามเกียรติ์โดยยกเอาเรื่องราวของนนทุก ยักษ์ตนหนึ่งบนเขาไกรลาสมาเปรียบเทียบกับการเมืองในยุคปัจจุบัน โดยเล่าว่ายักษ์นนทุกดังกล่าวได้ถวายการรับใช้พระอิศวรมานานนับโกฐปี ทำหน้าที่ล้างเท้าให้กับเหล่าเทวดาที่ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร ขณะเดียวกันก็ได้ถูกเทวดาเกเรกลั่นแกล้งต่างๆนานาทั้งดึงผมจนหัวล้านและถูกเขกหัวอยู่ตลอดเวลา

ต่อมาเมื่อยักษ์นนทุกได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระอิศวรก็ร้องให้ฟูมฟายอ้างความดีต่างๆนานา แล้วขอพรให้ตัวเองมีฤทธิ์ให้สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ ซึ่งพระอิศวรก็ทรงอนุญาต แต่ต้องให้สัญญาว่าจะต้องใช้อย่างถูกต้อง สร้างสรรค์ความดีทั้ง 3 โลก แต่เมื่อได้รับพรดังกล่าวแล้ว นนทุกกลับนำไปใช้ในทางตรงข้ามสร้างความเดือดร้อนไปทั้งสามโลก ทำให้เหล่าเทวดาต้องไปฟ้องพระอิศวร พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์มาปราบ โดยแปลงกายเป็นเทพธิดาร่ายรำ เมื่อนนทุกหลงกลจึงร่ายรำตามและชี้นิ้วมาที่ตัวเองจนสิ้นฤทธิ์

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบว่า พระนารายณ์ในยุคนี้ไม่เหมือนกับในรามเกียรติ์ เพราะรับเงินและวางเฉย ไม่ทำอะไรเลย

นายสนธิ กล่าวว่า ในตอนนี้ไม่อยากพูดถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาหารทหารบก เพราะสำหรับตนเองนั้นถือว่าไม่มีราคา ปากบอกว่าจงรักภักดี แต่ทีพวกนปก.จาบจ้วงสถาบันอยู่ทุกวันกลับไม่ว่าอะไรสักคำ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอะไรที่เวลานี้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลถึงกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พล.อ.อนุพงษ์เป็นพวกเดียวกัน

"ในอดีตเคยเห็นหรือไม่ว่า 3 เหล่าทัพออกทีวีให้นายกฯลาออก แต่เมื่อไม่ยอมออก ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งบางคนรู้จักหน้าไม่รู้จักใจ บางคนก่อนได้ตำแหน่งพูดอย่าง แต่พอได้ตำแหน่งกลับพูดอีกอย่าง มีอำนาจ มีผลประโยชน์จนพูดไม่ออก เคยมีเหตุผลกลับไม่มีเหตุผล" นายสนธิ ระบุ และว่า ในช่วงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่าได้ประมาทพวก นปก.แต่เชื่อว่าถ้าจะมีอะไรก็น่าจะเป็นคืนวันนี้”

นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันพิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่เรายอมรับได้ ถ้าออกมาเป็นบวกกับเขา อย่างมากเราก็อาจจะวิจารณ์บ้าง แต่ก็ยอมรับได้ แต่ขณะเดียวกันถ้าออกมาเป็นลบกับเขาบ้าง พวกเขาก็ต้องยอมรับได้เช่นเดียวกัน แต่เขายังงอแงก็ต้องสั่งสอน

"ดังนั้นวันนี้(21 ต.ค.) ขอให้พี่น้องมาร่วมกันมาฟังคำพิพากษาพร้อมกัน ถ้าจะร้องให้ก็ให้มาร้องให้ร่วมกัน และถ้าจะหัวเราะก็ให้หัวเราะด้วยกัน ถ้าแผ่นดินถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนแปลง" นายสนธิ กล่าว และว่าในโอกาสหน้าจะขออนุญาตินำเรื่องพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวมาเล่าให้ฟังเพื่อชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นสุดยอดกษัตริย์ที่มีพระเนตรยาวไกล ทรงทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำทุกอย่าง

