กระทรวงพลังงานเตรียมเข็นมาตรการลดผลกระทบราคาน้ำมัน เสนอที่ประชุมกพช. 10 ส.ค.นี้ โดยอุ้มดีเซล 2 บาท/ลิตรเป็นเวลา 1ปี ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันฯ ยันไม่สร้างภาระต่อกองทุนน้ำมัน เหตุโยกเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ 6 พันล้านบาทเข้าบัญชีกองทุนน้ำมัน ด้านผู้ค้าน้ำมัน-กมธ.พลังงาน แนะรัฐลดภาษีน้ำมันลงแบ่งเบาภาระกองทุนฯ คลังเมินลดภาษี อ้างรัฐมีความจำเป็นต้องใช้เงินในโครงการประชานิยมอยู่ ส่วนผู้ประกอบการขู่ขึ้นค่าขนส่งอีกอย่างน้อย 10% อ้างราคาตลาดโลกพุ่งไม่หยุด
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อหาข้อสรุปการปรับลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงเงินที่สมทบเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 50 สตางค์ เพื่อเก็บไว้ใช้ลงทุนระบบรถไฟฟ้า ที่เป็นการจัดเก็บจากน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และ ไบโอดีเซลบี 2 ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานต่อประชาชน หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งขณะนี้ กระทรวงอยู่ระหว่างการจัดทำตัวเลขการลดเงินเข้ากองทุนฯที่เหมาะสม คาดว่าตัวเลขที่ออกมาจะเป็นที่น่าพอใจ โดยปัจจุบันฐานะเงินกองทุนน้ำมัน อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท และมีเงินไหลเข้ากองทุนเฉลี่ย 3,300 บาท/เดือน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ในการประชุมกพช. วันที่ 10 ส.ค.นี้ ทางกระทรวงพลังงานจะเสนอรายละเอียดมาตรการลดผลกระทบด้านพลังงาน โดยจะเข้าไปตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในอัตรา 2 บาท/ลิตร ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นระยะเวลาเพียง 1 ปี ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,800 ล้านบาท โดยยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมัน เนื่องจากจะนำเงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่จัดเก็บไว้ในการพัฒนาระบบขนส่ง 6,000 ล้านบาท โยกเข้าบัญชีกองทุนน้ำมันฯ เมื่อรวมกับฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิที่มีอยู่ 1.6 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเงินสะสมไว้ดูแลราคาน้ำมันประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ จะนำเงินที่เก็บจากเบนซิน 95และ 91 ของกองทุนอนุรักษ์ฯ ในอัตราลิตรละ 0.50 สต. เฉลี่ย 124 ล้านบาท/เดือน มาไว้ที่กองทุนน้ำมันฯด้วย ซึ่งจะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯมีรายได้เข้ามาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม มาตรการอุ้มราคาดีเซลครั้งนี้ จะใช้วิธีบริหารจัดการอัตราการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อทำให้ราคาขายปลีกลดลง ซึ่งดำเนินการได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ส่วนรัฐบาลจะเห็นชอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาในที่ประชุมกพช. หลังจากนั้นจะมีการเสนอที่ประชุมครม.ทันทีในวันที่ 11 ส.ค.
”ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯยังมีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 3,300 ล้านบาท ถือว่ายังเพียงพอกับการดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน และคงไม่ถึงกับสร้างภาระหนี้เป็นหลักแสนล้านบาท ตามที่หลายคนเป็นห่วงกัน รวมทั้งจะพิจารณาภาระรายจ่ายกองทุนน้ำมันฯที่ต้องเข้าไปดูแลราคาก๊าซหุงต้ม และก๊าซเอ็นจีวี ในภาคขนส่งด้วย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับกองทุนน้ำมันฯมากเกินไป” แหล่งข่าวกล่าว
"กรณ์" ยันจำเป็นใช้ภาษีน้ำมัน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในสัปดาห์หน้า จะมีข่าวดีเรื่องมาตรการทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มปรับลดลง โดยทางกระทรวงพลังงานจะเสนอลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งเป็นมาตรการส่วนแรกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้น้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องในตลาดโลก ส่วนการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ขณะนี้ยังมีความจำเป็นเนื่องจากรัฐบาลมีบริการสาธารณะประโยชน์จำนวนมาก ต้องใช้เงินงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การประกันราคาพืชผล
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าราคาน้ำมันยังปรับเพิ่มอีกจนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กระทรวงการคลังก็พร้อมจะพิจารณาลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
"การลดราคาน้ำมันด้วยการลดเก็บเงินเข้ากองทุน หรือลดภาษีสรรพสามิต ต้องคำนึงถึงการรักษาระดับการใช้น้ำมันดีเซล บี 5 มากกว่า ดีเซล บี 2 ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และเชื่อว่ามาตรการดูแลเศรษฐกิจไทย จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้มีการใช้น้ำมันขยายตัว" นายกรณ์กล่าว
สำหรับร่างพ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เพิ่มเพดานอัตราภาษีเป็นลิตรละ 10 บาทนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้งในสมัยนี้ หลังจากที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสมาชิกในการประชุมสภาที่ผ่านมา ซึ่งมีความมั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบผ่านสภาได้
ผู้ค้าน้ำมัน-กมธ.พลังงานแนะลดภาษี
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากภาครัฐต้องการให้ปรับราคาดีเซลลง 2 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องปรับลดภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มไปก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมากจนเกินไป
ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีรายจ่ายในการการอุดหนุนพลังงานทดแทน และราคาก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว หากรัฐไปแตะเงินกองทุนน้ำมันฯมาก ก็จะมีปัญหาต้องจัดหารายได้มาชดเชยการอุดหนุนพลังงานทดแทนและราคาก๊าซหุงต้ม ขณะเดียวกันส่วนต่างราคาดีเซล(บี2)กับไบโอดีเซล (บี5)ต้องไม่ต่ำกว่า 2 บาท/ลิตรจากปัจจุบันที่ต่างกันอยู่ 2.80 บาท/ลิตร เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคหันไปใช้ดีเซลมากจนเกินไป แม้ว่าจะมีข้อดีคือรัฐไม่ต้องชดเชยมากนัก แต่ข้อเสียคือไม่เป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
“ หากรัฐต้องการอุ้มดีเซล 2 บาท/ลิตร ก็มีแนวทางคือการลดภาษีน้ำมันลง รวมทั้งลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์ลง ขณะเดียวกันก็ต้องให้ราคาดีเซลกับบี5 ต่างกันไม่น้อยกว่า 2 บาทด้วยซึ่งขณะนี้ราคาดีเซลอยู่ที่ 28.89 บาท/ลิตร ก็ใกล้ 30 บาทแล้ว หากราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ไม่ปรับลด ก็มีแนวโน้มที่ผู้ค้าจะปรับขึ้นราคาขายปลีก เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 40-50 สตางค์/ลิตร ขณะที่กลุ่มแก๊ซโซฮอล์อยู่ที่ 70 สตางค์/ลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ภาครัฐต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ”นายอนุสรณ์กล่าว
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา กล่าวว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เตรียมปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับสูงขึ้นมากถึง 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่รัฐควรจะปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงให้เท่ากับระดับเดิม รวมถึงนำเงินจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่จัดเก็บไว้สร้างระบบรถไฟฟ้า 6,000 ล้านบาทมาใช้อุดหนุนราคาน้ำมันให้กับประชาชนส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทนและประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ จะเห็นได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาไม่มีมาตรการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานทดแทนเลย
จ้องขึ้นค่าขนส่งอย่างน้อย 10%
