ขุนคลังห่วงผลกระทบราคาน้ำมัน เตะถ่วงแผนฟื้น ศก.ชุด 2 นายกฯ ตีกลับแผน ก.พลังงาน ชงลดราคาดีเซลแค่บาทเดียว ไม่แรงเพียงพอต่อจิตวิทยาความเชื่อมั่น ทั้งการบริโภค-การลงทุน ยันต้องลดได้ลิตรละ 2 บาท ชดเชยการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แย้มสัปดาห์หน้า มีข่าวดีแน่
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันในประเทศ โดยยอมรับว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2552 ก่อนที่จะใช้แผนไทยเข้มแข็ง พร้อมระบุว่า เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงผลกระทบต่อประชาชน จึงได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน กลับไปศึกษาแนวทางการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
ทั้งนี้ พบว่า กระทรวงพลังงานเก็บเงินในส่วนของดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันอยู่ 75 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่กองทุนน้ำมันมีเงินสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจึงต้องศึกษาเพื่อหาทางลดภาระให้ประชาชน โดยจะเน้นให้การช่วยเหลือในส่วนของน้ำมันดีเซลก่อน เพราะเป็นต้นทุนสำหรับผู้ประกอบการ และภาคเกษตรให้มีภาระน้อยลง ซึ่งคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะมีข่าวดีเรื่องราคาน้ำมัน โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2552
โดยวานนี้ มีประชุมแก้ปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กระทรวงพลังงานได้เสนอให้ปรับลดอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตร และกองทุนเพื่อการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อบรรเทาภาระให้กับประชาชน
รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีมองว่าแนวทางดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอจึงสั่งให้กระทรวงพลังงานไปหาแนวทางปรับลดราคาน้ำมันลงอีก โดยเฉพาะในกลุ่มดีเซลควรจะลดลงได้ถึง 2 บาทต่อลิตร เท่ากับภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่รัฐบาลขึ้นไปก่อนหน้านี้ เพราะจะเห็นเป็นรูปธรรมได้มากกว่าที่เสนอมา เพราะเป็นการลดเพียง 1 บาทต่อลิตร ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ถ้าต้องปรับลดการจัดเก็บเงินดีเซลลิตรละ 2 บาท จะทำให้รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยทั้งในส่วนของดีเซล บี2 เป็น 30 สตางค์/ลิตร และบี 5 เป็น 2.23 บาท/ลิตร คำนวณแล้วจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มเดือนละ 1,800 ล้านบาท จากเดิมมีรายได้จากกลุ่มดีเซลเดือนละ 1,005 ล้านบาท