“สมเกียรติ”ขึ้นเวทีที่สงขลา

ขณะที่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย “สานฝันวีรชน ล้างระบอบทักษิณ สร้างการเมืองใหม่” ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยได้กล่าวชื่นชมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่มีความตื่นตัวติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และกล้าออกประกาศจุดยืนต่อความถูกต้องเป็นลำดับต้นๆ ก่อนมหาวิทยาลัยอื่นๆในประเทศ

พร้อมกันนี้ นายสมเกียรติ ได้เปิดเผยถึงเส้นทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของ “ระบอบทักษิณ” หรือระบอบทรราชทุนสามาย์ ซึ่งมีการแทรกแซงใช้เงินซื้อให้มาซึ่งอำนาจทุกวิถีทางว่า ช่วงที่รัฐบาล นายชวน หลีกภัย ประสบปัญหาวิกฤตการเงินของชาติ ได้มีการออกแบบกฎหมายเพื่อสู้กับการโจมตีค่าเงินและวิกฤตเศรษฐกิจโลก และอนุมัติเงินเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงปี 2540 คนอีสานได้พร้อมใจกันเลือก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ปล่อยให้มีการลดค่าเงินบาท โดยมีคนเพียงไม่กี่คนรู้ล่วงหน้า แต่คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ซื้อขายสัญญาเงินบาทล่วงหน้า และมีผลดีต่อธุรกิจในเครือ ปล่อยให้ธุรกิจทั่วประเทศน้อยใหญ่ทั่วประเทศล้มครืน ซึ่งมีการประเมินว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับผลกระโยชน์ราว 60,000 ล้านบาท และหลังจากนั้น พล.อ.ชวลิต ก็ได้ลาออก ปล่อยให้ประเทศเผชิญวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างเต็มตัว

หลังจากนั้น พรรคไทยรักไทย ก็เกิดขึ้น ด้วยการทุ่มงบโฆษณามหาศาล ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงในรัฐสภา 248 ใน 500 เสียง จึงได้กลืนพรรคการเมืองอีกหลายพรรค เพื่อดึง ส.ส.เข้ามาเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา ได้มาเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและผูกขาด ซึ่งนับแต่นั้นระบอบทักษิณได้มาครอบงำการเมืองไทยด้วยนโยบายประชานิยม และแทรกแซงการทำงานหลายองค์กรสำคัญ

นายสมเกียรติ ยังกล่าวด้วยว่า การบริหารงานที่ค่อนข้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่เพียงผู้เดียวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ท้าทายการใช้พระราชอำนาจมาโดยตลอด จนกระทั่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นพิธีกรรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ นำไปสู่การถูกถอดรายการจากช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ในที่สุด แต่ได้เดินหน้าเดิมพันการเปิดโปงเบื้องหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะที่บริษัทถูกรังแกและประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และมีการตั้งเวทีดำเนินรายการที่สวนลุมพินีและออกสู้รบเป็นคนแรกนั้น และก่อตั้งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 11 กุมภาพันธ์ 2549 และร่วมต่อสู้กันจนประกาศวันสงครามประจันบานวันที่ 20 กันยายน แต่ท้ายที่สุด ก็ถูกทหารปฏิวัติรัฐประหารเสียก่อน และ 1 ปีของการรัฐประหารก็ได้ทิ้งตราบาปให้กับสังคมโดยมี 2 บุรุษที่ไร้ประสิทธิภาพ

การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากจะทำให้ครอบครัวกลายเป็นมหาเศรษฐี รวยทั้งบ้านรวมถึงคนรับใช้แล้ว ยังส่งผลถึงครอบครัวของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งน่าแปลกใจว่าเพียงไม่กี่ปีบุตรสาวและบุตรชายกลับมีเงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่เมื่อไร้เงาทักษิณแล้ว ก็ยังได้มีการวางหมากสืบทอดอำนาจเพื่อต่อสู้กับคดีต่างๆ ที่เคยทุจริตระหว่างที่อยู่ในอำนาจ โดยมีคดี 18 กรณีใหญ่ 24 กรณีเล็ก ที่ล้วนเป็นการทุจริตนับแสนล้าน
ทหารคุยรู้ว่าควรทำอะไร