นายยู เจียรยืนยงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะดูแลราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลโดยการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล 2 บาทต่อลิตรว่า จะไม่มีผลต่อค่าขนส่ง เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภายในเดือนนี้ จะมีการปรับขึ้นค่าขนส่งอีกอย่างน้อย 10 % ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการขนส่งได้เจรจากับผู้ว่าจ้างแล้ว เนื่องจากอัตราค่าขนส่งที่เก็บอยู่ขณะนี้คิดต้นทุนน้ำมันที่ 17-18บาทต่อลิตรเท่านั้น แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลเกือบ 29 บาทต่อลิตรแล้วแม้ว่าภาครัฐจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนแต่ราคาน้ำมันขายปลีกต้องอิงกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายยูกล่าวว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการขนส่งได้เสนอรัฐบาลให้บริหารกองทุนน้ำมัน โดยกำหนดการปรับราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลเป็นรายไตรมาส เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายย่อย ที่ไม่สามารถปรับค่าขนส่งได้ทันกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับขึ้นถี่มาก ทุกสัปดาห์ บางช่วงขึ้นทุก 3 วัน
แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากภาครัฐ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับส่วนต่างราคาน้ำมันกับค่าขนส่งที่เรียกเก็บ มากกว่า 10%
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อหาข้อสรุปการปรับลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงเงินที่สมทบเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 50 สตางค์ เพื่อเก็บไว้ใช้ลงทุนระบบรถไฟฟ้า ที่เป็นการจัดเก็บจากน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และ ไบโอดีเซลบี 2 ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานต่อประชาชน หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งขณะนี้ กระทรวงอยู่ระหว่างการจัดทำตัวเลขการลดเงินเข้ากองทุนฯที่เหมาะสม คาดว่าตัวเลขที่ออกมาจะเป็นที่น่าพอใจ โดยปัจจุบันฐานะเงินกองทุนน้ำมัน อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท และมีเงินไหลเข้ากองทุนเฉลี่ย 3,300 บาท/เดือน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ในการประชุมกพช. วันที่ 10 ส.ค.นี้ ทางกระทรวงพลังงานจะเสนอรายละเอียดมาตรการลดผลกระทบด้านพลังงาน โดยจะเข้าไปตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในอัตรา 2 บาท/ลิตร ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นระยะเวลาเพียง 1 ปี ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,800 ล้านบาท โดยยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมัน เนื่องจากจะนำเงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่จัดเก็บไว้ในการพัฒนาระบบขนส่ง 6,000 ล้านบาท โยกเข้าบัญชีกองทุนน้ำมันฯ เมื่อรวมกับฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิที่มีอยู่ 1.6 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเงินสะสมไว้ดูแลราคาน้ำมันประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ จะนำเงินที่เก็บจากเบนซิน 95และ 91 ของกองทุนอนุรักษ์ฯ ในอัตราลิตรละ 0.50 สต. เฉลี่ย 124 ล้านบาท/เดือน มาไว้ที่กองทุนน้ำมันฯด้วย ซึ่งจะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯมีรายได้เข้ามาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม มาตรการอุ้มราคาดีเซลครั้งนี้ จะใช้วิธีบริหารจัดการอัตราการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อทำให้ราคาขายปลีกลดลง ซึ่งดำเนินการได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ส่วนรัฐบาลจะเห็นชอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาในที่ประชุมกพช. หลังจากนั้นจะมีการเสนอที่ประชุมครม.ทันทีในวันที่ 11 ส.ค.
”ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯยังมีเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 3,300 ล้านบาท ถือว่ายังเพียงพอกับการดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน และคงไม่ถึงกับสร้างภาระหนี้เป็นหลักแสนล้านบาท ตามที่หลายคนเป็นห่วงกัน รวมทั้งจะพิจารณาภาระรายจ่ายกองทุนน้ำมันฯที่ต้องเข้าไปดูแลราคาก๊าซหุงต้ม และก๊าซเอ็นจีวี ในภาคขนส่งด้วย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับกองทุนน้ำมันฯมากเกินไป” แหล่งข่าวกล่าว
"กรณ์" ยันจำเป็นใช้ภาษีน้ำมัน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในสัปดาห์หน้า จะมีข่าวดีเรื่องมาตรการทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มปรับลดลง โดยทางกระทรวงพลังงานจะเสนอลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งเป็นมาตรการส่วนแรกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้น้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องในตลาดโลก ส่วนการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ขณะนี้ยังมีความจำเป็นเนื่องจากรัฐบาลมีบริการสาธารณะประโยชน์จำนวนมาก ต้องใช้เงินงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การประกันราคาพืชผล
