xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ นัด ครม.ขีดเพดานดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” พร้อมทบทวนมาตรการจัดเก็บภาษีน้ำมัน และส่งเงินสมทบกองทุนน้ำมัน หลังแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง เตรียมนำเข้าหารือกลางที่ประชุม ครม.ตั้งเพดานพยุงดีเซลลิตรละไม่เกิน 30 บาท



วันนี้ (9 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 30 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถึงปัญหาราคาน้ำมัน ว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลไปผลักภาระให้กับพี่น้องประชาชนหรืออย่างไร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ตนเคยพูดใช่หรือไม่ว่าจะลดภาระในเรื่องนี้ อยากจะอธิบายว่าวันที่มีการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับประมาณ 60-70-80 เหรียญต่อบาร์เรลในโลก ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างที่จะสูง ขณะนั้นสิ่งที่ทางพรรคการเมืองต่างๆ หาเสียงก็มีการพูดกัน และตนก็ไปเสนอว่าน่าจะมีการลดภาระการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ปรากฏว่า ภาวะในเรื่องของราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ด้านหนึ่งคือว่ามีช่วงหนึ่งราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นไปถึง 140 เหรียญต่อบาร์เรล อีกด้านหนึ่งคือว่าโครงสร้างการใช้น้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงไปมากระหว่างผู้คน ซึ่งได้รับการส่งเสริมสนับสนุนมาใช้ในเรื่องของแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ถูกต้อง และเราจะสนับสนุน

นายกฯ กล่าวว่า ทีนี้ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุด รัฐบาลก่อนได้มีการไปใช้มาตรการในด้านภาษี คือ ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตทั้งหมด เพราะฉะนั้นโครงสร้างตัวนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอีก พร้อมๆ กันนั้นอย่างที่ทราบกันดีว่าก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ทีนี้ในวันที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา มาตรการที่ยกเว้นภาษีสรรพสามิตก็หมดอายุ แต่ราคาน้ำมันได้ลดต่ำลงมาถึงระดับที่ประมาณ 30 เหรียญ ไม่เกิน 40 เหรียญต่อบาร์เรล ในตลาดโลก เพราะฉะนั้นเราต้องกลับมาใช้ระบบภาษีสรรพสามิต และเพิ่มเติมขึ้นเล็กน้อยตามแนวโน้มของโลก ทั่วโลกเขาจะจัดเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าเขาก็พยายามที่จะไม่สนับสนุนให้คนใช้น้ำมันมาก หรือเชื้อเพลิงมาก แต่ว่าเราก็ทำในขณะนั้นและมีการปรับเพิ่มภาษีขึ้นมา รวมทั้งบริหารจัดการกองทุน เพื่อที่จะทำให้เรื่องของสถานะทั้งกองทุนและสถานะในเรื่องของการคลังมีความ มั่นคง โดยที่เรารู้ว่าขณะนั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงค่อนข้างต่ำ เพราะฉะนั้น ราคาหน้าปั๊มจริงๆ ก็ยังต่ำกว่าในช่วงปีก่อนๆ ที่มีการพูดกัน