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ใช้แผนดาวกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ทาง ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้มีการประชุมอะไร และจากการติดตามข่าวก็ทราบว่าทั้งฝ่ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีเจตจำนงไม่มีความรุนแรง แต่การเคลื่อนก็เพื่อเป็นการแสดงความเห็นของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น คิดว่าคงรู้ว่าควรจะทำแค่ไหน คงจะไม่บานปลาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าดูแล้ว ผบ.เหล่าทัพ จะถูกรุกหนักมาก โดยเฉพาะให้นำกำลังทหารเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ หลังจากที่ ผบ.เหล่าทัพ จับมือไปออกทีวีช่อง 3 เพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ทำอย่างนั้นคงไม่ดี การที่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พูดในหลักการกว้าง ๆ ว่าเราดูแล้วถ้าสมมติเอากำลังทหารออกมาปฏิวัติ ผลเสียกับประเทศชาติมีมาก โดยเฉพาะเรื่องการบอยคอตจากต่างชาติ ถ้าเราเจอบอยคอยปุ๊บ เราจะประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่จะกระทบไปทั่ว

“ประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปหรือว่า ปี 2549 ปฏิวัติ และพอมาปี 2551 ก็ปฏิวัติ แล้วอย่างนี้ใครจะมาเชื่อถือเรา ผมคิดว่าการที่เราพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ เพราะเราเป็นทหารประชาธิปไตยพอสมควร ดังนั้นเรารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เราจะทำในสิ่งที่เกิดผลดีกับประเทศชาติ และประชาชนมากที่สุด แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่อยากให้ทำหรอก” พล.ร.อ.กำธร ระบุ

พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า วันนี้เราจะต้องมาร่วมมือกัน ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ส่วนทหารก็มีหน้าที่ขอบเขตตามกฎหมายและ รัฐธรรมนูญ กำหนด เราไปยุ่งวุ่นวายมากก็ไม่ดี 'เหมือนกับที่ผบ.ทบ. พูดว่า ถ้าควบคุมไม่ได้จริงๆ เราก็คงจะต้องช่วยกัน ทหารก็จะต้องช่วยได้ในขอบเขตที่ทำได้'

พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็รับผิดชอบเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.อยู่แล้ว ขณะนี้รัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบอยู่ 2 คณะ ดังนั้นเราไม่ควรพูดก่อนที่ผลจะเอามาว่าถูกผิดอย่างไร

ส่วนที่หลายคนวิจารณ์ว่า ผบ.เหล่าทัพ ล้ำเส้นที่ไปวิจารณ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาผ่านทางทีวี พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เป็นเรื่องของนานาจิตตัง แต่ถ้าเราฟังข้อความโดยต่อเนื่อง ตนคิดว่า ผบ.ทบ.พูดทำนองโดยย้ำว่า “ถ้าเป็นผมนะครับ คือเอาใจท่านไปใส่ใจนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล และเหตุการณ์รุมเร้าอึดอัด ท่านบอกว่าถ้าเป็นตัวท่านท่านบอกว่าไม่เอาแล้ว คล้าย ๆ ท่านไม่รู้แล้ว” ซึ่งความคิดของตนคงเป็นลักษณะนั้น แต่บางท่านอาจจะฟังว่าไปกดดันรัฐบาล แต่เรื่องนี้มันฟังได้หลายแง่ แต่ถ้าฟังความต่อเนื่องแล้วเหมือนกับความรู้สึกส่วนตัวของท่าน

"เทพไท"ถอนหงอก"เสนาะ"

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้จัดทำพิธีบวงสรวงและทำบุญให้รัฐสภา ในเรื่องนี้ไม่ทราบว่ามีเหตุผลดลใจอะไร เข้าใจว่าการจัดงานในครั้งนี้อาจจะเป็นวิญญาณของวีรชน 7 ตุลาคม ได้ตามหลอนนายชัยให้รับผิดชอบเหตุการณ์ในวันที่ 7 หรือไม่ เป็นเรื่องของประธานสภา แต่ดูจากข่าวพบว่านายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมด้วย เห็นว่า มีการรดน้ำมนต์แก้เคล็ด หรือการปัดรังควานเข้าใจว่าทำนองนั้น เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่นายกฯ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรีเคยมาทำพิธีอยู่แล้วแม้แต่วันที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรียังส่งพี่ชายมาแก้บนที่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช

การชุมนุมในพื้นที่ใกล้เคียงกันอาจกระทบกระทั่งกันได้ และรัฐบาลไม่ควรแสดงบทบาทตอกลิ่มความขัดแย้ง เช่น รายการ 3 เกลอที่เปิดโอกาสให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง ใช้โอกาสใช้ช่องทางของรัฐออกมาโจมตีปลุกระดมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญทุกมาตรา และโจมตีฝ่ายตรงข้ามแต่ผู้เดียวอย่างน้อยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลโดยไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงตอบโต้