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าราคาน้ำมันยังปรับเพิ่มอีกจนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กระทรวงการคลังก็พร้อมจะพิจารณาลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
"การลดราคาน้ำมันด้วยการลดเก็บเงินเข้ากองทุน หรือลดภาษีสรรพสามิต ต้องคำนึงถึงการรักษาระดับการใช้น้ำมันดีเซล บี 5 มากกว่า ดีเซล บี 2 ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และเชื่อว่ามาตรการดูแลเศรษฐกิจไทย จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้มีการใช้น้ำมันขยายตัว" นายกรณ์กล่าว
สำหรับร่างพ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เพิ่มเพดานอัตราภาษีเป็นลิตรละ 10 บาทนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้งในสมัยนี้ หลังจากที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสมาชิกในการประชุมสภาที่ผ่านมา ซึ่งมีความมั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบผ่านสภาได้
ผู้ค้าน้ำมัน-กมธ.พลังงานแนะลดภาษี
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากภาครัฐต้องการให้ปรับราคาดีเซลลง 2 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องปรับลดภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มไปก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมากจนเกินไป
ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีรายจ่ายในการการอุดหนุนพลังงานทดแทน และราคาก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว หากรัฐไปแตะเงินกองทุนน้ำมันฯมาก ก็จะมีปัญหาต้องจัดหารายได้มาชดเชยการอุดหนุนพลังงานทดแทนและราคาก๊าซหุงต้ม ขณะเดียวกันส่วนต่างราคาดีเซล(บี2)กับไบโอดีเซล (บี5)ต้องไม่ต่ำกว่า 2 บาท/ลิตรจากปัจจุบันที่ต่างกันอยู่ 2.80 บาท/ลิตร เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคหันไปใช้ดีเซลมากจนเกินไป แม้ว่าจะมีข้อดีคือรัฐไม่ต้องชดเชยมากนัก แต่ข้อเสียคือไม่เป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
“ หากรัฐต้องการอุ้มดีเซล 2 บาท/ลิตร ก็มีแนวทางคือการลดภาษีน้ำมันลง รวมทั้งลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์ลง ขณะเดียวกันก็ต้องให้ราคาดีเซลกับบี5 ต่างกันไม่น้อยกว่า 2 บาทด้วยซึ่งขณะนี้ราคาดีเซลอยู่ที่ 28.89 บาท/ลิตร ก็ใกล้ 30 บาทแล้ว หากราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ไม่ปรับลด ก็มีแนวโน้มที่ผู้ค้าจะปรับขึ้นราคาขายปลีก เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 40-50 สตางค์/ลิตร ขณะที่กลุ่มแก๊ซโซฮอล์อยู่ที่ 70 สตางค์/ลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ภาครัฐต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ”นายอนุสรณ์กล่าว
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา กล่าวว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เตรียมปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับสูงขึ้นมากถึง 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่รัฐควรจะปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงให้เท่ากับระดับเดิม รวมถึงนำเงินจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่จัดเก็บไว้สร้างระบบรถไฟฟ้า 6,000 ล้านบาทมาใช้อุดหนุนราคาน้ำมันให้กับประชาชนส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทนและประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ จะเห็นได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาไม่มีมาตรการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานทดแทนเลย
จ้องขึ้นค่าขนส่งอย่างน้อย 10%
นายยู เจียรยืนยงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะดูแลราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลโดยการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล 2 บาทต่อลิตรว่า จะไม่มีผลต่อค่าขนส่ง เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภายในเดือนนี้ จะมีการปรับขึ้นค่าขนส่งอีกอย่างน้อย 10 % ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการขนส่งได้เจรจากับผู้ว่าจ้างแล้ว เนื่องจากอัตราค่าขนส่งที่เก็บอยู่ขณะนี้คิดต้นทุนน้ำมันที่ 17-18บาทต่อลิตรเท่านั้น แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลเกือบ 29 บาทต่อลิตรแล้วแม้ว่าภาครัฐจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนแต่ราคาน้ำมันขายปลีกต้องอิงกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายยูกล่าวว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการขนส่งได้เสนอรัฐบาลให้บริหารกองทุนน้ำมัน โดยกำหนดการปรับราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลเป็นรายไตรมาส เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายย่อย ที่ไม่สามารถปรับค่าขนส่งได้ทันกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับขึ้นถี่มาก ทุกสัปดาห์ บางช่วงขึ้นทุก 3 วัน
แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากภาครัฐ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับส่วนต่างราคาน้ำมันกับค่าขนส่งที่เรียกเก็บ มากกว่า 10%