สัตว์นรกสุมไฟส่ง “ณัฐวุฒิ” โฆษกรัฐบาลคนใหม่สมานฉันท์ อ้างหน้าด้านๆ ไม่คิดใช้กำลังสลายชุมนุม แค่ต้องการเปิดทางให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเข้าไปแถลงนโยบาย เพื่อทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ต่อไป ยันตำรวจใช้แค่แก๊สน้ำตาล้วนๆ
วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.20 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมทั้งรัฐบาลเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นความเจ็บปวดของคนไทยที่ไม่มีใครต้องการเห็นภาพความรุนแรง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่า ไม่มีแนวคิด หรือความต้องการที่จะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เนื่องจากนโยบายนี้ตรงกันกับรัฐบาลชุดที่แล้ว
“หากรัฐบาลมีความต้องการเช่นนั้น ก็สามารถดำเนินการได้ในช่วงก่อนที่จะจับกุม 2 แกนนำเพราะบรรยากาศการชุมนุมถือว่าลดน้อยลงมาก และหากมีความต้องการใช้กำลังความรุนแรงหรือใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมก็จะดำเนินการได้โดยสะดวกกว่าที่จะมาดำเนินการในวันที่มีการระดมกำลังชุมนุมใหญ่ ฉะนั้น การปฏิบัติการของตำรวจจึงไม่ได้เป็นนโยบายหรือความต้องการที่จะสลายการชุมนุม เป็นแต่เพียงความพยายามที่จะเปิดทางเข้ารัฐสภาให้ได้ช่องทางเดียวเท่านั้น เพื่อให้รัฐบาลและสมาชิกของสภาสามารถเข้าร่วมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ เพราะหากรัฐบาลไม่สามารถแถลงนโยบายได้ อำนาจตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดินในการขับเคลื่อนงบประมาณไปสู่ประชาชนก็จะมีข้อติดขัด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ซึ่งเคยเป็นสมาชิก นปก.และเคยยกขบวนไปด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ นานหลายชั่วโมง เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรีหลังจากที่ นายสมชาย ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านพักเพียงไม่กี่วัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญร่วมกันของสังคมไทย และขอให้มองเหตุการณ์นี้ด้วยสติ และหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ก็จะไม่มีภาพผู้ชุมนุมมีอาวุธจนเกิดเหตุบานปลาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง แทง ทุบตี และขับรถชน ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็ถูกแก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ที่ตำรวจปฏิบัติตามหลักสากลในการดำเนินการกับผู้ชุมนุม ส่วนคนที่ขาขาดนั้นก็เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยพิจารณาในเรื่องนี้
“ผมขอกราบเรียนว่า ไม่ใช่แค่รัฐบาล เป็นคนไทยทุกคนไม่ว่าคนไหนอยากเห็นภาพที่ปรากฏ ไม่มีใครสามารถเดินก้าวข้ามกองเลือดคนไทยด้วยกัน เพื่อไปรักษาอำนาจ หรือบารมีของตัวเองเอาไว้ได้หรอกครับ เพียงแต่ว่าเมื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนก็มีความจำเป็นที่จะต้องบริหารราชแผ่นดินให้เดินไปข้างหน้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเอาไว้ตามวิถีทางของประชาธิปไตย ฉะนั้น รัฐบาลไม่ได้เดินข้ามกองเลือดของประชาชนไปแถลงนโยบายอย่างที่มีการว่ากล่าว และไม่มีทางหาประโยชน์จากกองเลือกของประชาชนเช่นเดียวกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ที่แกนนำพันธมิตรฯมักจะจุดประเด็น ว่า รัฐบาลเตรียมสลายการชุมนุมตลอดเวลาเพื่อปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมนั้น ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวาน วันนี้ หรือวันไหนก็ตาม แต่สิ่งที่จะทำ คือ ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย จะพยายามใช้การเจรจาทำความเข้าใจและหาข้อยุติเหตุการณ์นี้สันติวิธี
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่กัปตันการบินไทยห้าม ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นเครื่องบิน ว่า คิดว่าเป็นเรื่องฝ่ายบริษัท การบินไทย จะดูแลตรวจสอบ แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าแม้เป็นเอกสิทธิ์ของกัปตันที่จะให้ใครอยู่บนเครื่องหรือไม่อย่างไรก็ได้นั้นก็ว่ากันไป เพียงแต่ว่าเหตุผลทางการเมืองที่จะใช้กล่าวอ้างนั้นก็ต้องดูด้วยว่าใช้เอกสิทธิ์โดยชอบหรือไม่