"ชัดเจนที่รัฐบาลให้ นปก.มาใช้สื่อของรัฐเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ใช้เวลา 1 ชั่วโมงออกการชุมนุมของกลุ่ม นปก.รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ต้องให้ นายณัฐวุฒิ ออกจากรายการนี้ รัฐบาลต้องไม่ใช้สื่อรัฐโจมตีคนที่เห็นต่าง หรือการเข้ามาใช้สื่อนี้ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์เงื่อนไขเชียร์รัฐบาล โจมตีคนที่เห็นต่างเท่านั้น ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหานี้เท่ากับไม่จริงใจ และนำเข้าสู่วิกฤตต่อไป" นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวต่ออีกว่า กรณีของนักการเมืองอาวุโสเช่น นายเสนาะ เทียนทอง ออกมาบอกในทำนองว่าจะเข้าวิกฤตการนองเลือดครั้งใหญ่อีกครั้งของประเทศไทยว่า ภาวการณ์อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นนั้นนายเสนาะ คงกังวลใจห่วงใยคนไทยด้วยกัน และเช่นเดียวกันคนไทยก็ห่วงใยเช่นเดียวกับนายเสนาะ แต่ก็ไม่มีโอกาสหรือศักยภาพที่จะแก้ปัญหาปลดชนวนความขัดแย้งได้ คนเหล่านั้นทำไม่ได้

"แต่นายเสนาะ เป็นสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล นายเสนาะ ทำได้ด้วยการถอนตัวออกจากรัฐบาล และชักชวนพรรคร่วมถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าไม่อยากเห็นการนองเลือดเกิดขึ้นอย่างที่นายเสนาะบอก นายเสนาะประกาศถอนตัวได้เลยไม่ทราบว่าห่วงอะไรอยู่และชวนพรรคพวกออกมาด้วย ส่วนประชาธิปัตย์มาถึงวันนี้เรียกร้องเพียงหนทางเดียวคือการยุบสภาเท่านั้น"

“วรินทร์”ขอดูมติครม.6 ต.ค.

เมื่อเวลา 13.00 น. นายวรินทร์ เทียมจรัส สมาชิกวุฒิสภา ฐานะคณะทำงานอนุกรรมคณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบ เรื่องทุจริตและส่งเสริมธรรมาภิบาล วุฒิสภา เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว(ดอนเมือง) เพื่อยื่นหนังสือถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอมติครม.เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2551 รวมทั้งรายงานการประชุม เทปบันทึกการประชุม รายชื่อและจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม ระเบียบวาระการประชุม และเอกสารคำสั่งในวันที่ 7 ต.ค.ว่ามีมติให้ใครรับผิดชอบในการดูแลรักษาความสงบในวันที่ 7 ต.ค.

“เมื่อได้เอกสารของครม.คณะกรรมาธิการฯจะเชิญนายสมชาย ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯเต็มคณะในวันที่ 27 ต.ค. เวลา 09.30 น. ที่ห้องกรรมาธิการ 311 อาคารวุฒิสภาโดยมีนางรสนา โตสิตระกูล เป็นประธานสอบ อย่างไรก็ตามจากนี้ก็จะทยอยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้วย ทั้งนี้ถ้าเอกสารครบเมื่อไหร่สนุกแน่ เพราะจำเลยมันชัดเจนอยู่แล้ว”นายวรินทร์ กล่าว

นายวรินทร์ กล่าวอีกว่า นายชูศักดิ์ บอกว่าจะจัดให้ตามนี้แต่ท่านบอกว่าเทปบันทึกการประชุมไม่มีมาตั้งแต่สมัยของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้ว อย่างไรก็ตามเรารู้ว่าอันไหนมติของจริงของปลอม ตัดต่อหรือไม่ตัดต่อ ทั้งนี้คาดว่าน่าจะได้เอกสารภายใน 3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในคณะกรรมาธิการที่จะสอบนายกรัฐมนตรีมีพล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร พี่ชายของพล.อ.สพรั่ง กัลยณมิตร ร่วมเป็นคณะที่จะสอบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น