“ต่อมาเราได้ทำอันนี้แล้วและบริหารจัดการมาแล้ว ปรากฏว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้พุ่งกลับมาอยู่ที่เกิน 70 เหรียญต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นจุดที่รัฐบาลพร้อมที่จะมาทบทวนนโยบายต่างๆ ทั้งหมด ผมได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาปรึกษาหารือกันแล้ว พูดง่ายๆ ขณะนี้ คือ เรามองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปจาก 70 เหรียญ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะไปเป็น 80, 90 หรือ 100 ก็สุดแล้วแต่ สิ่งที่เราต้องการจะทำแน่นอนคือว่า 1.ทำอย่างไรน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญ และโดยเฉพาะน้ำมันที่พี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อยใช้ เช่น น้ำมันดีเซลจะไม่แพงจนเกินไป ขณะนี้อาจจะอยู่ที่ประมาณ 28-29 บาท เราไม่อยากให้เกิน 30 บาท กับ 2.เนื่องจากว่าที่เราได้ปรับนโยบายในเรื่องของภาษีและกองทุนทำให้ขณะนี้รัฐบาลมีกำลัง คือที่เราต้องยอมพูดง่าย ๆ ว่ายอมเจ็บอยู่บ้างในช่วงที่ผ่านมา เพราะเราเห็นว่าต้องเก็บเงินเอาไว้เพื่อไว้ต่อสู้ในยามที่ราคาน้ำมันแพง” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า บัดนี้สถานการณ์นั้นมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้าทั้งในส่วนของการส่งเงินเข้ากองทุน และเงินต่างๆ ที่รัฐจัดเก็บอยู่ และจะมีมาตรการออกมาที่จะบรรเทาไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาท ส่วนอนาคตข้างหน้าถ้าราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นไปอีก ก็ได้มีการพูดกันในเชิงหลักคิดแล้วว่า อย่างน้อยที่สุดกองทุนน้ำมันไม่ควรจะเป็นภาระกับพี่น้องประชาชน คือจะเก็บเข้าเพื่อประโยชน์ในการที่จะไปอุดหนุนบางเรื่องเท่านั้น เช่น ก๊าซหุงต้ม ซึ่งพี่น้องประชาชนต้องใช้ เราก็ตั้งใจที่จะตรึงทั้งก๊าซหุงต้มและเอ็นจีวีไว้จนถึงสิงหาคมปีหน้า ทั้งในส่วนของการที่จะไปสนับสนุนพลังงานทดแทนทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือก๊าซโซฮอล์ E20 E85 ไปจนถึง B5 ไบ โอดีเซล “เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้าจะมีมาตรการเรื่องนี้ออกมา และได้วางแผนล่วงหน้าแล้ว และทั้งหมดที่ทำได้เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้บริหารจัดการในเรื่อง ภาษีกับกองทุนให้เรามีเงินพอในยามที่เราคาดการณ์เอาไว้ว่า น้ำมันจะแพงขึ้น เราก็ได้เตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เลยถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน” นายอภิสิทธ์ กล่าว

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบคำถามของนายเชิงชาย หว่างอุ่น ที่มาเป็นพิธีกรรับเชิญในช่วงที่ 3 ของรายการ ซึ่งเป็นเทปการสัมภาษณ์บนรถไฟฟรีชั้นสามถึงการทำให้ราคาน้ำมันถูกลงว่า เราต้องยอมรับในส่วนที่เป็นต้นทุนที่มันเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ แต่พร้อมๆ กันไปเราก็มีการเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน และภาษี ก็มีตั้งแต่ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่มอะไรต่างๆ ทีนี้ช่วงที่น้ำมันมันลดลงไปในตลาดโลก เราก็มีการเก็บเพิ่มตรงนี้เข้ามา พอน้ำมันมันเกิน 70 เหรียญต่อบาร์เรล ในต่างประเทศ เราก็คิดว่าจากนี้ไปคงจะต้องลดภาระตรงนี้ลงมา ในรายละเอียดว่าจะลดตรงไหนอย่างไรก็สัปดาห์หน้า

“แต่ว่าในทางเทคนิคทางกฎหมาย และความรัดกุมก็จะดูแล หลักจริงๆ คือ จะดูแลที่ดีเซล เพราะว่าเป็นต้นทุนในการขนส่ง และเราไม่อยากเห็นดีเซลเกิน 30 บาท ทีนี้น้ำมันวันนี้ 70 เขาก็คาดการณ์ว่าอีก 2-3 ปีนี้ อาจจะขึ้นไปถึง 80-90-100 แต่เราไม่อยากให้ข้างในเกิน 30 ปัจจุบันประมาณ 28 กว่าๆ ก็จะมีการลดตรงนี้มาส่วนหนึ่งก่อน และเตรียมไว้ ทีนี้บางคนก็มาบอกว่าก่อนหน้านี้ไปขึ้นกันนี้เพราะอะไร ก็ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ น้ำมันลดลงไปเหลือ 34 การเก็บตรงนี้เหมือนกับสะสมอาวุธเอาไว้ พอน้ำมันแพงเราจะได้มีตัวที่มาใช้ มีตัวช่วยที่จะเข้าไปใช้ได้ ถ้าเราไม่สะสมไว้ก่อนเราก็ไม่มีกำลัง ขณะนี้เราคิดว่าทั้งในส่วนของภาษีทั้งในส่วนของกองทุนฯ เราจะมีตัวช่วยที่ใช้ได้ เวลาที่น้ำมันมันขึ้นไป 70-80-90-100” นายกฯ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) เวลา 15.00 น.นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2552 (ครั้งที่ 126) ณ ห้องประชุม 3601 ชั้น 6 อาคารรัฐสภา 3 เพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยมาตรการที่ออกมาจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันอังคารที่ 11 สิงหาคมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น