“เพราะความไม่สบายใจอันเป็นความรู้สึกของกัปตันก็เกิดขึ้นได้ แต่การใช้เหตุผลทางการเมืองว่าไม่พอใจฝักฝ่ายการเมืองแล้วตัดสินใจดำเนินการแบบนี้ถือว่าเป็นลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้โดยสารซึ่งเขามาตามกติกาถูกต้องทุกอย่างโดยมีการซื้อตั๋ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.20 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมทั้งรัฐบาลเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นความเจ็บปวดของคนไทยที่ไม่มีใครต้องการเห็นภาพความรุนแรง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่า ไม่มีแนวคิด หรือความต้องการที่จะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เนื่องจากนโยบายนี้ตรงกันกับรัฐบาลชุดที่แล้ว
“หากรัฐบาลมีความต้องการเช่นนั้น ก็สามารถดำเนินการได้ในช่วงก่อนที่จะจับกุม 2 แกนนำเพราะบรรยากาศการชุมนุมถือว่าลดน้อยลงมาก และหากมีความต้องการใช้กำลังความรุนแรงหรือใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมก็จะดำเนินการได้โดยสะดวกกว่าที่จะมาดำเนินการในวันที่มีการระดมกำลังชุมนุมใหญ่ ฉะนั้น การปฏิบัติการของตำรวจจึงไม่ได้เป็นนโยบายหรือความต้องการที่จะสลายการชุมนุม เป็นแต่เพียงความพยายามที่จะเปิดทางเข้ารัฐสภาให้ได้ช่องทางเดียวเท่านั้น เพื่อให้รัฐบาลและสมาชิกของสภาสามารถเข้าร่วมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ เพราะหากรัฐบาลไม่สามารถแถลงนโยบายได้ อำนาจตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดินในการขับเคลื่อนงบประมาณไปสู่ประชาชนก็จะมีข้อติดขัด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ซึ่งเคยเป็นสมาชิก นปก.และเคยยกขบวนไปด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ นานหลายชั่วโมง เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรีหลังจากที่ นายสมชาย ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านพักเพียงไม่กี่วัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญร่วมกันของสังคมไทย และขอให้มองเหตุการณ์นี้ด้วยสติ และหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ก็จะไม่มีภาพผู้ชุมนุมมีอาวุธจนเกิดเหตุบานปลาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง แทง ทุบตี และขับรถชน ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็ถูกแก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ที่ตำรวจปฏิบัติตามหลักสากลในการดำเนินการกับผู้ชุมนุม ส่วนคนที่ขาขาดนั้นก็เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยพิจารณาในเรื่องนี้
“ผมขอกราบเรียนว่า ไม่ใช่แค่รัฐบาล เป็นคนไทยทุกคนไม่ว่าคนไหนอยากเห็นภาพที่ปรากฏ ไม่มีใครสามารถเดินก้าวข้ามกองเลือดคนไทยด้วยกัน เพื่อไปรักษาอำนาจ หรือบารมีของตัวเองเอาไว้ได้หรอกครับ เพียงแต่ว่าเมื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนก็มีความจำเป็นที่จะต้องบริหารราชแผ่นดินให้เดินไปข้างหน้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเอาไว้ตามวิถีทางของประชาธิปไตย ฉะนั้น รัฐบาลไม่ได้เดินข้ามกองเลือดของประชาชนไปแถลงนโยบายอย่างที่มีการว่ากล่าว และไม่มีทางหาประโยชน์จากกองเลือกของประชาชนเช่นเดียวกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ที่แกนนำพันธมิตรฯมักจะจุดประเด็น ว่า รัฐบาลเตรียมสลายการชุมนุมตลอดเวลาเพื่อปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมนั้น ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวาน วันนี้ หรือวันไหนก็ตาม แต่สิ่งที่จะทำ คือ ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย จะพยายามใช้การเจรจาทำความเข้าใจและหาข้อยุติเหตุการณ์นี้สันติวิธี
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่กัปตันการบินไทยห้าม ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นเครื่องบิน ว่า คิดว่าเป็นเรื่องฝ่ายบริษัท การบินไทย จะดูแลตรวจสอบ แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าแม้เป็นเอกสิทธิ์ของกัปตันที่จะให้ใครอยู่บนเครื่องหรือไม่อย่างไรก็ได้นั้นก็ว่ากันไป เพียงแต่ว่าเหตุผลทางการเมืองที่จะใช้กล่าวอ้างนั้นก็ต้องดูด้วยว่าใช้เอกสิทธิ์โดยชอบหรือไม่
“เพราะความไม่สบายใจอันเป็นความรู้สึกของกัปตันก็เกิดขึ้นได้ แต่การใช้เหตุผลทางการเมืองว่าไม่พอใจฝักฝ่ายการเมืองแล้วตัดสินใจดำเนินการแบบนี้ถือว่าเป็นลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้โดยสารซึ่งเขามาตามกติกาถูกต้องทุกอย่างโดยมีการซื้อตั๋ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว